ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 676

‘เงา’ พัด​ม้วน​ผู้นำ​ทั้ง​สามแล้ว​ใช้การ​กระโดด​ข้าม​เงากลับ​ไป​อยู่​ข้าง​กาย​แม่ย่า​เทียน​กู่​ เขา​ไม่ได้​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​เงาเหมือนเคย​ แต่กลับ​เอ่ย​พูด​ด้วย​สีหน้าซีด​ขาว​

“แม่ย่า​ พวกเรา​แพ้​แล้ว​”

น้ำเสียง​นั้น​มีทั้ง​ความ​ไม่ยินยอม​และ​ความสงสัย​

จนกระทั่ง​ถึงตอนนี้​ เขา​ก็​ยัง​ไม่อาจ​ยอมรับ​ความจริง​เรื่อง​ที่​รบ​พ่าย​ได้​

พลัง​ของ​พวกเขา​ทั้ง​ห้า​สามารถ​สังหาร​ขั้น​สามใน​สาย​การ​ฝึก​ตน​ใดๆ​ ได้​อย่าง​ง่ายดาย​อยู่แล้ว​ แม้ว่า​จอม​ยุทธ์​จะเนื้อ​หยาบ​และ​หนัง​หนา​ แต่​อย่าง​มาก​สุด​ก็​แค่​ยืดเวลา​ไป​ได้​นิดหน่อย​เท่านั้น​

อีก​ทั้ง​เมื่อ​ผู้นำ​เผ่า​ทั้ง​เจ็ด​ร่วมมือ​กัน​ แม้แต่​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สอง​ก็​ต้อง​ทรมาน​

ทว่า​ความจริง​คือ​พวกเขา​ถูก​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สอง​วัยเยาว์​ผู้​หนึ่ง​เอาชนะ​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​ ง่ายดาย​มาก​จริงๆ​ เพราะ​ชายหนุ่ม​ผู้​นั้น​ไม่ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ใดๆ​ เลย​

อาการ​บาดเจ็บ​ที่​พวกเขา​สร้าง​ให้​กับ​ชายหนุ่ม​ผู้​นั้น​ สำหรับ​จอม​ยุทธ์​เหนือ​สามัญแล้ว​ ไม่นาน​ก็​จะฟื้นฟู​ได้​

“จะจัดการ​อย่างไร​ต่อ​”

เงาพูด​พลาง​มอง​ไป​ยัง​หลง​ถูที่อยู่​ไม่ไกล​

หลง​ถูนึกถึง​มิตรภาพ​ผู้​ร่วม​นิ่งเฉย​อยู่​ข้าง​สนาม​กับ​อีก​ฝ่าย​ ตอนนี้​ต้อง​ระงับ​ความโกรธ​ของ​สวี่​ชีอัน​ก่อน​ แล้ว​ทำให้​เขา​ยอม​ล้มเลิก​การสังหาร​ ทั้ง​ยัง​ทำได้​เพียง​พึ่งพา​เผ่า​ลี่​กู่​เท่านั้น​

แม่ย่า​เทียน​กู่​ไม่ได้​ตอบ​เขา​ แต่​เดิน​ไปหา​ป๋า​จี้แล้ว​หยิบ​เอา​กระบอกไม้ไผ่​ออก​มาจาก​ถุงหนัง​ที่อยู่​กับ​ตัว​ จากนั้น​เปิด​ฝาไม้ที่​ปิดปาก​กระบอก​ออก​ แล้ว​ป้อน​ยาพิษ​สีม่วง​ที่อยู่​ใน​นั้น​ใส่เข้าไป​ใน​ปาก​ของ​ป๋า​จี้

ป๋า​จี้กลืน​ยาพิษ​อย่าง​ตะกละตะกลาม​ จากนั้น​สีหน้า​ของ​เขา​ก็​ค่อยๆ​ เปลี่ยนเป็น​สีม่วง​เข้ม​ คน​ทั้งคน​ราวกับ​มัน​ม่วง​หัว​หนึ่ง​

จากนั้น​ภาพ​อัน​น่าอัศจรรย์​ก็​บัง​เกิดขึ้น​ เลือดเนื้อ​สีม่วง​เริ่ม​ดิ้น​พล่าน​และ​เติบโต​ออก​มาจาก​บาดแผล​ที่​แขน​และ​ต้นขา​ที่​ถูก​สวี่​ชีอัน​ฉีก​ทึ้ง​ไป​ ไม่นาน​ สอง​มือ​และ​สอง​ขา​ของ​เขา​ก็​กลับมา​เป็น​ดังเดิม​

แต่​สีผิว​ของ​ป๋า​จี้ยังคง​เป็น​สีม่วง​เข้ม​อยู่​

ปรมาจารย์​ตู๋​กู่​ที่​ฝึกฝน​ร่าง​พิษ​ล้วนแต่​มีร่างกาย​คงกระพัน​เหมือนกับ​จอม​ยุทธ์​ แต่​คุณภาพ​นั้น​ต่างกัน​

การซ่อมแซม​ร่างกาย​ที่​เสียหาย​จะต้อง​ใช้ยาพิษ​จำนวน​มหาศาล​ หลังจากนั้น​พิษ​ใน​ร่าง​พิษ​จะเปลี่ยน​เป็นหนึ่งเดียว​ ตอนที่​ซ่อมแซม​ร่างกาย​ใช้พิษ​อะไร​ ร่าง​พิษ​ก็​จะกลาย​เป็นพิษ​ชนิด​นั้น​

สำหรับ​ปรมาจารย์​ตู๋​กู่​แล้ว​ นี่​เท่ากับ​ทำให้​พลัง​ลดลง​อย่าง​รวดเร็ว​และ​จำเป็นต้อง​ใช้เวลา​อีก​นาน​ใน​การกลืน​กิน​พิษ​ตัว​อื่นๆ​ ถึงจะฟื้นฟู​ได้​

“ดึง​พิษ​ออก​มาจาก​ร่าง​ของ​หลวนอวี้​เสีย​”

แม่ย่า​เทียน​กู่​สั่ง

ป๋า​จี้พยักหน้า​ ถึงขั้น​น้อม​รับ​ด้วยความยินดี​ ตอนนี้​เขา​ต้อง​รีบ​เติม​พิษ​อย่าง​เร่งด่วน​

เขา​เดิน​มาอยู่​ตรงหน้า​หลวนอวี้​ที่​งดงาม​ดุจ​ปีศาจ​ จากนั้น​ป๋า​จี้ก็​สูด​ลม​เข้า​ปาก​อย่าง​แรง​ ทันใดนั้น​ ควันพิษ​สีดำ​เขียว​ก็​ลอย​ออก​มาจาก​จมูก​ของ​หลวนอวี้​แล้ว​ถูก​ป๋า​จี้ดูดกลืน​เจ้าไป​

ป๋า​จี้ดวงตา​สว่างไสว​ พลัน​เอ่ย​อย่าง​ตกตะลึง​ว่า​

“พิษ​ศพ​บริสุทธิ์​ บริสุทธิ์​เสีย​ยิ่ง​ว่า​พิษ​ศพ​ทั้งหมด​ของ​เผ่า​ซือ​กู่​เสีย​อีก​”

หลวนอวี้​ฟื้น​ขึ้น​มาพร้อม​เสียงคราง​เบา​ๆ สีหน้าซีด​ขาว​ ทั้ง​ซี่โครง​ กระดูก​แขน​ กระดูก​อก​ และ​กระดูก​อีก​สิบ​กว่า​ท่อน​กลับ​หัก​ร้าว​ แม้ว่า​จะเป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​เหนือ​สามัญและ​พลัง​ชีวิต​เปลี่ยนแปลง​ได้​ แต่​ย่อม​ไม่อาจ​ฟื้นฟู​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​เหมือนกับ​ลี่​กู่​หรือ​จอม​ยุทธ์​แน่นอน​การ​ตอบสนอง​แรก​ของ​นาง​คือ​ความเจ็บปวด​รุนแรง​ เมื่อ​มอง​ไป​ยัง​ชายหนุ่ม​ผู้​นั้น​ที่อยู่​ไกลๆ​ ใน​ดวงตา​ก็​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ความ​หวาดผวา​

แม่ย่า​เทียน​กู่​เอ่ย​ต่อ​

“หลวนอวี้​ ดึง​ฉิงกู่​ใน​ตัว​ฉุน​เยียน​ออกมา​”

หลวนอวี้​พยักหน้า​แล้ว​ถอน​สายตา​กลับมา​ นาง​สูด​ริมฝีปาก​ต่อต้าน​ความเจ็บปวด​แล้ว​มายัง​ข้าง​กาย​ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ที่​มีอาการ​แก้มแดง​และ​พึมพำ​บางอย่าง​เป็นพักๆ​

‘ที่แท้​ตอนที่​เจ้าลุ่มหลง​ก็​ไม่ได้​สูงส่งไป​กว่า​สตรี​คนอื่นๆ​ สัก​เท่าไหร่​นี่​…’ หลวนอวี้​ถ่มน้ำลาย​เงียบๆ​ แล้ว​วาง​ฝ่ามือ​ลง​ไป​บน​หัวใจ​ของ​ฉุน​เยียน​ ไม่นาน​นัก​ ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ที่​ตกอยู่ในภวังค์​ลุ่มหลง​ก็​ค่อยๆ​ ฟื้นตัว​ขึ้น​มาแล้ว​ลืมตา​ขึ้น​

นาง​ขมวดคิ้ว​ทันใด​ จากนั้น​ก็​สัมผัส​ได้​ถึงความเจ็บปวด​เหมือน​กระดูก​หัก​

แต่​ผู้​อยู่​เหนือ​สามัญอย่างไร​ก็​ยังอยู่​เหนือ​สามัญ แม้จะไม่เห็นด้วย​ตาเปล่า​ แต่​อาการ​บาดเจ็บ​เล็ก​ๆ นี้​กลับ​ไม่หนัก​เท่าใด​

การ​ตอบสนอง​ของ​ฉุน​เยียน​นั้น​เหมือนกับ​หลวนอวี้​ นาง​ตกใจ​จน​ยืด​ตัวตรง​แล้ว​กวาด​มอง​ไป​รอบ​ๆ จากนั้น​สายตา​ก็​ตก​อยู่​บน​ร่าง​ของ​เทพ​ระดับ​เพชร​ที่อยู่​ไม่ไกล​คน​นั้น​

“เขา​เป็น​ใคร​กัน​แน่​ เหตุใด​จึงมีวิชา​กู่​อยู่​ใน​ตัว​มากมาย​ขนาด​นั้น​”

ฉุน​เยียน​กัด​ริมฝีปาก​ แววตา​งุนงง​สงสัย​

นาง​ได้​เอ่ย​ถามถึงข้อสงสัย​ของ​ผู้นำ​ทั้งหลาย​ไป​แล้ว​ การต่อสู้​ครั้งนี้​น่า​ผิดหวัง​ยิ่งนัก​ วิชา​ที่​พวกเขา​ภาคภูมิใจ​กลับ​ไม่ได้​ส่งผล​อะไร​ต่อ​ชายหนุ่ม​ผู้​นี้​เลย​

เพราะ​เขา​ก็​เป็น​ปรมาจารย์​ตู๋​กู่​ ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ ปรมาจารย์​อั้น​กู่​ ปรมาจารย์​ลี่​กู่​ และ​เป็น​ปรมาจารย์​ฉิงกู่​ด้วย​เหมือนกัน​ ตอนนี้​มีเพียง​เทียน​กู่​และ​ซือ​กู่​เท่านั้น​ที่​เหมือน​เขา​จะยัง​ไม่ได้​เรียนรู้​อย่าง​ลึกซึ้ง​

ใน​ประวัติศาสตร์​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​ ไม่เคย​มีใคร​ผสาน​หนอน​กู่​ได้​มากมาย​ขนาด​นี้​มาก่อน​ กู่​สอง​ชนิด​ก็​ถือว่า​ถึงขีดสุด​แล้ว​ ผู้ใด​ก็​ตามที่​พยายาม​ผสาน​วิชา​กู่​ได้​ให้​สามชนิด​หรือ​สี่ชนิด​ ผลสุดท้าย​ก็​มีแต่​จะร่างกาย​แหลก​สลาย​ไม่มีข้อยกเว้น​

ตอนนี้​ พวกเขา​มองดู​สวี่​ชีอัน​นั่งยองๆ​ อยู่​ข้าง​ศพ​เดิน​ได้​ขั้น​สามตน​นั้น​ แล้ว​ยก​เจดีย์​ทองคำ​เล็ก​ๆ ขึ้น​มา

ยอด​เจดีย์​นี้​มีร่าง​ธรรม​เลือนราง​ร่าง​หนึ่ง​สถิต​อยู่​ รูปร่าง​อ้วนท้วน​ เนตร​ขนง​คล้าย​จะใจดี​มีเมตตา​ และ​ใน​มือถือ​ขวด​หยก​หนึ่ง​ใบ​

ประกาย​แสงสีทอง​ลอย​ออก​มาจาก​ใน​ขวด​แล้ว​สาด​ลง​บน​ร่าง​ของ​ศพ​เดิน​ได้​ราวกับ​ฝน​ฤดู​วสันต์​

ศีรษะ​ที่​หัก​ของ​ศพ​เดิน​ได้​ฟื้น​ตัวอย่าง​รวดเร็ว​ใน​แบบ​ที่​มองเห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า​

จากนั้น​ศพ​เดิน​ได้​ขั้น​สามก็​ยืน​ขึ้น​แล้ว​คำนับ​แบบ​ทหาร​ให้​กับ​สวี่​ชีอัน​ด้วย​ความเคารพ​ ก่อน​เอ่ย​เสียงดัง​ว่า​

“คารวะ​ท่าน​เซอร์​สวี่!”​

สวี่​ชีอัน​ที่​เสพติด​การ​เป็น​ผู้นำ​พยักหน้า​อย่าง​พึงพอใจ​

มนุษย์​ศพ​มีอยู่​สอง​ประเภท​ หนึ่ง​คือ​เป็น​หุ่นเชิด​ล้วน​ๆ ที่​มีพลัง​ของ​กาย​เนื้อ​เท่านั้น​

ส่วน​อีก​ประเภท​คือ​พวก​ที่​เพิ่ง​เสียชีวิต​ได้​ไม่นาน​และ​ถูก​นำมา​หลอม​เป็น​มนุษย์​ศพ​ แบบนี้​ก็​จะสามารถ​รักษา​ทักษะ​และ​วรยุทธ์​ใน​ตอนที่​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ไว้​ได้​

เขา​ใช้กำปั้น​ชก​ไป​ที่​ศีรษะ​ของ​มนุษย์​ศพ​ หาก​เป็น​มนุษย์​ศพ​ประเภท​ที่สอง​ เสี้ยว​วิญญาณ​ภายใน​ก็​จะสูญสลาย​ และ​เสีย​ทักษะ​กับ​วรยุทธ์​บางส่วน​ที่​เคย​มีมาก่อน​ไป​

แต่​นี่​คือ​มนุษย์​ศพ​ขั้น​สาม ตัว​ของ​มัน​เป็น​ประเภท​ที่​วิญญาณ​แตก​ซ่าน​จนถึง​ขีดสุด​แล้ว​ จึงไม่มีความสามารถ​เหมือน​ตอน​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ทั้งนั้น​

ดังนั้น​ เมื่อ​ร่าง​ธรรม​เชี่ยวชาญ​โอสถ​ซ่อมแซม​มนุษย์​ศพ​จน​หาย​ดี​ มัน​ก็​แทบจะ​ไม่มีความเสียหาย​ใดๆ​

หลวนอวี้​ ฉุน​เยียน​ และ​พวก​หลง​ถูทั้งหลาย​มองดู​ภาพ​นี้​อย่าง​ตกตะลึง​ ความรู้สึก​ใน​ใจรุนแรง​เป็น​อย่างยิ่ง​

“แม้แต่​วิชา​ซือ​กู่​ก็​ยัง​…”

ฉุน​เยียน​พึมพำ​

งูตัว​เรียว​บาง​สอง​ตัว​ที่​ติ่ง​หู​ของ​นาง​ส่งเสียงขู่​ ‘ฟ่อ​’ อย่าง​โกรธเกรี้ยว​และ​พยายาม​ยืด​ขยาย​ลำตัว​ออก​ไป​ ราวกับ​จะพุ่ง​ออกจาก​นาย​ท่าน​แล้วไป​จัดการ​ศัตรู​น่ารังเกียจ​คน​นั้น​แทน​

เหงื่อ​เย็น​ๆ หลั่ง​อยู่​บน​หลัง​ของ​ผู้นำ​ทั้งหลาย​ พวกเขา​ราวกับ​กำลัง​เผชิญ​ศัตรู​สุด​แกร่ง​ ทั้ง​ยัง​รู้สึก​หดหู่​และ​สิ้นหวัง​อย่าง​เลี่ยง​ไม่ได้​

“นอกจาก​เทพเจ้า​กู่​ ก็​ไม่มีใคร​ควบคุม​วิชา​กู่​ได้​เยอะ​ขนาด​นี้​แล้ว​”

ป๋า​จี้ที่​ร่างกาย​มีแต่​สีม่วง​เอ่ย​พึมพำ​เสียง​แหบแห้ง​เบา​ๆ

‘เทพเจ้า​กู่​…’ พวก​หลวนอวี้​มองหน้า​กัน​ ต่าง​ก็​มองเห็น​ความ​ตกตะลึง​ที่​เข้าใจ​กัน​ดี​

ตอนนี้​เอง​ หลวนอวี้​ก็​เห็น​ชายหนุ่ม​ที่​มี ‘ตัวตน​ลึกลับ​’ คน​นั้น​ค่อยๆ​ หันหน้า​มา เขา​ยิ้ม​ยก​ชั่วร้าย​มาให้​แล้ว​ค่อยๆ​ เดิน​เข้า​มาหา​

‘ฟ่อ​ ฟ่อ​’

งูน้อย​สอง​ตัว​ที่​ติ่ง​หู​ของ​ฉุน​เยียน​เก็บ​ความดุร้าย​กลับมา​ทันที​ แล้ว​ขด​ตัวอย่าง​สั่นเทา​

“หลง​ถู!”

หลวนอวี้​ร้อง​อย่าง​ตกใจ​ “เจ้ายัง​จะนิ่งดูดาย​อีก​หรือ​”

‘เงา’ และ​ป๋า​จี้ซึ่งเป็น​ผู้นำ​ที่​ยังอยู่​ใน​สภาพ​สมบูรณ์​เดิน​มาขวาง​อยู่​ด้านหน้า​พวก​นาง​ พร้อม​รับมือ​ศัตรู​ตัวฉกาจ​

หลง​ถูนิ่งเงียบ​ไป​แล้ว​เดิน​ไปหา​เพื่อน​ร่วม​เผ่า​เหล่านั้น​

‘ถุย​ๆๆ’…

สวี่ห​ลิง​อิน​ที่อยู่​บน​บ่า​ถ่มน้ำลาย​ใส่พวก​ป๋า​จี้อย่าง​แรง​

แม่ย่า​เทียน​กู่​ถือ​ไม้เท้า​แล้ว​เดิน​อ้อม​ทุกคน​ไปหา​สวี่​ชีอัน​

“แม่ย่า​?”

สีหน้า​ของ​เงาแปร​เปลี่ยนไป​

เทียน​กู่​นั้น​เหมือนกับ​ซิน​กู่​ที่​ไม่ได้​ขึ้น​ชื่อเรื่อง​พลัง​ต่อสู้​ แต่​ความสามารถ​นั้น​เอน​ไป​ใน​ทิศทาง​อื่น​

แม่ย่า​เทียน​กู่​อาจจะ​ถูก​โจมตี​ใน​พริบตา​ต่อหน้า​ทุกคน​ แม้ช่วย​ก็​ไม่อาจ​ช่วย​ได้​ทัน​

“ไม่เป็นไร​”

แม่ย่า​เทียน​กู่​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​ตรง​ไปหา​สวี่​ชีอัน​ ภาพ​ต่อจากนั้น​ทำให้​พวก​หลวนอวี้​ทุกคน​ต่าง​สงสัย​ว่า​ตน​ตาฝาด​หรือ​หูฝาด​ไป​หรือไม่​

“แม่ย่า​ ที่​ข้า​ทำ​ พอ​จะใช้ได้​หรือไม่​”

สวี่​ชีอัน​โค้ง​กาย​คำนับ​แล้ว​เอ่ย​ถามพร้อม​รอยยิ้ม​

“ยาม​ลงมือ​ยัง​ถือว่า​รู้​หนัก​เบา​”

แม่ย่า​เทียน​กู่​พยักหน้า​เอ่ย​ “ไป​คุย​กับ​พวกเขา​เถิด​ เจ้ารู้​ว่า​ควร​ทำ​อย่างไร​”

สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​แล้ว​เดินผ่าน​แม่ย่า​เทียน​กู่​มายัง​เบื้องหน้า​ของ​เหล่า​ผู้นำ​ จากนั้น​พยักหน้า​ทักทาย​ให้​หลง​ถู ก่อน​กวาดตา​มอง​เหล่า​ผู้นำ​ที่​ยังคง​งุนงง​และ​หวาดระแวง​อยู่​ แล้วจึง​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

“ถ้าตอนนี้​ข้า​จะฆ่าพวก​เจ้า พวก​เจ้าคิด​ว่า​อาศัย​แค่​หลง​ถูคนเดียว​ จะหยุด​ข้า​ได้​ไหม​”

หลง​ถูจาก​เผ่า​ลี่​กู่​เลิกคิ้ว​ขึ้น​ ทั้ง​ไม่พอใจ​และ​อยาก​จะลิ้มลอง​

หลวนอวี้​ ฉุน​เยียน​ ป๋า​จี้และ​เงา ต่าง​ก็​พา​กัน​เงียบงัน​ไม่พูดจา​

มาพูด​เช่นนี้​ใน​ตอนนี้​มีประโยชน์​อะไร​กัน​ พวกเขา​ย่อม​ไม่ยอม​แน่นอน​ แต่​ด้วย​สภาพ​ตอนนี้​ย่อม​ทำ​ไม่ได้​ และ​ไม่อาจ​ร่วมมือ​กับ​หลง​ถูเพื่อ​ล้อม​โจมตี​ ตอนนี้​การ​ทำเป็น​ปาก​ดี​ย่อม​ไม่ใช่เรื่อง​ดี​อะไร​ ผู้​เข้าใจ​สถานการณ์​คือ​ผู้​เฉลียวฉลาด​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงนิ่งเงียบ​

“พวก​เจ้าอย่า​ไม่พอใจ​ไป​เลย​ ‘จิต​’ ของ​ข้า​ก็​ยัง​ไม่ถูก​ใช้ออกมา​ ของ​วิเศษ​และ​ของ​ข้า​ก็​ยัง​ไม่ได้​ใช้ด้วย​ แม้ว่า​ผู้นำ​เผ่าพันธุ์​กู่​ทั้ง​เจ็ด​คน​จะร่วมมือ​กัน​ ก็​ยัง​ทำ​อะไร​ข้า​ไม่ได้​”

สวี่​ชีอัน​ยื่นมือ​ออกมา​แล้ว​วาง​เจดีย์​พุทธะ​ไว้​กลางฝ่ามือ​ก่อน​เอ่ย​ว่า​

“เจดีย์​พุทธะ​ของ​พระโพธิสัตว์​ฝ่าจี้แห่ง​สำนัก​พุทธ​ พวก​เจ้าไม่เคย​เห็น​และ​น่าจะ​ไม่เคย​ได้ยิน​มาก่อน​สินะ​”

สีหน้า​ของ​พวก​ฉุน​เยียน​เปลี่ยนไป​ ความ​ไม่ยินยอม​ใน​ใจหาย​ไป​กับ​สายลม​

“ดังนั้น​ พวก​เจ้าทุกคน​ล้วน​เป็นหนี้​ข้า​หนึ่ง​ชีวิต​”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง