เงามืดมายาทั้งสองไล่ฟัดไล่เหวี่ยงกันบนพื้นดิน จากนั้นทั้งคู่ก็ร่วงลงมาจากเงามืด
เมื่อจอมยุทธ์ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการต่อสู้ควบคุมวิชากระโดดสู่เงาของอั้นกู่ สิ่งนี้ทำให้ยอดฝีมือของระบบต่างๆ ขนพองสยองเกล้าและเสียวสันหลังวาบเพียงนึกถึงมัน
และการกระโดดระยะสั้นของอั้นกู่นั้นเร็วยิ่งกว่าค่ายกลส่งตัวของโหร
ช่างไร้ทางป้องกันและไม่อาจขัดขวางอย่างแท้จริง
มีเพียงอั้นกู่ที่สามารถรับมืออั้นกู่ด้วยกันได้
เมื่อเห็นทั้งสองร่วงลงมาจากเงา ฉุนเยียนอ้าปากแผดเสียงหวีดอันไร้ซึ่งเสียงแต่บาดแหลมเป็นอย่างยิ่งสำหรับจิตเดิมในทันที
หลวนอวี้ขี่ลมเข้าหาสวี่ชีอันด้วยตนเอง กระโปรงบางโปร่งพริ้วระบำเฉกเช่นสตรีงามแห่งยุค
นางแผ่อ้อมกอดด้วยท่านกนางแอ่นบินถลาลงสู่ป่าพร้อมกับแสร้งทำท่าทางอ้อนแอ้นน่าสงสาร ประกายน้ำตาซึ่งวับวาวเปี่ยมดวงตาอันสวยงาม นางเอ่ยอย่างกล้ำกลืนว่า
“อย่าทำร้ายเขาเลย”
การรับมือจอมยุทธ์ด้วยวิชา ‘รัญจวน’ เรียกได้ว่าราบรื่นไปเสียทุกที่ นางเห็นว่าแววตาที่ชายผู้นี้มองนางเปี่ยมด้วยความลุ่มหลง
หลวนอวี้ฉวยโอกาสเข้าไปในร่างเทพอารักษ์ร่างนี้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นร่างที่นางอยากได้มาครองเสียจนน้ำลายไหล แขนประดุจรากบัวอันเรียวราวเกี่ยวคอของเขาไว้ พร้อมแนบริมฝีปากอันแดงชุ่มลงไป
“ฟู่”
นางเป่ากลิ่นอายที่หอมหวานลงไป และส่งจื่อกู่สิบกว่าตัวเข้าไปในปากของอีกฝ่าย
ขณะนี้เอง นางได้ยินหนุ่มผู้นี้เอ่ยเบาๆ ว่า
“เจ้าทำเช่นนี้กับชายทุกคนเลยหรือ”
‘นี่มัน’…รูม่านตาของหลวนอวี้หดตัวลงอย่างรุนแรง และในวินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็พ่นมันกลับเข้าปากของนางในพรวดเดียว กลิ่นอายนี้ร้อนแผดเผาจนจุกเสียดกระเพาะอย่างรุนแรง
“โอ๊ย…”
หลวนอวี้จับท้องน้อยไว้ เส้นเลือดสีดำปูดนูนขึ้นบนใบหน้า พร้อมด้วยเลือดสีดำทะลักออกมาจากปาก
ฉิงกู่ใช้ปราณเสน่หา วิชารัญจวนและการล่อลวงสติปัญญาเป็นหลัก กายหยาบจึงไม่ใช่จุดแข็งของปรมาจารย์ฉิงกู่
แม้พิษของสวี่ชีอันจะไม่รุนแรงเท่าป๋าจี้ แต่มากเพียงพอสำหรับ ‘สตรีอ่อนแอ’ คนหนึ่งแล้ว
เขาอ้าแขนมอบอ้อมกอดหมีให้หญิงสาวผู้สวยหยาดเยิ้ม
แกรก…กระดูกในร่างกายของหลวนอวี้หักไปสิบกว่าท่อน
ลมปราณของเจ้าปลุกอารมณ์ข้าไม่ได้หรอก แต่ลมปราณของข้าทำใจเจ้าติดพิษปางตายได้
สวี่ชีอันพึมพำในใจ
สภาพของหลวนอวี้ทำให้ผู้คนภายในสนามและภายนอกสนามตกตะลึง วิชารัญจวนซึ่งใช้ได้ผลกับทุกคนหมดฤทธิ์ และถูกสวี่ชีอันสร้างความบาดเจ็บสาหัสด้วยกลวิธีที่ไม่ทราบชื่อ
เส้นเลือดสีดำแตกแขนงไปทั่วใบหน้าแสนงาม เลือดสีดำไหลออกจากปากและจมูก…
สีหน้าของป๋าจี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาเอ่ยตะโกนเบาๆ ว่า
“ตู๋กู่ มันคือตู๋กู่”
เขาตะโกนหลายรอบติดต่อกัน ราวกับว่ามีเพียงการทำเช่นนี้จึงจะสามารถระบายความตกตะลึงภายในใจออกมาได้
‘สวี่ชีอันเป็นปรมาจารย์ตู๋กู่ด้วยหรือ’
หลงถูหันศีรษะมองผู้อาวุโสทั้งหก กลับพบว่าสิ่งที่อยู่ภายในดวงตาของพวกเขาเป็นสิ่งเดียวกับตน ซึ่งก็คือความงุนงง
‘ชาวที่ราบลุ่มภาคกลางใช้ไสยศาสตร์กู่เป็นถึงสามประเภท ทั้งยังบำเพ็ญถึงระดับสูงมาก’
‘หรือว่าในปีนั้นเว่ยเยวียนจับยอดฝีมือเผ่าพันธุ์กู่เป็นเชลย และรีดเอาศาสตร์ลับจากปากของพวกเขา’
หลงถูคิดว่าตนคาดเดาความจริงถูก
พวกเขาฝ่ายลี่กู่ยังไม่มีเวลาอึ้งทึ่งและครุ่นคิดถึงแหล่งที่มาของไสยศาสตร์กู่ทั้งสามประเภท บรรดาผู้นำในสนามเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเอ้อระเหยลอยชายเช่นกัน
แม้ความตกตะลึงภายในจิตใจของพวกเขาจะไม่น้อยไปกว่าผู้ชมโดยรอบสักนิดก็ตาม แต่พวกเขาอยู่ในการต่อสู้ จึงไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น การรบชนะศัตรูต้องมาเป็นอันดับแรก
ความมืดมิดเข้ามาแทนที่แสงสว่างอีกครา สวี่ชีอันโดนทักษะ ‘อำพราง’ ของอั่นกู่ซ้ำอีกครั้ง ประสาทสัมผัสทั้งห้าและสัมผัสทั้งหกถูกปิดกั้นหมดทั้งสิ้น
เงามืดกลุ่มหนึ่งซึ่งถือกริชที่คดโค้งไว้ในมือปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบ และแทงไปที่ระหว่างคิ้วสีทองมืดอย่างสุดกำลัง
มือทั้งสองข้างของโหยวซือถือดาบกระดูกกู่ไว้ข้างละเล่ม เขาหมอบตัวต่ำกว่าสันหลัง วิ่งเพียงสองสามก้าวก็มาถึงตรงหน้าสวี่ชีอัน ดาบทั้งสองเล่มเฉือนไขว้เข้าไปที่ต้นคอ
ป๋าจี้รู้อยู่แล้วว่าพิษไร้ประโยชน์ แต่ยังพ่นศรพิษสีเขียวแก่ออกไปสามดอกอย่างเข้าขากัน
เพื่อเป็นการรับประกันว่าพรรคพวกทั้งสามจะสามารถโจมตีศัตรูได้อย่างไม่คลาดเคลื่อน ฉุนเยียนจึงกรีดร้องเพื่อร่ายการควบคุมด้วยวิชาซินกู่อีกครั้ง
โจมตีของผู้นำทั้งสามโดนศัตรูเต็มๆ แต่นั่นเป็นเพียงเงามืดที่ไร้ซึ่งร่างจริง
เงามืดบิดเบี้ยวประหนึ่งหมอกควันด้วยการโจมตีอันรุนแรงทั้งสาม จากนั้นกระโดดหายไปต่อหน้าเงาและโหยวซือ
‘เงา’ กระโจนเข้าหาเงามืดและไล่ตามไป
“ฉุนเยียน ถอยเร็ว”
โหยวซือแผดเสียงลั่น
สีหน้าของฉุนเยียนผู้มีดวงตากลมโตและงดงามเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางไม่อาจทำใจยอมรับได้ว่าความสามารถในการควบคุมจิตเดิมของตนเองนั้นไร้ผล นางผู้มีประสบการณ์โชกโชนกระโดดพ้นจากพื้นดินภายใต้การแจ้งเตือนจากโหยวซือในทันที การกระทำเช่นนี้สามารถป้องกันศัตรูโผล่ออกมาจากเงาของตนเองได้
และในขณะเดียวกัน เขาก็อ้าปากกรีดร้องโดยไม่ส่งเสียงอย่างไม่ขาดสาย
นางมองลงไปข้างล่างด้วยความระแวดระวังและสุขุมขณะกระโจนอยู่กลางอากาศ พบว่าร่างเงาสีทองมืดโผล่ขึ้นมาใต้ร่มไม้ใกล้ๆ ตน
จากนั้น จอมยุทธ์ก็งอเข่าทั้งคู่ลง หลังสิ้นเสียง ‘โครม’ บนพื้นดิน เขาพุ่งขึ้นมาเหมือนศรแหลมที่ยิงขึ้นไปยังท้องฟ้า
จิตใจของฉุนเยียนหนาวสั่น อ้าปากกรีดร้องไม่หยุด
การกรีดร้องครั้งนี้ไม่ได้สะเทือนจิตเดิมเลย กลับกระตุ้นด้านที่อ่อนโยนและนุ่มนวลต่อสตรีภายในจิตใจของสวี่ชีอันแทน
กลวิธีอีกประเภทของซินกู่ ซึ่งก็คือทักษะจิตร่วม
นอกจากนี้ นางยังเรียกสัตว์ในรัศมีหลายสิบลี้ประหนึ่งลับหอกเมื่อจวนจะต่อสู้
เหตุที่ไม่ได้ใช้ทักษะจิตร่วมหลายครั้งก่อนหน้านี้เป็นเพราะผลที่ได้จากการสั่นสะเทือนจิตเดิมและบังคับควบคุมนั้นดียิ่งกว่า มันสามารถสร้างความได้เปรียบให้เพื่อนร่วมกลุ่มได้
แต่ทักษะจิตร่วมไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไร มันสามารถกระตุ้นความรู้สึกที่มีอยู่แต่เดิมในธรรมชาติของมนุษย์ แต่อีกฝ่ายจะสังเกตเห็นความผิดปกติและหลุดพ้นจากสภาวะจิตร่วมทันทีหากทำมากเกินไป
ตัวอย่างเช่น หากทำให้จอมยุทธ์ที่มีพลังจิตตานุภาพมั่นคงเกิดความตั้งใจที่จะอุทิศชีวิตในการต่อสู้อันเป็นตายหรือเปลี่ยนเป็นคนเฉยเมย ทักษะจิตร่วมประเภทนี้ก็ล้มเหลวไปแล้วมากกว่าครึ่ง
ความนุ่มนวลต่อสตรีที่เลือกในขณะนี้จะต้องอ่อนโยนมากโดยธรรมชาติ ซึ่งอำนาจโน้มนำอยู่ที่ตัวอีกฝ่าย
นอกจากนี้ ทักษะจิตร่วมไม่ใช่การร่ายเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นการประสานความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย
หากสวี่ชีอันเกิดความตั้งใจที่จะอุทิศชีวิต นางก็จะเกิดความตั้งใจที่จะอุทิศชีวิตเช่นเดียวกัน
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ หากนางบังคับให้สวี่ชีอันเกิดความตั้งใจที่จะอุทิศชีวิต เกรงว่าตนเองจะถลันเข้าไปต่อสู้โหยหาความตายกับสวี่ชีอันแบบสุดชีวิตอย่างอดใจไม่ไหวเป็นคนแรก
ภายใต้ทักษะเห็นใจ หน้าตาของสวี่ชีอันอ่อนโยนขึ้นในทันใด เขาเอ่ยด้วยเสียงอันนุ่มนวลว่า
“วางใจเถิด ข้าจะเบามือ ไม่ทำเจ้าเจ็บ แม่นางเพิ่งจะเคยครั้งแรกหรือ”
ฉุนเยียนพยักศีรษะอย่างเขินอายพร้อมเอ่ยว่า “อืม”
ไม่กี่วินาทีถัดมา ทั้งสองก็หลุดพ้นจากสภาวะจิตร่วมพร้อมกัน
‘นี่มันแปลกเสียจริงเลย สู้ไปสู้มาก็คุยกันถึงเรื่องนั้นเฉย’
‘ความละมุนละม่อมมันมากเกินไปเสียยิ่งกว่าการเกิดความตั้งใจที่จะอุทิศชีวิต ทักษะจิตร่วมล้มเหลว’
‘เหตุใดความนุ่มนวลต่อสตรีถึงเป็นเช่นนี้’…ความสิ้นหวังผุดขึ้นในดวงตาของฉุนเยียน
ชั่วขณะนี้เอง ข้อเสียของปรมาจารย์ซินกู่ปรากฏออกมาทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย ตัวนางซึ่งไม่ชำนาญเรื่องการรบราฆ่าฟัน จึงไม่อาจต่อต้านและหลบเลี่ยงเมื่อเผชิญการจู่โจมจากจอมยุทธ์ระดับบรรลุธรรม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง