ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 694

ลั่วอวี้เหิงยก​ขา​เรียว​ขาว​ไว้​ตรง​หน้าท้อง​ของ​เขา​ แล้ว​กะพริบ​ดวงตา​งาม พลาง​เอ่ย​อ้อมค้อม​อย่าง​เศร้าสร้อย​ว่า​ “เรื่อง​ที่​เหตุใด​ผู้คน​ถึงทำร้าย​สวี่​หลา​งได้​ลงคอ​ ก็​เพราะ​สวี่​หลา​งเป็น​คน​ไร้​น้ำใจ​ไร้​คุณธรรม​ไงเล่า​ เห็น​กัน​ชัด​ๆ อยู่​ว่า​มีข้า​แล้ว​ ก็​ยัง​จะไป​พัวพัน​กับ​มู่หนาน​จือ​ ซ้ำยัง​พา​นาง​ออก​ท่อง​ยุทธ​ภพ​อีก​

“หาก​ในอนาคต​หลัง​ข้า​ให้กำเนิด​บุตร​ เจ้าคง​ได้​ทิ้ง​ภรรยา​เพื่อ​หนี​ไป​อยู่​กับ​หญิง​แพศยา​นั่นแน่​”

ระหว่าง​ที่​พูด​นั้น​ นาง​ก็​พลัน​กวักมือ​เรียก​กระบี่​เหล็ก​ที่​มีสนิม​ด่าง​หลาย​จุด​ ก่อน​จะเล็ง​ปลาย​กระบี่​ที่​ท้องน้อย​ของ​ตน​ สะอึกสะอื้น​กล่าวว่า​ “เช่นนั้น​ข้า​จะฆ่าลูก​ของ​เจ้าเสีย​ จบสิ้น​สอง​ชีวิต​ใน​หนึ่ง​ร่าง​”

ตอนนั้น​เอง​สวี่​ชีอัน​ก็​คิดถึง​ราชครู​คน​เดิม​ที่​เคย​เย็นชา​ห่างเหิน​ขึ้น​มาเล็กน้อย​ นวด​คลึง​หว่าง​คิ้ว​ด้วย​ความ​ปวดหัว​ “ท่าน​ราชครู​ สมอง​ของ​ท่าน​มีปัญหา​หรือไม่​”

จากนั้น​กระบี่​แหลมคม​แสน​เยียบ​เย็น​ก็​มาจ่อ​อยู่​บริเวณ​ลำคอ​กะทันหัน​ ท่ามกลาง​ความมืด​ นัยน์ตา​คู่​นั้น​ดู​เยือกเย็น​ดุจ​น้ำแข็ง​ พร้อม​ยิ้มมุมปาก​อย่าง​เย็นชา​ “เจ้าพูดว่า​อัน​ใด​นะ​ ข้า​ไม่ค่อย​ได้ยิน​”

“ท่าน​ราชครู​ เหมือนว่า​สมอง​ของ​ข้า​จะมีปัญหา​นิดหน่อย​ อาจ​เป็น​เพราะ​โดน​ท่าน​ตี​จน​เกิด​ความเสียหาย​ หลังจาก​ท่าน​เขย่าขวัญ​จิต​เดิม​ของ​ข้า​แตก​กระเจิง​ไป​ ได้​รวบรวม​วิญญาณ​ของ​ข้า​ดี​ๆ บ้าง​หรือไม่​” สวี่​ชีอัน​พลิกแพลง​คำพูด​ทันที​

สีหน้า​และ​อารมณ์​ของ​ลั่วอวี้เหิง​พลัน​เปลี่ยน​ ก่อน​จะทิ้ง​กระบี่​เหล็ก​ แล้ว​ขยี้​ศีรษะ​ของ​สวี่​ชีอัน​แทน​ “ว่าง่าย​ดี​นี่​!”

สติฟั่นเฟือน​ไป​แล้ว​ อีก​ยี่สิบ​สี่ชั่วโมง​ให้หลัง​จะขอ​บอกลา​เจ้าล่ะ​นะ​…สวี่​ชีอัน​รับมือ​ด้วย​การ​ฝืนยิ้ม​

ด้วย​การแสดงออก​ของ​ลั่วอวี้เหิง​ ทำให้​เขา​รู้​ว่า​ผู้นำ​เต๋า​คน​นี้​มีความปรารถนา​อัน​แรงกล้า​ และ​หวาดระแวง​ต่อ​มู่หนาน​จือ​อย่างยิ่ง​

นอกจาก​จะขี้หึง​รุนแรง​แล้ว​ ยัง​คิด​จะหมายหัว​หญิง​อื่น​ของ​เขา​อีกด้วย​ ทว่า​บุคลิก​อื่นๆ​ ก็​ล้วน​ระแวดระวัง​และ​หวั่นเกรง​ต่อ​เทพ​ดอกไม้​ทั้งสิ้น​

ดูท่า​ใน​สายตา​ของ​ท่าน​ราชครู​ หนาน​จือคง​เป็น​ศัตรู​ด้าน​ความรัก​ที่​แข็งแกร่ง​มาก​ที่สุด​สินะ​ ส่วน​หญิง​อื่น​ไม่คณา​มือ​ท่าน​เท่าไร​ และ​เทพ​ดอกไม้​น่าจะเป็น​คนเดียว​ที่​สามารถ​ทำให้​ท่าน​ราชครู​สูญเสีย​ความมั่นใจ​ใน​ความงาม​สตรี​ของ​ตน​ได้​…ขณะที่​ใน​ใจคิด​เช่นนี้​ สวี่​ชีอัน​ก็​แอบ​เหล่​ตา​มอง​ยัย​ตัว​ร้าย​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​

ซึ่งยัย​ตัว​ร้าย​ก็​ขยิบตา​ให้​อีก​ฝ่าย​

จากนั้น​สวี่​ชีอัน​ก็​ดึง​สาย​ตากลับ​ พลาง​พูด​ใน​ใจว่า​ ไม่เป็นไร​ แม้ว่า​เจ้าจะไม่งามเท่า​นาง​ แต่​เจ้าก็​อวบอั๋น​ดู​เย้ายวน​หนา​

ระหว่าง​ที่​เขา​หลับตา​ไม่ได้​สนใจ​ขา​ขาวนวล​กำลัง​ถูบริเวณ​หน้าท้อง​ และ​เริ่ม​ทบทวน​กลยุทธ์​ศึกสงคราม​ของ​อา​ซูหลัว​ใน​ครานั้น​

ข้า​ไม่เคย​เอื้อม​ถึงระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​มาก่อน​ จึงไม่รู้​ว่า​อา​ซูหลัว​มิได้​อ่อน​ให้​ แต่​เมื่อ​มานึกย้อน​ตอนนี้​ ก็​ราวกับว่า​พลัง​ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​ไม่ได้​แกร่งกล้า​อย่าง​ที่​คาด​เอาไว้​ ถึงโจมตี​ใส่ข้า​รุนแรง​กว่า​นี้​อีก​ขั้น​ ทว่า​มัน​ก็ได้​แค่นั้น​

มาคิดดู​ใน​ตอนนี้​ มัน​ก็​ดู​มีเรื่อง​ลับลมคมใน​อย่าง​ชัดเจน​

และ​สำหรับ​เรื่อง​พลัง​ต่อสู้​ของ​เทพ​อารักษ์​ขั้น​สาม อา​ซูหลัว​ก็​ไม่ได้​อ่อนข้อ​ให้​แต่อย่างใด​ อีก​ทั้ง​เขา​ต้องการ​จะจัดการ​ข้า​จริงๆ​ …ทว่า​หาก​เขา​เริ่ม​ปลดปล่อย​สายเลือด​แห่ง​อสูร​ขึ้น​มาเล่า​?

หาก​กา​ยา​จิต​ของ​เทพ​อารักษ์​ขั้น​สามรวม​เข้ากับ​สายเลือด​แห่ง​อสูร​ เกรง​ว่า​คง​สามารถ​จับ​ข้า​ห้อย​เฆี่ยนตี​ได้​โดยง่าย​ ซึ่งก็​เป็นการ​สามารถ​อธิบาย​ได้​อย่าง​แม่นมั่น​ว่า​เหตุใด​เขา​ถึงนับถือ​ศาสนาพุทธ​ อำลา​อดีต​ และ​ไม่ยอม​ปลดปล่อย​สายเลือด​แห่ง​อสูร​จนกว่า​จะไม่เหลือ​หนทาง​อื่น​

แต่กระนั้น​ก็​ยัง​รู้สึก​ไม่เต็มใจ​อยู่​เล็กน้อย​…

แม้ว่า​เขา​และ​ซุน​เสวียน​จีจะเอาชนะ​อา​ซูหลัว​ได้​ แต่​ก็​เพราะ​การ​ร่วมใจ​กัน​ต่อสู้​เป็น​อย่าง​ดี​ และ​ใช้ประโยชน์​จาก​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​เพื่อ​ก่อให้เกิด​ ‘การ​โจมตี​ขั้น​ปางตาย​’ ที่​ทำให้​อีก​ฝ่าย​พลัง​อ่อนแอ​ลง​ ทว่า​สุดท้าย​หลังจาก​แย่งชิง​ขา​ทั้งสอง​ของ​เสิน​ซูได้​ ก็​ยัง​ทำได้​เพียงแค่​หนี​อยู่ดี​

ดูเหมือนว่า​การอาศัย​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​ เจดีย์​พุทธะ​ และ​วิธี​อื่นๆ​ จะทำให้​ชนะ​ไป​ได้​อย่าง​หวุดหวิด​

ใน​สายตา​คนนอก​ ไม่ใช่ว่า​อา​ซูหลัว​มิได้​แข็งแกร่ง​ แต่​เป็น​เพราะ​สวี่​ชีอันเป็น​คน​เจ้าเล่ห์เพทุบาย​มาก​เกิน​ต่างหาก​

ทว่า​เรื่อง​นี้​อย่างไร​ก็​ไม่สามารถ​โน้มน้าว​ให้​คน​ของ​เขา​เชื่อได้​ เพราะ​ใน​สถานการณ์​นั้น​ ส่วนใหญ่​ซุน​เสวียน​จีจะคอย​ช่วย​โจมตี​ขณะ​กลัวหัวหด​อยู่​บน​ท้องฟ้า​ ส่วน​ตน​ที่​ร่าง​อยู่​ใน​ขั้น​สามก็​รับหน้าที่​ขัดขวาง​อา​ซูหลัว​เพียงลำพัง​เป็นเวลา​นาน​มาก​

วันนี้​หลังจาก​ประมือ​กับ​ท่าน​น้า​ ก็​น่าแปลกใจ​ที่​ยอด​ฝีมือ​ระดับสูง​ขั้น​สอง​ไม่อาจ​ต้านทาน​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สามได้​

แล้ว​เหตุใด​เขา​ถึงใช้เวลา​ใน​การขัดขวาง​อา​ซูหลัว​นาน​ขนาด​นั้น​?

นึกไม่ถึง​ว่า​เขา​จะแสร้ง​แสดง​ต่อหน้า​ข้า​…จากนั้น​สวี่​ชีอัน​ก็​พลัน​ส่งเสียง​จิ๊ปาก​ อา​ซูหลัว​ไม่ใช่แค่​แสร้ง​แสดง​กับ​เขา​ แต่​ยัง​แสดง​ได้​แนบเนียน​ดี​อีกด้วย​

ประการ​แรก​ ยาม​ทั้งสอง​ต่อสู้​กัน​นั้น​ อา​ซูหลัว​หมาย​จะจัด​กา​รส​วี่​ชีอัน​จริงๆ​ แต่​สุดท้าย​ก็​เป็น​สวี่​ชีอัน​ที่​ชนะ​ด้วย​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​ ซึ่งสามารถ​เรียก​ได้​ว่า​เอาชนะ​ไป​ได้​อย่าง​หวุดหวิด​

ใน​สถานการณ์​เช่นนี้​ โดยปกติ​แล้ว​คน​มัก​เกิด​ความรู้สึก​ว่าที่​ตนเอง​ชนะ​ไป​นั้น​เป็น​ดู​เก่งกาจ​ยิ่งยวด​ เพราะ​ฝ่าย​ศัตรู​ดู​แข็งแกร่ง​เป็นอย่างมาก​

ไหน​เลย​จะสงสัย​เรื่อง​อา​ซูหลัว​แสร้ง​แสดง​ได้​เล่า​?

คำถาม​คือ​ ทำไม​อา​ซูหลัว​ต้อง​แสร้ง​แสดง​กับ​ข้า​ด้วย​…อย่าง​แรก​ เขา​ไม่มีทาง​เป็น​ฝ่ายพันธมิตร​แน่​ เพราะ​เมื่อ​เข้าสู่​ร่ม​กาสาวพัสตร์​ ธาตุ​ทั้ง​สี่ล้วน​ว่างเปล่า​ ก็​ไม่มีโอกาส​ที่จะ​มีความคิด​จะทรยศ​หักหลัง​ฝ่าย​ตัวเอง​ด้วยซ้ำ​

พระโพธิสัตว์​และ​พระอรหันต์​แห่ง​สำนัก​พุทธ​มิได้​โง่เขลา​ หาก​อา​ซูหลัว​ทำตัว​มีปัญหา​ ก็​เป็น​ไม่ได้​ที่จะ​ส่งเขา​มาอารักขา​ที่​ซินเจียง​ตอน​ใต้​

ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ คำตอบ​ก็​น่าจะ​มีอยู่​อย่าง​เดียว​ นั่น​ก็​คือ​ภายใน​สำนัก​พุทธ​เกิด​ความขัดแย้ง​กัน​ ศึก​ระหว่าง​พุทธ​มหายาน​และ​พุทธ​หินยาน​ร้ายแรง​กว่า​ที่​ข้า​คิด​เอาไว้​ ดังนั้น​จึงต้องการ​ศัตรู​ภายนอก​อย่าง​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​นี้​เพื่อ​เปลี่ยน​ความขัดแย้ง​?

คำอธิบาย​นี้​นับว่า​ใช้ได้​ เพียงแต่​ยัง​รู้สึก​ว่า​ขาด​อะไร​บางอย่าง​ไป​

พรุ่งนี้​ต้อง​ไป​ที่​ภูเขา​สือ​ว่าน​ก่อน​ เมื่อ​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​จะกลับมา​ ก็​จะได้​นำ​เรื่อง​เหล่านี้​บอก​กับ​นาง​ ดู​ซิว่าน​างจะมีความเห็น​ว่า​อย่างไร​ หาก​ท่าน​น้า​สามารถ​สังเกตเห็น​ได้​ถึงรายละเอียด​นี้​ จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ก็​ย่อม​สังเกตเห็น​ด้วยเช่นกัน​ ทว่าน​างกลับ​มิได้​พูด​ออกมา​…ไม่ใช่ว่า​ไม่พูด​ แต่​ข้า​ที่​สามารถ​แย่งชิง​ชิ้นส่วน​ของ​เสิน​ซูกลับมา​ได้​ นาง​ก็​ย่อม​ยัง​รู้สึก​ใจหายใจคว่ำ​อยู่​

หลังจาก​ช่วย​ฟื้นฟู​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​ เชลยศึก​อย่าง​ตู้​เอ้อร์​หรือ​อา​ซูหลัว​ถอด​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​ดอก​สุดท้าย​ และ​ศึกสงคราม​แห่ง​ภูเขา​สือ​ว่าน​จบ​ลง​ ก็​อาจ​เกิด​ความ​สั่นสะเทือน​ไป​ทั้ง​จิ่ว​โจว​…

ระหว่าง​ที่​ความคิด​กำลัง​ล่องลอย​อยู่​นั้น​ เขา​ก็​สัมผัส​ได้​ถึงลิ้น​น้อย​ๆ ที่​ทั้ง​อุ่น​และ​เปียก​เลีย​แก้ม​หลาย​ครา​

“อะไร​เนี่ย​!”

ยาม​สวี่​ชีอัน​หันหน้า​กลับ​ไป​ ก็​เห็น​ดวง​หน้า​งามอยู่​ข้าง​เตียง​

ยัย​ตัว​ร้าย​แลบลิ้น​ออกมา​เลีย​ริมฝีปาก​ ก่อนที่​ดวง​หน้า​งามนั้น​จะเผย​รอยยิ้ม​พราว​เสน่ห์​ แล้ว​เชิด​คาง​ขาว​ดุจ​หิมะ​ขึ้น​ พูดจา​ยั่วยวน​ว่า​ “มาบำเพ็ญ​คู่​กัน​เถิด​”

สวี่​ชีอัน​พลิกตัว​กด​อีก​ฝ่าย​ลง​ทันที​ “กา​ยา​จิต​ขั้น​สามของ​ข้า​มิได้​อ่อนแอ​นะ​ เตรียมใจ​ร่ำไห้​หรือยัง​ล่ะ​”

วัน​ต่อมา​ ภายใน​เจดีย์​พุทธะ​

ขณะที่​สวี่​ชีอัน​กำลัง​พนมมือ​ โดย​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​ข้างๆ​ ผู้เฒ่า​พระ​ถ่าห​ลิง​ ก่อน​เอ่ย​เสียงทุ้ม​ว่า​

“ไต้​ซือ​ ข้า​บรรลุ​ธรรม​แล้ว​”

ยาม​ที่​เขา​พูด​ประโยค​นี้​ ใบหน้า​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ดู​ปราศจาก​ความปรารถนา​ทางโลก​ใดๆ​

ผู้เฒ่า​พระ​ถ่าห​ลิง​มอง​เขา​ แล้ว​พยักหน้า​อย่าง​ปลื้ม​ปีติ​ “ดี​!”

มู่หนาน​จือ​ที่​อุ้ม​ไป๋​จีอยู่​ด้าน​ข้าง​ ก็​ยิ้ม​เย็นชา​กล่าว​ “ไต้​ซือ​ เขา​บรรลุ​ธรรม​มาสอง​รอบ​แล้ว​ล่ะ​”

สวี่​ชีอัน​จ้องมอง​นาง​ชั่วครู่หนึ่ง​ ก่อน​ดึง​เทพ​ดอกไม้​ไป​อีก​ฝั่ง เทพ​ดอกไม้​ก็​เดินโซเซ​โดน​ลาก​ไป​ที่​ซอก​มุมหนึ่ง​ โดย​มีสีหน้า​บึ้งตึง​ “ใคร​อนุญาต​ให้​เจ้าแตะ​ตัว​ข้า​”

ไป๋​จียก​อุ้งเท้า​ตะปบ​ใส่สวี่​ชีอัน​ พลาง​เกาะ​แขน​มู่หนาน​จือ​แน่น​ และ​พูด​ตะโกน​ว่า​ “ปล่อย​นะ​ ปล่อย​!”

ยาม​นี้​มัน​จึงดูเหมือน​ลูก​ที่​ยืนหยัด​ปกป้อง​อยู่​ข้าง​มารดา​

สวี่​ชีอัน​ชัก​มือ​กลับ​ และ​ส่งเสียง​ ‘เฮอะ​’ พร้อม​ใช้หัวไหล่​ดุน​นาง​ “หึงหวง​หรือ​?”

มู่หนาน​จือ​ตอบกลับ​ด้วย​รอยยิ้ม​เย็นยะเยือก​ “หึงหวง​? เจ้าประเมิน​ตัวเอง​สูงเกินไป​แล้ว​ คิด​ว่า​เป็น​เรื่องจริง​หรือ​ที่​สตรี​ทั่ว​ใต้​หล้า​ล้วน​หลงรัก​เจ้าจน​ถอนตัว​ไม่ขึ้น​?

ไป๋​จีพูด​เสียง​เจื้อยแจ้ว​เสริม​ “นั่นสิ​ๆ”

ไม่หรอก​ๆ ความชื่นชอบ​ที่​เหล่า​สตรี​มอบให้​ข้า​ ล้วน​เทียบ​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ไม่ติด​หนึ่ง​ใน​สิบ​ส่วน​ด้วยซ้ำ​ เขา​สิถึงนับว่า​เป็น​ขาใหญ่​ที่​มีหญิง​อยู่​ทั่ว​ทุก​มุมใต้​หล้า​…สวี่​ชีอัน​มอง​ไป๋​จี แล้ว​พูด​พึมพำ​ว่า​ “พรุ่งนี้​ข้า​ต้อง​ไป​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ ช่วง​เวลานี้​ เจ้าก็​อย่า​ออกมา​ล่ะ​”

มู่หนาน​จือ​พลัน​ตา​แดงฉาน​ และ​จดจ้อง​ไป​ที่​เขา​

“ทำไม​ รังเกียจ​ว่า​ข้า​จะไป​ขัดขวาง​การ​บำเพ็ญ​คู่​ของ​พวก​เจ้าหรือ​?”

จากนั้น​นาง​ก็​สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​ๆ ก่อน​เอ่ย​วาจา​เหน็บแนม​ว่า​ “ยัง​มิได้​ไถ่ถามเลย​ว่าการ​บำเพ็ญ​คู่​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​กับ​ราชครู​เป็น​อย่างไรบ้าง​ คิดดู​แล้ว​คง​ดูดดื่ม​กัน​มาก​ละ​สิท่า​ ถึงไม่ยินดี​แยก​จากกัน​แม้เพียง​เวลา​สั้น​ๆ”

อย่างไร​มัน​ก็​ว่างเปล่า​ไร้​ซึ่งสิ่งใด​อยู่ดี​…สวี่​ชีอัน​ทำ​สีหน้า​จริงจัง​ “มิใช่เช่นนั้น​ เจ้าอาจ​ไม่รู้​ว่า​บุคลิก​ใน​ตอนนี้​ของ​ลั่วอวี้เหิง​คือ​ ‘ร้าย​’ ที่​มาจาก​คำ​ว่า​ร้ายกาจ​ เมื่อคืน​นาง​บังคับ​ข้า​ให้​เอา​เจ้าออกจาก​เจดีย์​พุทธะ​ และ​ต้องการ​จะฆ่าเจ้าด้วยมือ​ตัวเอง​”

สีหน้า​มู่หนาน​จือ​เปลี่ยน​ทันที​

จากนั้น​สวี่​ชีอัน​ก็​เอ่ย​ต่อ​ “ข้า​ย่อม​ไม่เห็นด้วย​อยู่แล้ว​ จึงทะเลาะ​กับ​นาง​ไป​ยกใหญ่​”

มู่หนาน​จือ​ก็​ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน​กล่าว​ด้วย​ความหงุดหงิด​และ​โมโห​ “นาง​ทำร้าย​เจ้าหรือ​?”

สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​อย่าง​อัด​อึดใจ​ กุมมือ​มู่หนาน​จือ​ แล้ว​พูด​เสียงอ่อน​

“ข้า​เป็น​คน​หนัง​หนา​ไม่เป็นอะไร​หรอก​ แต่​เจ้าไม่เหมือนกัน​ และ​ข้า​จะไม่มีทาง​ปล่อย​ให้​นาง​ทำร้าย​เจ้าอย่าง​แน่นอน​”

ความโกรธ​ใน​ใจของ​มู่หนาน​จือ​ลดลง​ไป​ครึ่ง​ส่วน​ จากนั้น​ก็​ดึง​มือ​กลับ​เบา​ๆ ก่อน​เอ่ย​ฮึดฮัด​ว่า​

“ข้า​และ​เจ้าต่าง​เป็น​ผู้บริสุทธิ์​ไร้​มลทิน​ อย่า​พูดจา​อุตริ​เช่นนี้​”

นาง​เม้มริมฝีปาก​ เพื่อ​ปิด​ซ่อน​รอยยิ้ม​ตรง​มุมปาก​ที่​เผ​ยอขึ้น​

สวี่​ชีอัน​รู้ดี​ว่า​ควร​หยุด​เมื่อ​ได้เปรียบ​ ก่อน​จะพูด​เสริม​ว่า​

“แต่​ไป๋​จีต้อง​ออก​ไป​กับ​ข้า​ เพราะ​ข้า​ต้อง​ใช้มัน​เพื่อ​ติดต่อ​กับ​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​”

มู่หนาน​จือ​กล่าว​อย่าง​กังวล​ “แต่​เจ้าบอ​กว่า​ลั่วอวี้เหิง​ร้ายกาจ​มาก​นี่​ นาง​จะไม่ทำให้​ไป๋​จีลำบากใจ​เอา​หรอก​หรือ​”

สวี่​ชีอัน​รับ​ไป๋​จีจาก​อ้อม​อก​ของ​นาง​ มาอุ้ม​ใน​อ้อมแขน​ แล้ว​กล่าว​ด้วย​ใบหน้า​ไร้อารมณ์​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง