บทที่ 679 อีกแผนการหนึ่ง – ตอนที่ต้องอ่านของ ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ตอนนี้ของ ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 679 อีกแผนการหนึ่ง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“ไม่ถูกต้อง?”
หลวนอวี้ที่ที่เดินตามเขามาติดๆ ได้ยินก่อนใคร ถามกลับอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “อะไรไม่ถูกต้อง”
อิ่งจือ ป๋าจี้ ฉุนเยียนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาสองคนเล็กน้อย ก็ส่งสายตาซักถามมาทางสวี่ชีอันเช่นกัน
สวี่ชีอันขมวดคิ้วแน่น ต้องไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน เพราะมันง่ายเกินไป สวี่ผิงเฟิงรู้ถึงความสำคัญของเผ่าพันธุ์กู่ และการเลือกของเผ่าพันธุ์กู่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการตัดสินผลของสงครามในที่ราบภาคกลาง
อิทธิพลที่สำคัญเช่นนี้ ส่งแค่ลูกศิษย์มาเพียงคนเดียว มาทำสัญญาปากเปล่า พ่นเงื่อนไขหลายอย่างที่ทำให้เผ่าพันธุ์กู่ไม่สามารถปฏิเสธได้…ใช่ เงื่อนไขเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้เผ่าพันธุ์กู่ตอบรับที่จะเป็นพันธมิตร หากไม่มีตนเองเข้าไปแทรกแซง ป่านนี้เผ่าพันธุ์กู่คงจะเป็นพันธมิตรกับอวิ๋นโจวอย่างราบรื่นไปแล้ว
แต่ สวี่ผิงเฟิงรู้ว่าเขาอยู่ในซินเจียงตอนใต้
อีกทั้ง การเดินทางท่องยุทธภพเพื่อรวบรวมปราณมังกรของเขาครั้งนี้ เป็นการอาศัยไสยศาสตร์กู่ที่แข็งแกร่งอย่างประหลาด สวี่ผิงเฟิงจะต้องรู้เรื่องนี้
ในฐานะคนที่คิดวางแผนร้ายต่อที่ราบภาคกลางทุกวิถีทาง ไสยศาสตร์กู่ที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้ มีหรือเขาจะไม่สนใจ?
สวี่ผิงเฟิงอาจจะไม่รู้ว่าเจ็ดยอดกู่คืออะไร แต่เขาต้องเดาได้อย่างแน่นอนว่าไสยศาสตร์กู่ของข้ามาจากการสนับสนุนของผู้อาวุโสเทียนกู่ ข้าผู้มีความสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์กู่ก็อยู่ในซินเจียงตอนใต้ แล้วเผ่าพันธุ์กู่ก็มีความสำคัญขนาดนี้ เขาส่งแค่ลูกศิษย์มาพูดเกลี้ยกล่อมเผ่าพันธุ์กู่แค่เพียงคนเดียว…นี่มันไม่ใช่แนวทางปฏิบัติของสวี่ผิงเฟิง
สวี่ชีอันวิเคราะห์ในใจอยู่ครู่หนึ่ง ข้อสรุปที่ได้คือ
ถ้าสวี่ผิงเฟิงไม่มีเป้าหมายอื่น เขาก็ต้องมีวิธีควบคุมเผ่าพันธุ์กู่ ทำให้หลังจากการสร้างพันธมิตรล้มเหลว เผ่าพันธุ์กู่ไม่กล้าไปจากซินเจียงตอนใต้ การคาดคะเนตามแนวความคิดนี้ วิธีบังคับเผ่าพันธุ์กู่ของสวี่ผิงเฟิงก็เดาได้ไม่ยากแล้ว…จี๋เยวียน
คิดถึงตรงนี้ สวี่ชีอันหันหลังกลับ เดินกลับไปข้างๆ แม่ย่าเทียนกู่ พูดว่า
“แม่ย่า ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่า ตอนนั้นผู้อาวุโสเทียนกู่ร่วมมือกับสวี่ผิงเฟิงขโมยชะตาบ้านเมือง เพื่อซ่อมแซมรูปปั้นปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ขงจื๊อ ปิดผนึกเทพเจ้ากู่”
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับเทพเจ้ากู่ ท่าทางประจบประแจงของหลวนอวี้ที่วิ่งตามมาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
ฉุนเยียนและผู้นำคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าจริงจัง มองหน้าเขาและแม่ย่าแห่งเทียนกู่
แม่ย่าแห่งเทียนกู่พยักหน้าอย่างสงบ
“ถูกต้อง แรงผลักดันทั้งหมดของเผ่าพันธุ์กู่ก็เพื่อปิดผนึกเทพเจ้ากู่”
หลวนอวี้กอดแขนข้างหนึ่งของสวี่ชีอัน
“เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่”
ภาษาที่ราบภาคกลางไม่ได้มาตรฐาน แต่น้ำเสียงอ่อนหวานน่าฟัง มีเสน่ห์ดึงดูดตามแบบฉบับของผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่
“จี๋เยวียน เป้าหมายของศิษย์คนโตของท่านโหราจารย์ก็คือจี๋เยวียน”
สวี่ชีอันไม่ได้ปกปิด พูดตรงประเด็นว่า “หากอวิ๋นโจวและเผ่าพันธุ์กู่ล้มเหลวในการสร้างพันธมิตร มีความเป็นไปได้มากว่าเขาจะต้องวางแผนทำให้ตราผนึกปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ต้องสั่นคลอน”
ปรมาจารย์ซินกู่ฉุนเยียนส่ายหน้าเล็กน้อย “ตราผนึกปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนทั่วไปจะสามารถทำให้สั่นคลอนได้ แม้แต่แม่ย่าก็ไม่สามารถทำให้สั่นสะเทือนได้”
ผู้นำหลายคนพยักหน้า มองไปที่สวี่ชีอัน คิดว่าเขาคิดมากเกินไป
สีหน้าสวี่ชีอันเคร่งขรึม พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“พวกเจ้าอย่าได้อย่าเพิกเฉยต่อคำพูดของข้า ตราผนึกของปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับโชคชะตา นี่คือสาเหตุที่ผู้อาวุโสเทียนกู่ต้องการที่จะขโมยชะตาบ้านเมืองของต้าฟ่ง”
ชะงักไปครู่หนึ่ง เขากวาดตามองผู้นำทุกคน
“การควบคุมโชคชะตาของโหรดีกว่าลัทธิขงจื๊อ”
ใบหน้าของหลวนอวี้และคนอื่นๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย
สวี่ชีอันพูดต่อว่า “สวี่ผิงเฟิง อาจจะไม่ต้องการทำให้ตราผนึกปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือน แต่เขาต้องมีจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน จะประมาทไม่ได้ รีบไปจี๋เยวียนเดี๋ยวนี้”
พูดจบ ผู้นำหลายคนทยอยลอยขึ้นตามลม มุ่งไปทางจี๋เยวียน สีหน้าไม่ดี
…
‘ยิ่งใหญ่จนทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย…’
ในป่าบุพกาลที่ลึกเข้าไป เก่อเหวินเซวียนกำลังกระโจนอยู่ในป่าทึบที่เต็มไปด้วยอากาศพิษ หวนนึกถึงการต่อสู้ที่ได้สังเกตการณ์เมื่อไม่นานมานี้ ในใจก็เกิดความรู้สึกสะเทือนใจขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่ได้เห็นสวี่ชีอันเอาชนะผู้นำของเผ่าพันธุ์กู่ทั้งห้าท่าน สิ่งแรกที่พรั่งพรูออกมาจากใจของเก่อเหวินเซวียนก็คือ ความโกรธเคืองและความผิดหวังท้อแท้ ทั้งห้าท่านฝีมือเหนือธรรมดา แต่กลับถูกคนแซ่สวี่ควบคุม ไม่ได้สูญเสียอะไรมากก็สามารถปราบได้แล้ว
จากนั้น ความโกรธเคืองและความผิดหวังท้อแท้ก็ถูกความกลัวเข้ามาแทนที่ เกิดความรู้สึกอยากจะถอนตัวอย่างยิ่ง
ไปจากซินเจียงตอนใต้ แล้วไม่กลับมาอีกเลย
แต่เขายังคงมีงานที่ยังทำไม่เสร็จ เรื่องสร้างพันธมิตรล้มเหลวไปแล้ว เริ่มแผนการต่อไปได้
ในสมองของเก่อเหวินเซวียนมีเสียงกำชับของอาจารย์ก่อนออกเดินทางดังขึ้นมา
‘ถ้าหากสวี่ชีอันทำลายแผนการ สร้างพันธมิตรไม่สำเร็จ ก็ให้นำของที่ข้ามอบให้เจ้าไปจี๋เยวียน’
“อาจารย์มีแผนการล้ำเลิศ แผนหนึ่งล้มเหลว ก็วางอีกแผนการหนึ่ง จะไม่มีวันกลับไปมือเปล่าอย่างแน่นอน...”
เก่อเหวินเซวียนอาศัยการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว เดี๋ยววิ่งห้ออยู่ในป่าทึบ เดี๋ยวก็กระโดดอยู่บนยอดต้นไม้
แมลงมีพิษและสัตว์มีพิษสองข้างทางต่างกลัวจะหลบเขาไม่ทัน พากันหลบหลีกเสียงดังกรอบแกรบ
สิ่งที่เก่อเหวินเซวียนถนัดก็คือการจัดการ ตัวเขาซึ่งเป็นเพียงขั้นห้าสลายแรง นักเล่นแร่แปรธาตุขั้นหก เดิมทีไม่สามารถเข้าไปในส่วนลึกของป่าบุพกาลได้
แต่อย่าลืมว่า ขั้นเก้าของระบบโหรเรียกว่า ‘แพทย์’ แพทย์และพิษนั้นเป็นของคู่กัน เขากินยาเม็ดแก้พิษก่อน จึงทำให้เขาไม่กลัวอากาศพิษ จากนั้นก็ทาผงยาขับไล่แมลงมีพิษที่ตัว จึงสามารถอาศัยขอบเขตการปกคลุมจากกำลังของตู๋กู่เข้าสู่จี๋เยวียน หากเป็นขอบเขตอื่น เขายังไม่ทันเข้าใกล้จี๋เยวียนก็คงถูกหนอนกู่และอสูรกู่ฆ่าตายแล้ว
ต้นไม้บริเวณรอบๆ เริ่มค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ บนพื้นดินปรากฏดินสีดำบริเวณกว้างหลายผืน เหมือนจุดด่างดำเป็นจุดๆ
เมื่อเก่อเหวินเซวียนผ่านป่าไม้ผืนนี้ เบื้องหน้าก็ปรากฏหุบเขารอยแยก ความกว้างของหุบเขารอยแยกยากที่จะประเมิน เก่อเหวินเซวียนทอดสายตามองไปไกลสุดสายตา แต่มองไม่เห็นฝั่งตรงข้ามของหุบเขารอยแยก
ริมหุบเขารอยแยกไม่สูงชันมันเป็นเนินที่ลาดลงไปเรื่อยๆ
“พืชเริ่มมีรูปร่างพิกลพิการ…”
และนี่เพิ่งเข้าสู่จี๋เยวียน
น่าเสียดายที่ในจี๋เยวียนไม่สามารถใช้วิชามองปราณได้ จึงไม่สามารถหาทางหลบเลี่ยงอันตรายข้างหน้าล่วงหน้าได้ การใช้วิชามองปราณในจี๋เยวียน ย่อมต้องเห็นชะตากรรมของเทพเจ้ากู่ การจับตาดูชะตากรรมของขั้นสูงสุด จะทำให้ข้าอกสั่นขวัญแขวนในทันที…เก่อเหวินเซวียนระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เดินต่อไปอย่างรักษาระดับความเร็วแบบไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป
เขาคลำทางต่อไปเป็นเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา ระหว่างทางได้หลบหลีกการโจมตีของแมลงมีพิษและสัตว์ร้ายจำนวนมาก แสงรอบๆ ตัวก็ค่อยๆ มืดลง
จู่ๆ เก่อเหวินเซวียนก็ได้กลิ่นที่ทั้งหวานทั้งเลี่ยน หัวใจเต้นเร็ว เส้นเลือดขยายขึ้นมาทันที เขารู้ว่าตัวเองได้รับพิษฉิงเข้าแล้ว
หัวใจที่เต้นผิดปกติทำให้เขาวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย แต่ก็มีอาการเพียงเท่านี้ พิษฉิงที่รุนแรงไม่สามารถทำให้เขาเกิดความเพ้อฝันใดๆ ร่างกายครึ่งท่อนล่างมั่นคงดุจภูเขาไท่ซาน จิตใจไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
เขามองไปรอบๆ ก็เห็นอสูรกู่ที่ปล่อยพิษฉิงใส่ตนเอง มันเป็นสัตว์ที่มีขนสีดำทั้งตัว รูปร่างคล้ายสุนัข
เมื่อเห็นเก่อเหวินเซวียนมองมาทางมัน มันจึงหมุนตัว หันก้นให้คนชุดขาว คิดจะใช้ ‘อาวุธลับ’ ของตัวเองดึงดูดฝ่ายตรงข้าม…เก่อเหวินเซวียนกระตุกมุมปาก เดินอ้อมทางด้านข้างสีหน้าเรียบเฉย ทำเหมือนมองไม่เห็น และไม่ได้ถูกดึงดูดจากอาวุธลับของ “สุนัขดำ” ตัวนี้
แล้วเดินไปตามเนินลาดต่อไป เวลาต่อมาในระหว่างทาง เขาก็พบกับการโจมตีจากอั้นกู่ การล่าสังหารจากลี่กู่ การยั่วยวนจากฉิงกู่ และการควบคุมจากซินกู่ แล้วยังพบกับศพเดินได้กลุ่มหนึ่ง แต่ก็ผ่านมาได้อย่างปลอดภัยตลอดทาง
ในที่สุดเขาก็มาถึงบริเวณพื้นที่ราบแห่งหนึ่ง
แสงบริเวณนี้มืดสลัวมากแล้ว ราวกับยามพลบค่ำที่ม่านราตรีกำลังจะปกคลุม
จากบริเวณพื้นที่ราบเดินตรงไป ก็จะเป็นหน้าผาสูงชันจริงๆ แล้ว ด้านล่างหน้าผามีเทพเจ้ากู่นอนอยู่
บริเวณนี้คือจุดสิ้นสุดของเนินลาด
เก่อเหวินเซวียนเห็นรูปปั้นสูงใหญ่ชิ้นหนึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่ที่ริมหน้าผา
เขาสวมชุดคลุมยาว และสวมมงกุฎแห่งปราชญ์ทรงสูงบนศีรษะมือข้างหนึ่งไพล่หลัง อีกข้างหนึ่งวางไว้ที่ท้อง ก้มหน้าเล็กน้อย มองจี๋เยวียนที่อยู่ด้านล่าง
ปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์…ในสมองของเก่อเหวินเซวียนมีชื่อนี้ผ่านเข้ามา สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนน้อมและระวังตัว
“ปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ปิดผนึกเทพเจ้ากู่จริงๆ ด้วย”
เขารู้เรื่องนี้นานแล้ว แต่เมื่อเห็นรูปปั้นของปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ที่นี่จริงๆ ในใจก็ยังคงหวั่นไหวอยู่ดี
“ปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ ข้าน้อยเก่อเหวินเซวียนขอคารวะ”
เขาจัดระเบียบเสื้อผ้า ก้มตัวกุมหมัดไว้ที่อกแสดงความเคารพรูปปั้นของปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์
“ล่วงเกินแล้ว…”
เก่อเหวินเซวียนปลดถุงผ้าออกอีกครั้ง แล้วหยิบของออกมาสองชิ้น คือแผ่นทองแดงแปดทิศ และเกล็ดปลาที่กระจายแสงขาวจางๆ ออกมา
ในที่หลบซ่อนที่อยู่ข้างหลังเขาห่างออกไปสิบกว่าเมตร มีลิงขนสีเหลืองที่สวมกำไลลูกปัดหลากสีที่ข้อมือตัวหนึ่ง มองการกระทำนี้อยู่อย่างเงียบๆ
ไม่ได้ห้าม และไม่ได้เข้าใกล้
…………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...