ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 68

ไม่นานรถม้าก็ออกจากเมืองชั้นใน พวกเจ้าหน้าที่พลเรือนจูงม้าดีสำหรับใช้ในราชการหลายตัวไปรออยู่ที่ประตูเมือง

สวี่ชีอันและคณะเปลี่ยนเป็นม้าเร็วแล้วขี่เลียบผ่านถนนแต่ละสายของเมืองชั้นนอก ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็ออกจากเมืองชั้นนอก ม้าหกตัวจึงเร่งความเร็วห้อตะบึงไปยังภูเขาต้าหวงทันที

“ม้าหลวงวิ่งเร็วยิ่ง นี่ก็ใกล้จะห้าสิบหลา (1 หลา เท่ากับ 0.9144 เมตร) แล้ว ม้าในชาติก่อนของข้าวิ่งเร็วขนาดนี้ไหมนะ…” สวี่ชีอันเอ่ยพึมพำ

ในนิยายมักจะมีความแตกต่างของระดับพลังที่ต่างกันสินะ

การคาดเดานี้มีเหตุผล เพราะความสามารถของระดับหลอมปราณก็คือควบคุมลมหายใจ

คนทั้งคณะมาถึงชายขอบของภูเขาต้าหวงในยามอู่[1]แล้วหยุดอยู่ข้างทางหลวง ก่อนผูกเชือกม้าไว้ที่ต้นไม้ข้างทาง หลังจากกินอาหารแห้งแล้วก็เข้าไปในภูเขาผ่านทางเล็กแคบคดเคี้ยว

คนทั้งหกห้อตะบึงไปตามทาง หลังผ่านไปหนึ่งเค่อ[2]ก็มาถึงแม่น้ำที่ไหลผ่านตีนเขาต้าหวงแล้ว

หลังจากค้นหาตามแม่น้ำได้พักหนึ่งก็พบรอยเท้าเลือนรางสองสามรอย ความยาวประมาณสามฉื่อ[3] กว้างหนึ่งฉื่อครึ่ง มีนิ้วเท้าสี่นิ้ว

หลี่ว์ชิงและสหายร่วมงานอีกสองคนปลดหีบห่อที่ด้านหลัง แล้วหยิบห่อดินระเบิดออกมาแบ่งให้พวกสวี่ชีอันทั้งสามคน

“ใช้อุ้งเท้าเป็นจุดศูนย์กลาง พวกเราจะโยนห่อระเบิดไปที่ปลายน้ำ พวกเจ้าโยนที่ต้นน้ำ ดูว่าจะไล่ปีศาจออกจากแม่น้ำได้หรือไม่”

นี่เป็นแผนที่วางเอาไว้แล้ว

ราชวงศ์ต้าฟ่งมีการจัดการดูแลดินปืนอย่างเข้มงวดยิ่ง สูตรของมันถูกเก็บเป็นความลับ วัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับใช้ทำดินปืนก็ถูกผูกขาดโดยราชสำนักทั้งหมด

แม้แต่หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลรวมถึงพวกมือปราบของที่ว่าการเมืองอย่างหลี่ว์ชิงก็ยังรู้จักส่วนประกอบของดินปืนแบบงูๆ ปลาๆ ซึ่งก็ได้มาจากการดมกลิ่นทั้งนั้น

ทั้งสองฝ่ายจุดไฟที่ห่อดินระเบิดแล้วโยนลงแม่น้ำ

‘ตู้ม!’

เสียงระเบิดดังอึกทึก แม่น้ำซัดสาดขึ้นสูงหลายจั้ง (1 จั้ง ประมาณ 2.5 เมตร)

ไม่นานห่อดินระเบิดก็หมด คนทั้งคณะยืนอยู่ริมฝั่ง มองดูคลื่นโคลนไหลหลาก รออยู่นานก็ไม่เห็นปีศาจลอยขึ้นมาสู่ผิวน้ำ

“ถ้ามีพวกโหรของสำนักโหราจารย์มาช่วยก็ดีน่ะสิ” สวี่ชีอันเอ่ยพลางทอดถอนใจ

ศาสตร์พยากรณ์สามารถหาตำแหน่งของปีศาจผ่านปราณชั่วร้ายได้

ซ่งถิงเฟิงส่งเสียง ‘อา’ ออกมาแล้วเอ่ยเสียงเบา “โหรของสำนักโหราจารย์สูงส่งยิ่งกว่าหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลอย่างพวกเราเสียอีก รับฟังแค่คำสั่งของฝ่าบาทเท่านั้น คดีเล็กๆ เช่นนี้อย่าหวังว่าจะใช้งานพวกเขาได้เลย”

โหรของสำนักโหราจารย์สูงส่งหรือ ทำไมข้าไม่คิดอย่างนั้นล่ะ เจ้าไม่เคยเห็นสีหน้าเลื่อมใสตอนที่พวกเขามองข้าล่ะสิ สวี่ชีอันคิดและส่งเสียง ‘อืม’ พลางพยักหน้า

ทั้งสองฝ่ายหารือกัน ซ่งถิงเฟิงยักไหล่ “ดูท่าว่ามันคงไม่ออกมาแล้ว ข้าแนะนำว่าให้ไปดูในภูเขา ถ้าในภูเขาต้าหวงมีอะไรบางอย่างจริงๆ น่ะ”

สวี่ชีอันกล่าวเสริม “ตรวจสอบบริเวณที่พวกคนเผาถ่านใช้เก็บปูนขาวก่อนเถิด”

หลี่ว์ชิงพยักหน้าเงียบๆ

คนทั้งสองกลุ่มแบ่งกันเข้าไปในภูเขา หน้าหนึ่งหลังหนึ่ง ห่างกันหลายสิบเมตร

ซ่งถิงเฟิงมองไปที่เงาร่างของหลี่ว์ชิงแล้วบุ้ยปาก “มือปราบหญิงของที่ว่าการผู้นี้รูปร่างดีมาก เจ้าดูบั้นท้ายนั่นสิ เนื้อแน่นแข็งแรง สองขามีกำลัง ถึงแม้แม่นางในหอนางโลมจะมีน้ำมีนวล แต่ก็บอบบางเกินไป”

เห็นด้วย อีกอย่างผู้หญิงฝึกยุทธ์แบบนี้มีรอยกล้ามท้องรูปเลขสิบเอ็ด มีเส้นโค้งราบเรียบและต้นขาแน่นๆ ไม่แน่อาจจะมีกล้ามหน้าท้องตื้นๆ ก็ได้…ช่างชวนให้นึกถึงภรรยาของข้า ทีฟา ล็อกฮาร์ท[4] จริงๆ สวี่ชีอันคิด

สวี่ชีอันเอ่ยอย่างพินิจ “แต่นางเหมือนจะเคยชินกับการพันหน้าอกนะ นี่ไม่ดีเลย อาจจะทำให้หน้าอกเปลี่ยนรูปได้”

ซ่งถิงเฟิงชะงักไปก่อนหัวเราะร่า “เจ้าก็สังเกตเห็นด้วยจริงๆ ข้าขาดสหายร่วมงานที่น่าสนใจเช่นเจ้านี่ล่ะ จูกว่างเสี้ยวน่ะเป็นพวกปีศาจในร่างมนุษย์ที่โบยตีสามไม้ก็ไม่ร้องสักแอะ”

สำหรับบุรุษแล้ว การพูดคุยเรื่องเรือนร่างเป็นความบันเทิงที่ไม่เพียงสนุกสนานแต่ยังฆ่าเวลาได้ด้วย

จูกว่างเสี้ยวเหลือบมองเขาคราหนึ่ง เงียบสนิทไม่พูดอะไร

การเผาถ่านส่วนใหญ่รวมอยู่ที่ยอดเขาหลักของภูเขาต้าหวง คนทั้งคณะมองเห็นภูเขาหินโล้นได้จากระยะไกล ลักษณะเหมือนกลากเกลื้อนบนใบหน้ามนุษย์

การขุดเจาะอย่างต่อเนื่องหลายปีทำให้ยอดเขาหลักของภูเขาสูงลูกนี้เสียหายอย่างหนัก

ทั้งสองฝ่ายค้นหาอย่างไร้จุดหมายอยู่ในภูเขาเนิ่นนานก็ไม่พบของเบาะแสมีค่าอะไร

เมื่อมารวมตัวกันเพื่อดื่มน้ำ หลี่ว์ชิงก็เอ่ย “ภูเขาต้าหวงไม่เพียงมีปูนขาวคุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังมีพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ สามารถตัดโค่นมาทำเป็นสีย้อมได้ พวกคนเผาถ่านก็ทำเตาเผาได้สะดวกมาก ขุดไปเผาไป เผาไปทุบไป อีกทั้งตีนเขายังมีแม่น้ำ การขนส่งก็สะดวก ประหยัดฟืนอีกทั้งยังเป็นสีเทาสวย ใช้แรงครึ่งเดียวก็ทำกำไรได้มาก”

มือปราบอีกคนของที่ว่าการกล่าวเสริม “ดังนั้นจึงเก็บภาษีหนัก หลังจากขุดถ่านไม่ได้ก็ตัดเส้นทางทำกินไปเลย”

ถึงได้ไปร้องเรียนยังที่ว่าการเมืองสินะ… สวี่ชีอันเงียบงันไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยพลางถอนหายใจ “การเก็บภาษีโหดร้ายทารุณทำให้เกิดผู้ลี้ภัย ขูดรีดชาวบ้านเป็นอาหารโอชะที่สุด”

ทุกคนเงียบงันไปชั่วครู่ ไม่มีใครกล้ารับช่วงต่อ

ซ่งถิงเฟิงกระแอมไอแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ปีศาจไม่ออกมาจากน้ำ ทั้งไม่มีกำลังคนพอจะค้นภูเขา มือปราบหลี่ว์ เจ้ามีคำแนะนำอะไรหรือไม่”

ถึงแม้เมื่อกี้จะยังละโมบในเรือนร่างของผู้อื่น แต่ซ่งถิงเฟิงก็ไม่ได้ดูถูกผู้หญิงคนนี้เพราะก้นใหญ่หน้าอกใหญ่

หลี่ว์ชิงเอ่ยอย่างใคร่ครวญ “เราแบ่งกันไปเป็นสามกลุ่ม กลุ่มละสองคน กลุ่มหนึ่งไปหาผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ใกล้เคียง อีกกลุ่มไปเมืองหลวงแล้วรวบรวมกำลังคนมาค้นภูเขา ข้าจะไปขอร้องทางท่านผู้ว่าราชการเมืองเพื่อขอโหรจากสำนักโหราจารย์มาช่วยด้วยอีกแรง”

“แบบนั้นจะเสียเวลาเกินไป” สวี่ชีอันโบกไม้โบกมือกล่าว “เลือกให้คนหนึ่งไปหาผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านใกล้เคียง ส่วนที่เหลือก็อยู่ที่นี่เถอะ”

หลี่ว์ชิงขมวดคิ้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง