ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 695

ด่าน​แปด​ทุกข์​ ค่าย​กล​ที่​ภิกษุ​ชั้นสูง​สำนัก​พุทธ​ใช้เบิก​เนตร​ เมื่อ​ใช้ด่าน​นี้​แล้ว​ ความ​กลัดกลุ้ม​จะมลาย​หาย​และ​สติ​จะบังเกิด​

ตั้งแต่​นั้น​จึงได้​บวช​เป็น​ภิกษุ​สำนัก​พุทธ​และ​รู้ซึ้ง​ใน​พระธรรม​นับแต่​นั้น​มา

ในทางกลับกัน​ก็​จะตก​อยู่​ใน​แปด​ทุกข์​ตลอดกาล​ จิต​เดิม​แตกสลาย​

แน่นอน​ว่า​ภิกษุ​ทุก​รูป​ที่​เข้าสู่​ด่าน​แปด​ทุกข์​เพื่อ​ฝึกฝน​พุทธ​จิต​ย่อม​ได้รับ​ความสนใจ​จาก​พระอรหันต์​ไม่ก็​พระโพธิสัตว์​เพื่อ​รักษา​จิต​เดิม​ให้​มั่นคง​

สรุป​สั้น​ๆ ที่จริง​ด่าน​แปด​ทุกข์​คือ​หนึ่ง​ใน​ ‘อนิจจัง​ทั้ง​สี่’ ของ​สำนัก​พุทธ​

หาก​อา​ซูหลัว​ยังคง​เป็น​อา​ซูหลัว​ หรือ​บุตร​แห่ง​อสูร​ที่​ถวายตัว​ให้​พระพุทธคุณ​ เช่นนั้น​เขา​ก็​ไม่หวาดหวั่น​ต่อ​ด่าน​แปด​ทุกข์​

เมื่อ​เห็น​ว่า​อา​ซูหลัว​ไม่เข้าสู่​ด่าน​เสียที​ ตู้​เอ้อร์​จึงเอ่ย​อย่าง​แผ่วเบา​

“อมิตตาพุทธ​ อา​ซูหลัว​ไฉน​จึงลังเล​”

เสียง​ทะลุ​ผ่าน​อาวุธ​เวทมนตร์​เข้าสู่​แดน​พุทธะ​ภายใน​ขัน​ทอง​

อา​ซูหลัว​เอ่ย​อย่าง​แผ่วเบา​

“เพียง​หวน​นึกถึง​เรื่อง​ใน​อดีต​ เรื่อง​ใน​อดีต​ที่​กลายเป็น​หมอก​ควัน​ไป​แล้ว​”

พูด​จบ​เขา​ก็​ไม่ลังเล​อีกต่อไป​ แล้ว​ก้าว​เข้าสู่​ด่าน​แปด​ทุกข์​

ตู้​เอ้อร์​หรี่ตา​เล็กน้อย​ เมื่อ​จ้องมอง​อา​ซูหลัว​ใน​ด่าน​ก็​พบ​เพียง​บุตร​คน​สุดท้อง​ของ​ราชัน​อสูร​ที่​หน้าตา​อัปลักษณ์​แต่​อาจหาญ​ไม่ธรรมดา​ จังหวะ​ก้าว​เชื่องช้า​ ทว่า​ฝ่าด่าน​แปด​ทุกข์​อย่าง​แน่วแน่​

สีหน้า​ของ​เขา​เรียบ​เฉย​ตลอด​ขั้นตอน​

เมื่อ​ฝ่าด่าน​แปด​ทุกข์​ อา​ซูหลัว​กลับ​ไม่หยุด​ฝีเท้า​ แล้ว​ก้าว​ขึ้น​บันได​ไป​ ไม่นาน​นัก​ก็​มาถึงอาราม​โบราณ​บน​ยอดเขา​

มีระฆัง​สำริด​อยู่​บน​ยอด​อาราม​

อา​ซูหลัว​ขึ้น​บันได​อย่าง​ช้าๆ แล้ว​พนมมือ​อยู่​หน้า​ระฆัง​สำริด​พร้อม​ท่อง​บท​สวด​

“แก๊ง​!”

เขา​เหวี่ยง​ไม้ระฆัง​และ​เคาะ​ให้​เกิด​เสียง​แรก​

ระฆัง​สำริด​เก่า​ส่งเสียง​ระฆัง​เสนาะ​เป็น​กังวาน​ รวมถึง​แสงสีทอง​ประหนึ่ง​ระลอกคลื่น​

“แก๊ง​ๆๆ…”

เสียง​ระฆัง​ดัง​ขึ้น​ไม่ขาดสาย​ แสงสีทอง​ระลอกคลื่น​ผ่าน​ร่าง​ของ​อา​ซูหลัว​ทีละ​ชั้น​ แสงสีทอง​สว่าง​ขึ้น​ที่​หว่าง​คิ้ว​ก่อน​ จากนั้น​ร่างกาย​ก็​ถูก​ปกคลุม​ด้วย​แสงสีทอง​เบาบาง​ โปร่งแสง​วาว​ใส

สิ้น​เสียง​ที่​แปด​สิบเอ็ด​ อา​ซูหลัว​ก็​ปล่อย​ไม้ระฆัง​ พนมมือ​พร้อม​ก้ม​ศีรษะ​ลง​

พระอรหันต์​ตู้​เอ้อร์​จีบ​มือ​พร้อม​รอยยิ้ม​

“พุทธ​จิต​ไร้​มลทิน​ ข้า​จะกลับ​ไป​รายงาน​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ ช่วง​ไม่กี่​วันนี้​รอบนอก​ภูเขา​สือ​ว่าน​มีไอ​ปีศาจ​รุนแรง​ ไฟใน​การ​กอบกู้​ดินแดน​ของ​ปีศาจ​ตอน​ใต้​ที่​เก็บกด​มาห้า​ร้อย​ปี​ บัดนี้​อยาก​จะเผา​ทั้ง​ภูเขา​สือ​ว่าน​ ข้า​รอ​รับ​คำสั่ง​ให้​ปกป้อง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ มิอาจ​ชะล่าใจ​ได้​”

อา​ซูหลัว​พยักหน้า​

“ย่อม​เป็น​เช่นนั้น​”

ซินเจียง​ตอน​ใต้​

ลี่​น่า​กัด​มันเทศ​อยู่​นอก​ลาน​ ปรายตา​มอง​แผ่น​หลัง​เล็ก​ด้าน​ข้าง​ แล้ว​อธิบาย​อย่าง​เอือมระอา​

“ข้า​ไม่ได้​เป็น​คน​กิน​หนู​จริงๆ​”

เสี่ยว​โต้​ว​ติง​ประคอง​มันเทศ​ของ​นาง​และ​กัด​อย่าง​เงียบๆ​ ใช้แผ่น​หลัง​เล็ก​กับ​ท้ายทอย​หัน​เข้าหา​ท่าน​อาจารย์​ด้วย​ท่าทาง​ไม่อยาก​ข้องเกี่ยว​

ลี่​น่า​เงียบ​ไป​พัก​หนึ่ง​ ก่อน​จะผลัก​ไหล่​ของ​สวี่ห​ลิง​อิน​ สวี่ห​ลิง​อิน​เบี่ยง​ร่าง​หนี​ ไม่ให้​นาง​สัมผัส​

“เฮ้ ยก​มันเทศ​ให้​เจ้าก็​พอแล้ว​สินะ​”

ลี่​น่า​เจ้าผิวขาว​เอ่ย​

สวี่ห​ลิง​อิน​พลัน​หันหน้า​พร้อม​จ้อง​ท่าน​อาจารย์​ด้วย​ดวงตา​เป็นประกาย​ “จริง​หรือ​”

ลี่​น่า​ยังคง​มอง​มันเทศ​ที่​เพิ่ง​กัด​ไป​คำ​เดียว​อย่าง​อาลัยอาวรณ์​ ฝืนใจ​พยักหน้า​พร้อม​ยื่น​ออก​ไป​

สวี่ห​ลิง​อิน​แย่ง​มาอย่าง​มีความสุข​ แล้ว​กอด​ไว้​ใน​อ้อม​อก​

“ไม่โกรธ​แล้ว​หรือ​”

“อื้อ​! ”

สอง​ครู​ศิษย์​ก็​กลับมา​คืนดีกัน​อีกครั้ง​

ลี่​น่า​ยักคิ้ว​หยี​ตา​พร้อม​เอ่ย​

“เช่นนั้น​หาก​มีของดี​จะแบ่งปัน​ท่าน​อาจารย์​หรือไม่​ ยก​มันเทศ​ให้​อาจารย์​ลูก​หนึ่ง​เถอะ​”

เสี่ยว​โต้​ว​ติง​ยักคิ้ว​ตาหยี​เช่นกัน​ ก้มหน้า​พร้อม​ทำ​เสียง​ ‘ถุย​ๆ’ ลง​ไป​ที่​มันเทศ​

ลี่​น่า​ “…”

ภายใน​ห้อง​ สวี่​ชีอัน​ออก​มาจาก​เจดีย์​พุทธะ​ หันหน้า​มอง​รอบ​ๆ ไม่เห็น​ลั่วอวี้เหิง​

กลิ่น​กาย​หอม​เจือจาง​ของ​ราชครู​ที่​หลง​เหลืออยู่​ใน​อากาศ​ รวมถึง​กลิ่น​แปลก​

พร้อมกับ​เตียง​ระเกะระกะ​

แม้จิ้งจอก​ขาว​น้อย​จะเป็น​ลูก​จิ้งจอก​ ทว่า​ก็​รู้ความ​ ดวง​ตาดำ​ใสสั่น​ไหว​ มอง​เตียง​พร้อม​เอ่ย​อย่าง​เดือดดาล​

“ข้า​จะบอก​พี่​เย่​จีว่า​เจ้ามีหญิง​อื่น​ลับหลัง​นาง​”

ปีศาจ​น้อย​ฉลาด​มาก​อีกด้วย​…สวี่​ชีอัน​ชำเลือง​มอง​นาง​พร้อม​เอ่ย​อย่าง​ไม่พอใจ​

“เจ้ามีสิทธิ์​อะไร​มาบอ​กว่า​ข้า​มีหญิง​อื่น​ เจ้ามีหลักฐาน​หรือ​”

จิ้งจอก​ขาว​น้อย​ยก​อุ้งเท้า​ขึ้น​และ​ตบ​ลง​บน​โต๊ะ​ แล้ว​ขู่​แง้วๆ​

“ทุกครั้งที่​เจ้าหลับนอน​กับ​พี่​เย่​จีเสร็จ​ เตียง​ก็​จะยุ่งเหยิง​เช่นนี้​ ข้า​เห็น​เจ้าตี​นาง​ด้วย​” เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ นาง​ก็​พลัน​ลู่​หาง​ลง​และ​ปิด​ก้น​เอาไว้​

สวี่​ชีอัน​ขยี้​ศีรษะ​นาง​พร้อม​ตำหนิ​

“เป็น​เด็ก​เป็น​เล็ก​จะรู้​อะไร​ ข้า​ก็​แค่​ปัด​ยุง​ให้​นาง​ รีบ​เรียก​ท่านหญิง​มาเร็ว​ ข้า​มีเรื่อง​จะพบ​นาง​”

เมื่อ​ถูก​ฆ้อง​เงิน​สวี่​แสดงอำนาจ​ ไป๋​จีก็​ยอม​ศิโรราบ​ ขดตัว​อยู่​บน​โต๊ะ​ หาง​ปกคลุม​ร่าง​ ใน​ชั่วเวลา​อัน​สั้น​พลังจิต​ตา​นุ​ภาพ​ที่​ทรงพลัง​ก็​ตื่นขึ้น​จากร่าง​ของ​นาง​

จิ้งจอก​น้อย​ขนาด​เท่า​สอง​ฝ่ามือ​ยืน​ขึ้น​ ตา​ซ้าย​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ลำแสง​ เสียงหวาน​รื่นหู​ถอนใจ​พร้อม​เอ่ย​

“อำนาจ​ของ​ข้า​นับวัน​ยิ่ง​ตกต่ำ​ลง​จน​กลายเป็น​คน​ที่​เจ้าเรียก​ออกมา​ได้​ทุกเมื่อ​แล้ว​หรือ​”

หยุด​พล่าม​ไร้สาระ​ เข้าเรื่อง​เถอะ​…สวี่​ชีอัน​ขมวดคิ้ว​เอ่ย​

“วันนี้​ข้า​วิเคราะห์​รูปแบบ​การต่อสู้​กับ​อา​ซูหลัว​แล้ว​ พบ​ว่า​ใน​วันนั้น​เขา​ไม่ได้​ใช้แรง​ทั้งหมด​ที่​มี”

“เจ้าเพิ่ง​รู้​สินะ​” จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่​

เจ้านี่​มอง​เบาะแส​ใน​ตอนนั้น​ออก​จริง​ด้วย​ สวี่​ชีอัน​เอ่ย​อย่าง​ไร้อารมณ์​

“ท่านหญิง​ ท่าน​ทำ​เช่นนี้​จะสูญเสีย​มิตรภาพ​จาก​ข้า​ไป​ได้​”

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ทำ​เสียง​ ‘แหะ​’ นั่ง​ยอง​อย่าง​ว่าง่าย​ เสียงกังวาน​นุ่มนวล​เต็มไปด้วย​แรงดึงดูด​

“ความเป็นไปได้​สอง​ประการ​ ประการ​แรก​ อา​ซูหลัว​มามีจุดประสงค์​บางอย่าง​ให้​เจ้านำ​ชิ้นส่วน​ของ​เสิน​ซูไป​โดย​ไม่ทิ้งร่องรอย​ เขา​อยาก​ก้าว​ไป​อีก​ขั้น​แม้จะทำสำเร็จ​แล้ว​ก็ตาม​”

สวี่​ชีอัน​ขมวดคิ้ว​ “หมายความว่า​อย่างไร​”

“อา​ซูหลัว​กลับมา​เกิด​เพื่อ​แก้ไข​ กลับคืน​สู่ตำแหน่ง​หลังจาก​ห้า​ร้อย​ปี​ ผู้​ที่​กลับมา​ยังคง​เป็น​อา​ซูหลัว​บุตร​คน​สุดท้อง​ของ​ราชัน​อสูร​ ร่าง​เกิด​ใหม่​ของ​เขา​อยู่​ที่ไหน​ หา​กร่าง​เกิด​ใหม่​บรรลุ​ขั้น​สี่ก็​สำเร็จ​ปณิธาน​แล้ว​ เช่นนั้น​ขอ​เพียง​สำเร็จ​ปณิธาน​ เขา​ก็​จะเป็น​พระโพธิสัตว์​ระดับ​เต๋า​ได้​ ด้วย​การสันนิษฐาน​เช่นนี้​ ปณิธาน​ของ​เขา​ส่วนใหญ่​จึงเกี่ยวข้อง​กับ​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​ กล่าวอีกนัยหนึ่ง​คือ​ยึด​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ให้​สำนัก​พุทธ​ ทว่า​ซินเจียง​ตอน​ใต้​เป็น​อาณาเขต​ของ​สำนัก​พุทธ​อยู่แล้ว​”

สวี่​ชีอัน​ลูบ​คาง​ “ดังนั้น​จึงต้อง​การละทิ้ง​ใหม่​อีกครั้ง​หรือ​”

“ประการ​สอง​ ทั้งหมด​นี้​สำนัก​พุทธ​วางแผน​หลอก​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​ของ​ข้า​ พวกเรา​อาจจะ​บุก​โจมตี​ ‘อาณาจักร​ตอน​ใต้​’ ปะทะ​กับ​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​โดยตรง​ ข้า​หลบหนี​ได้​แน่นอน​ ทว่า​พวก​เจ้าน่ะ​สิ พูด​ได้​ยาก​”

สวี่​ชีอัน​ครุ่นคิด​บางอย่าง​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง