ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 675

เงามืด​มายา​ทั้งสอง​ไล่​ฟัด​ไล่​เหวี่ยง​กัน​บน​พื้นดิน​ จากนั้น​ทั้งคู่​ก็​ร่วง​ลง​มาจาก​เงามืด​

เมื่อ​จอม​ยุทธ์​ผู้​ขึ้น​ชื่อเรื่อง​ความสามารถ​ใน​การต่อสู้​ควบคุม​วิชา​กระโดด​สู่เงาของ​อั้น​กู่​ สิ่งนี้​ทำให้​ยอด​ฝีมือ​ของ​ระบบ​ต่างๆ​ ขนพองสยองเกล้า​และ​เสียวสันหลัง​วาบ​เพียง​นึกถึง​มัน​

และ​การ​กระโดด​ระยะสั้น​ของ​อั้น​กู่​นั้น​เร็ว​ยิ่งกว่า​ค่าย​กล​ส่งตัว​ของ​โหร​

ช่างไร้​ทาง​ป้องกัน​และ​ไม่อาจ​ขัดขวาง​อย่าง​แท้จริง​

มีเพียง​อั้น​กู่​ที่​สามารถ​รับมือ​อั้น​กู่​ด้วยกัน​ได้​

เมื่อ​เห็น​ทั้งสอง​ร่วง​ลง​มาจาก​เงา ฉุน​เยียน​อ้า​ปาก​แผดเสียง​หวีด​อัน​ไร้​ซึ่งเสียง​แต่​บาด​แหลม​เป็น​อย่างยิ่ง​สำหรับ​จิต​เดิม​ในทันที​

หลวนอวี้​ขี่​ลม​เข้าหา​สวี่​ชีอัน​ด้วย​ตนเอง​ กระโปรง​บาง​โปร่ง​พริ้ว​ระบำ​เฉกเช่น​สตรี​งามแห่ง​ยุค​

นาง​แผ่​อ้อมกอด​ด้วย​ท่า​นก​นางแอ่น​บิน​ถลา​ลง​สู่ป่า​พร้อมกับ​แสร้งทำ​ท่าทาง​อ้อนแอ้น​น่าสงสาร​ ประกาย​น้ำตา​ซึ่งวับ​วาว​เปี่ยม​ดวงตา​อัน​สวยงาม​ นาง​เอ่ย​อย่าง​กล้ำกลืน​ว่า​

“อย่า​ทำร้าย​เขา​เลย​”

การ​รับมือ​จอม​ยุทธ์​ด้วย​วิชา​ ‘รัญจวน​’ เรียก​ได้​ว่า​ราบรื่น​ไป​เสีย​ทุกที่​ นาง​เห็น​ว่า​แววตา​ที่​ชาย​ผู้​นี้​มอง​นาง​เปี่ยม​ด้วย​ความลุ่มหลง​

หลวนอวี้​ฉวยโอกาส​เข้าไป​ใน​ร่าง​เทพ​อารักษ์​ร่าง​นี้​อย่าง​ราบรื่น​ ซึ่งเป็น​ร่าง​ที่​นาง​อยาก​ได้มา​ครอง​เสีย​จน​น้ำลายไหล​ แขน​ประดุจ​ราก​บัว​อัน​เรียว​ราว​เกี่ยว​คอ​ของ​เขา​ไว้​ พร้อม​แนบ​ริมฝีปาก​อัน​แดง​ชุ่มลง​ไป​

“ฟู่”

นาง​เป่า​กลิ่นอาย​ที่​หอม​หวาน​ลง​ไป​ และ​ส่งจื่อ​กู่​สิบ​กว่า​ตัว​เข้าไป​ใน​ปาก​ของ​อีก​ฝ่าย​

ขณะนี้​เอง​ นาง​ได้ยิน​หนุ่ม​ผู้​นี้​เอ่ย​เบา​ๆ ว่า​

“เจ้าทำ​เช่นนี้​กับ​ชาย​ทุกคน​เลย​หรือ​”

‘นี่​มัน​’…รูม่านตา​ของ​หลวนอวี้​หดตัว​ลง​อย่าง​รุนแรง​ และ​ใน​วินาที​ต่อมา​ ชายหนุ่ม​ก็​พ่น​มัน​กลับ​เข้า​ปาก​ของ​นางใน​พรวด​เดียว​ กลิ่นอาย​นี้​ร้อน​แผดเผา​จน​จุกเสียด​กระเพาะ​อย่าง​รุนแรง​

“โอ๊ย​…”

หลวนอวี้​จับ​ท้องน้อย​ไว้​ เส้นเลือด​สีดำ​ปูด​นูน​ขึ้น​บน​ใบหน้า​ พร้อมด้วย​เลือด​สีดำ​ทะลัก​ออก​มาจาก​ปาก​

ฉิงกู่​ใช้ปราณ​เสน่หา​ วิชา​รัญจวน​และ​การ​ล่อลวง​สติปัญญา​เป็นหลัก​ กาย​หยาบ​จึงไม่ใช่จุดแข็ง​ของ​ปรมาจารย์​ฉิงกู่​

แม้พิษ​ของ​สวี่​ชีอัน​จะไม่รุนแรง​เท่า​ป๋า​จี้ แต่​มาก​เพียงพอ​สำหรับ​ ‘สตรี​อ่อนแอ​’ คน​หนึ่ง​แล้ว​

เขา​อ้าแขน​มอบ​อ้อมกอด​หมี​ให้​หญิงสาว​ผู้​สวยหยาดเยิ้ม​

แกรก​…กระดูก​ใน​ร่างกาย​ของ​หลวนอวี้​หัก​ไป​สิบ​กว่า​ท่อน​

ลมปราณ​ของ​เจ้าปลุกอารมณ์​ข้า​ไม่ได้​หรอก​ แต่​ลมปราณ​ของ​ข้า​ทำใจ​เจ้าติด​พิษ​ปางตาย​ได้​

สวี่​ชีอัน​พึมพำ​ใน​ใจ

สภาพ​ของ​หลวนอวี้​ทำให้​ผู้คน​ภายใน​สนาม​และ​ภายนอก​สนาม​ตกตะลึง​ วิชา​รัญจวน​ซึ่งใช้ได้ผล​กับ​ทุกคน​หมดฤทธิ์​ และ​ถูก​สวี่​ชีอัน​สร้าง​ความ​บาดเจ็บสาหัส​ด้วย​กลวิธี​ที่​ไม่ทราบ​ชื่อ​

เส้นเลือด​สีดำ​แตกแขนง​ไป​ทั่ว​ใบหน้า​แสน​งาม เลือด​สีดำ​ไหล​ออกจาก​ปาก​และ​จมูก​…

สีหน้า​ของ​ป๋า​จี้เปลี่ยนไป​อย่าง​กะทันหัน​ เขา​เอ่ย​ตะโกน​เบา​ๆ ว่า​

“ตู๋​กู่​ มัน​คือ​ตู๋​กู่​”

เขา​ตะโกน​หลาย​รอบ​ติดต่อกัน​ ราวกับว่า​มีเพียง​การ​ทำ​เช่นนี้​จึงจะสามารถ​ระบาย​ความ​ตกตะลึง​ภายในใจ​ออกมา​ได้​

‘สวี่​ชีอันเป็น​ปรมาจารย์​ตู๋​กู่​ด้วย​หรือ​’

หลง​ถูหัน​ศีรษะ​มอง​ผู้อาวุโส​ทั้ง​หก​ กลับ​พบ​ว่า​สิ่งที่อยู่​ภายใน​ดวงตา​ของ​พวกเขา​เป็น​สิ่งเดียว​กับ​ตน​ ซึ่งก็​คือ​ความ​งุนงง​

‘ชาว​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​ใช้ไสยศาสตร์​กู่​เป็น​ถึงสามประเภท​ ทั้ง​ยัง​บำเพ็ญ​ถึงระดับสูง​มาก​’

‘หรือว่า​ใน​ปี​นั้น​เว่ยเยวียน​จับ​ยอด​ฝีมือ​เผ่าพันธุ์​กู่​เป็น​เชลย​ และ​รีด​เอา​ศาสตร์​ลับ​จาก​ปาก​ของ​พวกเขา​’

หลง​ถูคิด​ว่า​ตน​คาดเดา​ความจริง​ถูก​

พวกเขา​ฝ่าย​ลี่​กู่​ยัง​ไม่มีเวลา​อึ้ง​ทึ่ง​และ​ครุ่น​คิดถึง​แหล่งที่มา​ของ​ไสยศาสตร์​กู่​ทั้ง​สามประเภท​ บรรดา​ผู้นำ​ใน​สนาม​เอง​ก็​ไม่มีกะ​จิต​กะ​ใจจะเอ้อระเหย​ลอยชาย​เช่นกัน​

แม้ความ​ตกตะลึง​ภายใน​จิตใจ​ของ​พวกเขา​จะไม่น้อย​ไป​กว่า​ผู้ชม​โดยรอบ​สักนิด​ก็ตาม​ แต่​พวกเขา​อยู่​ใน​การต่อสู้​ จึงไม่มีเวลา​ไป​คิด​เรื่อง​อื่น​ การ​รบ​ชนะ​ศัตรู​ต้อง​มาเป็น​อันดับ​แรก​

ความ​มืดมิด​เข้ามา​แทนที่​แสงสว่าง​อีก​ครา​ สวี่​ชีอัน​โดน​ทักษะ​ ‘อำพราง​’ ของ​อั่น​กู่​ซ้ำอีกครั้ง​ ประสาทสัมผัส​ทั้ง​ห้า​และ​สัมผัส​ทั้ง​หก​ถูก​ปิดกั้น​หมด​ทั้งสิ้น​

เงามืด​กลุ่ม​หนึ่ง​ซึ่งถือ​กริช​ที่​คด​โค้ง​ไว้​ใน​มือ​ปรากฏ​ตัวอย่าง​เงียบเชียบ​ และ​แทง​ไป​ที่​ระหว่าง​คิ้ว​สีทอง​มืด​อย่าง​สุดกำลัง​

มือ​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​โหย​วซือ​ถือ​ดาบ​กระดูก​กู่​ไว้​ข้าง​ละ​เล่ม​ เขา​หมอบ​ตัว​ต่ำกว่า​สันหลัง​ วิ่ง​เพียง​สอง​สามก้าว​ก็​มาถึงตรงหน้า​สวี่​ชีอัน​ ดาบ​ทั้งสอง​เล่ม​เฉือน​ไขว้​เข้าไป​ที่​ต้นคอ​

ป๋า​จี้รู้​อยู่แล้ว​ว่า​พิษ​ไร้ประโยชน์​ แต่​ยัง​พ่น​ศร​พิษ​สีเขียว​แก่​ออก​ไป​สามดอก​อย่าง​เข้าขากัน​

เพื่อ​เป็น​การรับประกัน​ว่า​พรรคพวก​ทั้ง​สามจะสามารถ​โจมตี​ศัตรู​ได้​อย่าง​ไม่คลาดเคลื่อน​ ฉุน​เยียน​จึงกรีดร้อง​เพื่อ​ร่าย​การควบคุม​ด้วย​วิชา​ซิน​กู่​อีกครั้ง​

โจมตี​ของ​ผู้นำ​ทั้ง​สามโดน​ศัตรู​เต็มๆ​ แต่​นั่น​เป็น​เพียง​เงามืด​ที่​ไร้​ซึ่งร่าง​จริง​

เงามืด​บิดเบี้ยว​ประหนึ่ง​หมอก​ควัน​ด้วย​การ​โจมตี​อัน​รุนแรง​ทั้ง​สาม จากนั้น​กระโดด​หาย​ไป​ต่อหน้า​เงาและ​โหย​วซือ​

‘เงา’ กระโจน​เข้าหา​เงามืด​และ​ไล่ตาม​ไป​

“ฉุน​เยียน​ ถอย​เร็ว​”

โหย​วซือ​แผดเสียง​ลั่น​

สีหน้า​ของ​ฉุน​เยียน​ผู้​มีดวง​ตากลม​โต​และ​งดงาม​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​ นาง​ไม่อาจ​ทำใจ​ยอม​รับได้​ว่า​ความสามารถ​ใน​การควบคุม​จิต​เดิม​ของ​ตนเอง​นั้น​ไร้ผล​ นาง​ผู้​มีประสบการณ์​โชกโชน​กระโดด​พ้น​จาก​พื้นดิน​ภายใต้​การ​แจ้งเตือน​จาก​โหย​วซือ​ในทันที​ การกระทำ​เช่นนี้​สามารถ​ป้องกัน​ศัตรู​โผล่​ออก​มาจาก​เงาของ​ตนเอง​ได้​

และ​ในขณะเดียวกัน​ เขา​ก็​อ้า​ปาก​กรีดร้อง​โดย​ไม่ส่งเสียง​อย่าง​ไม่ขาดสาย​

นาง​มอง​ลง​ไป​ข้างล่าง​ด้วย​ความระแวดระวัง​และ​สุขุม​ขณะ​กระโจน​อยู่​กลางอากาศ​ พบ​ว่า​ร่าง​เงาสีทอง​มืด​โผล่​ขึ้น​มาใต้​ร่มไม้​ใกล้​ๆ ตน​

จากนั้น​ จอม​ยุทธ์​ก็​งอ​เข่า​ทั้งคู่​ลง​ หลัง​สิ้น​เสียง​ ‘โครม​’ บน​พื้นดิน​ เขา​พุ่ง​ขึ้น​มาเหมือน​ศร​แหลม​ที่​ยิง​ขึ้นไป​ยัง​ท้องฟ้า​

จิตใจ​ของ​ฉุน​เยียน​หนาวสั่น​ อ้า​ปาก​กรีดร้อง​ไม่หยุด​

การ​กรีดร้อง​ครั้งนี้​ไม่ได้​สะเทือน​จิต​เดิม​เลย​ กลับ​กระตุ้น​ด้าน​ที่​อ่อนโยน​และ​นุ่มนวล​ต่อ​สตรี​ภายใน​จิตใจ​ของ​สวี่​ชีอัน​แทน​

กลวิธี​อีก​ประเภท​ของ​ซิน​กู่​ ซึ่งก็​คือ​ทักษะ​จิต​ร่วม​

นอกจากนี้​ นาง​ยัง​เรียก​สัตว์​ใน​รัศมี​หลาย​สิบ​ลี้​ประหนึ่ง​ลับ​หอก​เมื่อ​จวนจะ​ต่อสู้​

เหตุ​ที่​ไม่ได้​ใช้ทักษะ​จิต​ร่วม​หลายครั้ง​ก่อนหน้านี้​เป็น​เพราะ​ผล​ที่​ได้​จาก​การ​สั่นสะเทือน​จิต​เดิม​และ​บังคับ​ควบคุม​นั้น​ดี​ยิ่งกว่า​ มัน​สามารถ​สร้าง​ความได้เปรียบ​ให้​เพื่อน​ร่วม​กลุ่ม​ได้​

แต่​ทักษะ​จิต​ร่วม​ไม่ค่อย​แข็งแกร่ง​เท่าไร​ มัน​สามารถ​กระตุ้น​ความรู้สึก​ที่​มีอยู่​แต่เดิม​ใน​ธรรมชาติ​ของ​มนุษย์​ แต่​อีก​ฝ่าย​จะสังเกตเห็น​ความผิดปกติ​และ​หลุดพ้น​จาก​สภาวะ​จิต​ร่วม​ทันที​หาก​ทำ​มากเกินไป​

ตัวอย่างเช่น​ หาก​ทำให้​จอม​ยุทธ์​ที่​มีพลังจิต​ตา​นุ​ภาพ​มั่นคง​เกิด​ความตั้งใจ​ที่จะ​อุทิศ​ชีวิต​ใน​การต่อสู้​อันเป็น​ตาย​หรือ​เปลี่ยนเป็น​คน​เฉยเมย​ ทักษะ​จิต​ร่วม​ประเภท​นี้​ก็​ล้มเหลว​ไป​แล้ว​มากกว่า​ครึ่ง​

ความนุ่มนวล​ต่อ​สตรี​ที่​เลือก​ใน​ขณะนี้​จะต้อง​อ่อนโยน​มาก​โดยธรรมชาติ​ ซึ่งอำนาจ​โน้ม​นำ​อยู่​ที่​ตัว​อีก​ฝ่าย​

นอกจากนี้​ ทักษะ​จิต​ร่วม​ไม่ใช่การ​ร่าย​เพียง​ฝ่าย​เดียว​ แต่​เป็นการ​ประสาน​ความรู้สึก​ของ​ทั้งสองฝ่าย​

หาก​สวี่​ชีอัน​เกิด​ความตั้งใจ​ที่จะ​อุทิศ​ชีวิต​ นาง​ก็​จะเกิด​ความตั้งใจ​ที่จะ​อุทิศ​ชีวิต​เช่นเดียวกัน​

ใน​การต่อสู้​ก่อนหน้านี้​ หาก​นาง​บังคับ​ให้​สวี่​ชีอัน​เกิด​ความตั้งใจ​ที่จะ​อุทิศ​ชีวิต​ เกรง​ว่า​ตนเอง​จะถลัน​เข้าไป​ต่อสู้​โหยหา​ความตาย​กับ​สวี่​ชีอัน​แบบ​สุด​ชีวิต​อย่าง​อดใจ​ไม่ไหว​เป็น​คน​แรก​

ภายใต้​ทักษะ​เห็นใจ​ หน้าตา​ของ​สวี่​ชีอัน​อ่อนโยน​ขึ้น​ใน​ทันใด​ เขา​เอ่ย​ด้วย​เสียง​อัน​นุ่มนวล​ว่า​

“วางใจ​เถิด​ ข้า​จะเบามือ​ ไม่ทำ​เจ้าเจ็บ​ แม่นาง​เพิ่งจะ​เคย​ครั้งแรก​หรือ​”

ฉุน​เยียน​พยัก​ศีรษะ​อย่าง​เขินอาย​พร้อม​เอ่ย​ว่า​ “อืม​”

ไม่กี่​วินาที​ถัดมา​ ทั้งสอง​ก็​หลุดพ้น​จาก​สภาวะ​จิต​ร่วม​พร้อมกัน​

‘นี่​มัน​แปลก​เสีย​จริง​เลย​ สู้ไป​สู้มาก็​คุย​กัน​ถึงเรื่อง​นั้น​เฉย​’

‘ความละมุนละม่อม​มัน​มากเกินไป​เสีย​ยิ่งกว่า​การ​เกิด​ความตั้งใจ​ที่จะ​อุทิศ​ชีวิต​ ทักษะ​จิต​ร่วม​ล้มเหลว​’

‘เหตุใด​ความนุ่มนวล​ต่อ​สตรี​ถึงเป็น​เช่นนี้​’…ความสิ้นหวัง​ผุด​ขึ้น​ใน​ดวงตา​ของ​ฉุน​เยียน​

ชั่ว​ขณะนี้​เอง​ ข้อเสีย​ของ​ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ปรากฏ​ออกมา​ทั้งหมด​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ ตัวนาง​ซึ่งไม่ชำนาญ​เรื่อง​การ​รบราฆ่าฟัน​ จึงไม่อาจ​ต่อต้าน​และ​หลบเลี่ยง​เมื่อ​เผชิญ​การ​จู่โจมจาก​จอม​ยุทธ์​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง