มนุษย์ศพวางกล่องไม้ไว้ตรงหน้าสวี่ชีอัน หันหลังออกไป
‘แกร๊ก’
สวี่ชีอันวางนิ้วบนแม่กุญแจทองแดง ใช้พลังปราณแทนลูกกุญแจ ดีดสลักคลายออก
ทันทีที่กล่องไม้ถูกเปิดออก เขาได้กลิ่นผงกันเสียและไล่แมลง ในกล่องเป็นหนังสัตว์ม้วนหนึ่ง
ถ้าไม่ตั้งใจทำจากหนังสัตว์ งั้นอายุของแผนที่นี้มากกว่าสองพันปีแน่นอน ยุคปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ วัสดุในการทำหนังสือคือแผ่นไม้ไผ่ ส่วนหนังสัตว์เก่าแก่กว่าแผ่นไม้ไผ่…สวี่ชีอันคิดในใจ คลี่หนังสัตว์ออกมาครึ่งม้วน
หลังคลี่ออกถึงพบว่าแผนที่นี้ถูกฉีกจากตรงกลาง เป็นครึ่งซ้ายของแผนที่ฉบับเต็ม
วิธีวาดแผนที่แปลกมาก เต็มไปด้วยลายเส้นบิดเบี้ยวไม่สม่ำเสมอ ค่อนข้างคล้ายกับแผนที่ในชาติก่อนของสวี่ชีอัน
นอกจากลายเส้น ไม่มีตัวอักษรแม้แต่น้อย
ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนยังเรียนอยู่ แผนที่ภูมิประเทศก็เป็นเส้นยุ่งเหยิงแบบนี้…สวี่ชีอันมองโหยวซือ พูดว่า
“แผนที่นี้ถอดรหัสแล้วหรือไม่”
แน่นอนว่าแผนที่ม้วนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเหมือนกับแผนที่ภูมิประเทศในชาติก่อน
โหยวซือส่ายหน้า
“ท่านพ่อข้าเคยค้นคว้า คิดว่าลายเส้นในแผนที่เป็นสัญลักษณ์แทนภูมิลักษณ์ของที่นี่ มีเพียงโหรเท่านั้นที่เข้าใจ แต่ต่อให้เป็นโหร คิดจะค้นหาพื้นที่ที่สอดคล้องกันในแผ่นดินใหญ่จิ่วโจว ก็นับว่างมเข็มในมหาสมุทร”
เนื่องจากแทบหาไม่เจอ ดังนั้นเขาถึงแลกเปลี่ยนกับสวี่ชีอันอย่างเต็มใจ
ถึงอย่างไรทิ้งไว้ในเผ่าซือกู่ ก็น่าจะได้แต่เก็บรักษาตลอดไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ใช้แลกเปลี่ยนให้ศพโบราณนั้นถูกเก็บไว้ในเผ่าหลายวันหน่อย
นึกถึงศพที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบนั้น โหยวซือใจเต้นรัว เลือดร้อนเดือดพล่าน
สวี่ชีอันเงี่ยหู ได้ยินเสียงครวญครางของสตรีในส่วนลึกของลานบ้านดังก้องรุนแรงขึ้นกะทันหัน
เขาไม่ได้ใส่ใจ นำโลงศพออกมาจากเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีทันที จากนั้นเก็บกล่องไม้บรรจุแผนที่ครึ่งม้วนเข้าไป
“จริงสิ เตือนเจ้าสักหน่อย อย่าทำอะไรแปลกๆ กับมัน จะได้ไม่แปดเปื้อนเหตุต้นผลกรรม แม้ข้าคิดว่าเหตุต้นผลกรรมบนร่างมันหายไปโดยสิ้นเชิงแล้วก็ตาม”
สวี่ชีอันเตือนด้วยรอยยิ้ม
‘โหยวซือ’ ใช้ตาขาวมองเขาแวบหนึ่ง พูดว่า
“ในเผ่าซือกู่ของพวกเรา มีคำโบราณว่าไว้…ควบคุมความปรารถนาไม่ได้ ทำงานใหญ่ไม่สำเร็จ
“ผู้ที่มีโอกาสบรรลุขั้นสี่ ล้วนต้านทานความยั่วยวนของกู่เจ้าชะตาได้ แม้เผ่าข้าไม่ได้ห้ามเรื่องทางนี้ แต่ผู้ที่ก้าวข้ามกฎเกณฑ์กับศพ ล้วนเป็นสุนัขโง่ไม่ได้เรื่อง”
…สีหน้าของสวี่ชีอันค่อยๆ แข็งทื่อ
‘โหยวซือ’ ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของเขา ตั้งใจชื่นชมศพโบราณ โบกมือ
“ไปเถอะ อย่ารบกวนข้า”
…
สวี่ชีอันกลับถึงเผ่าลี่กู่ แสงแดดอบอุ่น ยามเช้าเจ็ดโมงกว่า เขากลับห้องไปพบลั่วอวี้เหิงก่อน
ราชครูนั่งขัดสมาธิ บำเพ็ญตบะฝึกลมหายใจ เห็นเขาเข้ามา ลืมตางดงาม แย้มยิ้มพริ้มพราย ราวกับหญิงงามแห่งยุคผู้ชื่นชอบยิ้มแย้มท่ามกลางหมู่มวลบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ
โอ้ บุคลิก ‘ชอบ’ นี่เอง…สวี่ชีอันโล่งใจ บุคลิกชอบนั้นมีนิสัยเชิงบวกเหมือนกับ ‘โศกเศร้า’ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีอารมณ์เชิงลบ เมื่อบำเพ็ญคู่ก็ยอมทำตามความต้องการของเขา
“ชายแดนใต้ดีจริงๆ อากาศอบอุ่น แว่วเสียงนกร้องอบอวลกลิ่นดอกไม้ จิตใจข้าสุขสบาย”
ลั่วอวี้เหิงยิ้มพูด
“แต่ยุงเยอะ เมื่อคืนช่วยราชครูตบยุง ตบจนสะโพกแดงไปหมด”
สวี่ชีอันยิ้มพูด
ลั่วอวี้เหิงขึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง เขินอายหลายส่วน แต่ไม่โกรธ ยังคงยิ้มบางๆ
ถ้าเป็น ‘โกรธ’ กระบี่เดียวก็ส่งข้าขึ้นสวรรค์แล้ว…จากนั้นสวี่ชีอันมองสวี่หลิงอินที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ถามว่า
“หลิงอินกลับมานอนที่นี่ได้อย่างไร”
ลั่วอวี้เหิงพูดอย่างจนปัญญา
“เจ้าไปได้ไม่นาน นางก็วิ่งเข้ามา บอกว่าสงสัยว่าท่านอาจารย์ลี่น่าอยากกินนาง หวาดกลัวมาหาเจ้า แต่เจ้าไม่อยู่”
…สวี่ชีอันใคร่ครวญพูดว่า “พบว่าข้อมือของตนมีรอยกัดใช่หรือไม่”
ลั่วอวี้เหิงพยักหน้า
หลังจากที่หลิงอินเลื่อนขั้น ปริมาณอาหารเพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด วันหน้ากลับเมืองหลวง อาสะใภ้คงต้องร้องไห้แล้ว…สวี่ชีอันไม่รู้ว่าควรออกความเห็นอย่างไร ได้แต่อธิษฐานแทนอาสะใภ้ในใจ
วันที่สาม ทหารเผ่าซินกู่ เผ่าซือกู่ เผ่าลี่กู่ และเผ่าอั้นกู่รวมพลเสร็จสิ้น
ในนั้น กองทัพอสูรเหินเวหาของเผ่าซินกู่ห้าร้อยนาย ทหารเผ่าลี่กู่สี่ร้อยนาย นักควบคุมศพผู้เชี่ยวชาญของเผ่าซือกู่หกร้อยนาย ทหารชั้นยอดเผ่าอั้นกู่แปดร้อยนาย เผ่าพันธุ์กู่ทั้งหมดสองพันสามร้อยนาย และหุ่นเชิดมนุษย์ศพที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งอีกหนึ่งพันนาย
กองทัพยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่มีสมาชิกสามพันกว่านาย ออกจากชายแดนใต้ มุ่งหน้าสู่ชิงโจว
ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง โม่ซางพี่ใหญ่ของลี่น่าก็อยู่ในกองทัพเผ่าลี่กู่
ส่วนลี่น่านั้น คิดจะทำให้เผ่าลี่กู่แข็งแกร่งขึ้น หลังจากซึมซับพลังโลหิตของเทพกู่ ก็จะขึ้นเหนือสู่ชิงโจว เข้าร่วมสงคราม ขัดเกลาวิชากู่
เผ่าลี่กู่ทั้งดีใจและกังวลใจกับการส่งทหารชั้นยอดสี่ร้อยนายสู่สงคราม ดีใจที่ภายหลังจะได้ฝากปากท้องของคนกลุ่มนี้ให้ต้าฟ่ง พวกผู้อาวุโสแอบกำชับทหารหนุ่มที่ออกศึก
“กินให้เต็มที่ กินให้หมดยุ้งฉางของคนที่ราบกลาง”
แต่กังวลว่าหลังจากที่คนกลุ่มนี้ออกเดินทาง กำลังพลล่าสัตว์ยิ่งขาดแคลน ผู้ชราที่เมื่อก่อนทำนาทำไร่หรือไม่ทำอะไรเลย ยามนี้ก็ต้องถกแขนเสื้อขึ้นเขาล่าสัตว์
…
กลางดึก!
ในกระโจมทหารห่างจากอำเภอซงซานสิบลี้ จัวเฮ่าหรานนั่งข้างโต๊ะประชุม ตรงหน้าคืออ่างทองแดง ในอ่างนั้นคือขาแกะที่เพิ่งย่างเสร็จ
เขาถือขาแกะด้วยมือซ้าย ออกแรงกัดแทะ ดาบยาวขวามือเปื้อนคราบเลือด
สองฝั่งของโต๊ะประชุม คือพวกแม่ทัพที่นิ่งเงียบ
สงครามใหญ่เพิ่งจบลง ทัพอวิ๋นโจวใต้บัญชาจัวเฮ่าหรานขับไล่ทหารอารักขาต้าฟ่งที่ลอบโจมตีกลางดึก สงครามลอบโจมตีเช่นนี้เกิดขึ้นบางครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง