บทที่ 710 จุดประสงค์ของไป๋ตี้
หมายเลขเจ็ด ‘จะเกิดเรื่องอะไรกับพระพุทธเจ้าได้ คงไม่มีทางโผล่ออกมาสู้กับเจ้าหรอกกระมัง’
‘คิดจะเปลี่ยนเรื่องหรือ? วิธีการนี้ไม่ได้เรื่องเลย…’ หลี่หลิงซู่ยิ้มเยาะอย่างดูแคลนอยู่ในใจ เขาไม่ตกหลุมพรางนี้แน่ จากนั้นก็ส่งข้อความไปว่า
‘พวกเรามาคุยกันเรื่องงานแต่งของเจ้ากับองค์หญิงหลินอันต่อดีกว่า ข้าเคยพบองค์หญิงหลินอันมาก่อนนะ แหมๆ เป็นผู้ที่ชวนให้ตะลึงเสียจริง งามกว่าเมี่ยวเจินกับองค์หญิงฮว๋ายชิ่งรวมกันตั้งสามส่วนเชียวล่ะ’
เพื่อล้างแค้นให้กับความอับอายในกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ที่เจี้ยนโจว เทพบุตรจึงไม่ลังเลเลยที่จะล่มจมไปพร้อมๆ กับสวี่ชีอัน
สมาชิกในพรรคฟ้าดินไม่สนใจข้อมูล ‘เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า’ อันดับแรกเป็นเพราะนี่เป็นเรื่องของผู้อยู่เหนือระดับ ห่างไกลจากพวกเขาเกินไป อีกอย่าง เป้าหมายที่สวี่ชีอันคิดจะเปลี่ยนเรื่องคุยก็ชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไรด้วย
เห็นได้ชัดเลยว่าต้องการใช้หัวเรื่องพระพุทธเจ้ามาทำให้เรื่องการอภิเษกสมรสไม่เป็นที่สนใจอีกต่อไป
หมายเลขสาม ‘ครั้งก่อนข้าบอกไปแล้วว่าที่ไปซินเจียงตอนใต้ก็เพื่อปลดผนึกให้เสินซู พวกเจ้าไม่แปลกใจเลยหรือว่าเสินซูกับเผ่าพันธุ์ปีศาจมีความเกี่ยวพันกันอย่างไร แล้วเหตุใดสำนักพุทธจึงต้องผนึกเสินซูด้วย?’
‘พูดเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาก็ไร้ความหมาย…’ หลี่หลิงซู่แสยะยิ้ม ขณะที่กำลังจะลากกันลงโคลนตม เขาก็เห็นศิษย์น้องหลี่เมี่ยวเจินส่งข้อความมาเสียก่อน
‘เรื่องของเสินซู สามารถบอกให้รู้ทั่วกันได้หรือ? เปิดเผยให้พวกเรารู้ได้ด้วยหรือ?’
‘หมายความว่าอย่างไร? ศิษย์น้องเหมือนจะให้ความสำคัญกับเสินซูคนนี้มาก…’ หลี่หลิงซู่นิ่งไป
หมายเลขสี่ ‘ความจริงข้าอยากจะถามตั้งแต่ครั้งก่อน ที่เจ้าบอกว่าต่อสู้กับอาซูหลัวและปลดผนึกเสินซูนั่นแล้ว’
พวกเขารับรู้ถึงการมีอยู่ของเสินซู สวี่ชีอันได้สารภาพกับสมาชิกในหนังสือปฐพีตั้งนานแล้วว่าสิ่งที่ถูกผนึกอยู่ใต้ซังผอนั้นเข้ามาอยู่ในร่างกายของตนเอง
ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ถามก็เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลับของสวี่ชีอันและความลับของเผ่าพันธุ์ปีศาจ เว้นเสียแต่จะเกี่ยวข้องตัวเองหรือตนมีส่วนร่วมด้วย พวกเขาก็ยากจะเอ่ยถามเรื่องที่เป็นความลับใหญ่หลวงออกมาแบบโต้งๆ ได้
สมาชิกพรรคฟ้าดินยังพอมีสติปัญญาในเรื่องแบบนี้อยู่
หมายเลขสาม ‘ก่อนหน้านี้ข้าต้องแก้ไขเรื่องเรื่องหนึ่งเสียก่อน สิ่งที่ลี่น่าพูดในตอนนั้น ที่บอกว่าในการกวาดล้างปีศาจหกสิบปีเคยมีครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ปรากฏตัวขึ้น คนผู้นั้นไม่ใช่จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางผู้เป็นเจ้าอาณาจักรหมื่นปีศาจ แต่เป็นเสินซู’
จนกระทั่งถึงเวลานี้ เขาก็จำเนื้อหาของเรื่องราวในครั้งนั้นได้ครบถ้วนสมบูรณ์หมดแล้ว
ลี่น่าพูดแค่ว่าในการกวาดล้างปีศาจหกสิบปีครั้งนั้นมีครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ปรากฏตัวออกมา ซึ่งตนเองและสมาชิกคนอื่นๆ ดันคิดไปเองว่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางคือครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ผู้นั้น
หมายเลขหนึ่ง ‘สิ่งที่ถูกผนึกอยู่ใต้ซังผอ เสินซูผู้นั้น ที่แท้ครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ก็คือเขา?’
ฮว๋ายชิ่งที่แต่ไหนแต่ไรชอบเฝ้าหน้าจอก็ยังกระโดดออกมาร่วมวงอย่างอดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ภายในใจของสมาชิกคนอื่นๆ ล้วนได้รับผลกระทบหนักมากแค่ไหน
หลังผ่านไปสิบวินาที เหิงหย่วนก็เอ่ยทอดถอนใจออกมา
‘ครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ ที่แท้ก็อยู่ใกล้กับข้าถึงขนาดนี้’
เพราะเรื่องของศิษย์น้องเหิงฮุ่ย เขาจึงเข้าไปพัวพันกับคดีนี้และเกือบถูกแขนขวาของเสินซูสังหารเอา
หมายเลขสอง ‘ลี่น่าหลอกข้า’
หลังผ่านความตกตะลึงไป หลี่เมี่ยวเจินก็ส่งข้อความระบายออกมาโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่านางเป็นเหมือนกับสวี่ชีอันที่คิดไปเองว่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางคือครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์
หมายเลขสี่ ‘ครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ที่ปรากฏตัวในการกวาดล้างปีศาจหกสิบปีคือเสินซู เขาถูกสำนักพุทธผนึกเอาไว้ แต่เขาก็เป็นคนของสำนักพุทธ ทว่ากลับต่อสู้ให้กับของอาณาจักรหมื่นปีศาจในการกวาดล้างปีศาจหกสิบปี จิ๊ๆ เรื่องที่อยู่เบื้องหลังนี้แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว…’
ฉู่หยวนเจิ่นใช้เวลาเพื่อย่อยข้อมูลนี้พอสมควร จากนั้นก็เริ่มเขียนข้อความยาวเหยียด ดังนั้นจึงเป็นคนสุดท้ายที่ส่งข้อความมา
หมายเลขเจ็ด ‘ขอถาม เสินซูคือผู้ใดหรือ? บนโลกนี้มีตัวตนเช่นครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ด้วยหรือ? มิใช่บอกว่าขั้นสุดของจอมยุทธ์คือขั้นหนึ่งหรอกหรือ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่เคยมีเทพยุทธ์ปรากฏออกมาเลย’
เนื่องจากหลี่หลิงซู่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาครึ่งปี จึงไม่ค่อยรู้เรื่องเมื่อก่อนนัก
ตอนที่เขาได้รับชิ้นส่วนหมายเลขเจ็ด หมายเลขสามและหมายเลขเก้าล้วนยังอยู่ในการดูแลของนักบวชเต๋าจินเหลียน
ไม่มีใครสนใจหลี่หลิงซู่ ฮว๋ายชิ่งส่งข้อความต่อ
‘แต่เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับพระพุทธเจ้า?’
องค์หญิงใหญ่จับประเด็นสำคัญได้ดียิ่ง นางไม่ได้ตกใจเรื่องข่าวคราวของครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์จนลืมหัวข้อสนทนาไป
หมายเลขสาม ‘ในสงครามครั้งแรกเริ่มเพื่อช่วยเผ่าพันธุ์ปีศาจฟื้นฟูอาณาจักรนั้น ชิ้นส่วนร่างกายของเสินซูก็ลงมือด้วยเช่นกัน เพราะการเพ่งเล็งของพระโพธิสัตว์กว่างเสียน เสินซูจึงตกอยู่ในสภาพบ้าคลั่ง หลังจากพวกเราทำให้เขายอมจำนนได้อย่างยากเย็น เขาก็บอกมาว่าจำเรื่องเมื่อก่อนและตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้แล้ว’
สวี่ชีอันส่งข้อความนี้เสร็จ ก็ตั้งใจเว้นระยะ
หมายเลขสอง ‘ตัวตนที่แท้จริงของเขา? รีบพูดเร็วเข้า เจ้าจะอมพะนำอะไรกัน’
หลี่เมี่ยวเจินที่รออยู่หลายนาทีก็ไม่ได้รับข้อมูลต่อเริ่มโมโหแล้ว
สมาชิกคนอื่นไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจล้วนพากันก่นด่าสวี่ชีอัน
หมายเลขสาม ‘เขาบอกว่า เขาจำได้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร เขาคือ…พระพุทธเจ้า!’
กลุ่มสนทนาในหนังสือปฐพีตกอยู่ในความเงียบสงัดทันที
สวี่ชีอันอาบแดดไปพลางหยิบถุงน้ำขึ้นมาดื่มอึกๆ และรอคอยอย่างอดทน
พอดีกับที่ในเวลานี้มู่หนานจือก็ตกได้ปลาตัวใหญ่ เทพดอกไม้ดึงคันเบ็ดอย่างดีอกดีใจ ร่างกายท่อนบนเอนตัวไปข้างหน้ายกใหญ่จนสวี่ชีอันกังวลว่าตัวนางจะถ่วงน้ำหนักจนตกน้ำตกท่า
“ไป๋จี มาช่วยเร็ว!”
มู่หนานจือเอ่ยเรียก
ไป๋จีที่ว่ายอยู่รอบเรือรับคำแล้วดำลงไปในน้ำเพื่อช่วยมู่หนานจือจับปลา
ผิวน้ำกระเพื่อมอย่างรุนแรงราวกับว่าไป๋จีกำลังต่อสู้ดุเดือดกับปลาใหญ่ที่อยู่ใต้น้ำ
ผ่านไปพักหนึ่งไป๋จีก็โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ อุ้งเท้าขวาของมันยกขึ้นมาปิดแก้มแล้วร้องไห้จ้า
“มันตบข้า…”
มู่หนานจือแค้นนักที่หลอมเหล็กแต่เหล็กดันไม่กลายเป็นเหล็กกล้า
“เจ้าตัวไร้ประโยชน์ เจ้าเป็นผู้อาวุโสในอาณาจักรหมื่นปีศาจนะ”
หลังจากฉุดดึงอยู่พักหนึ่งปลาใหญ่ก็หลุดจากเบ็ดไปได้สำเร็จ มู่หนานจือทั้งโมโหทั้งผิดหวัง จากนั้นก็เริ่มตกปลารอบที่สองด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
กระทั่งในตอนนี้ สวี่ชีอันก็ได้รับความรู้สึกใจสั่นไหว ในที่สุดก็มีคนส่งข้อความมาแล้ว
หมายเลขสอง ‘เมื่อกี้หนังสือปฐพีของข้าตกลงพื้น…’
ทันทีที่ได้ยินข่าวนี้ ทั้งร่างก็ราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจนทำให้นางเสียความสามารถในการคิดคำนวณไป ลืมสิ้นแม้กระทั่งการหายใจ
หมายเลขสี่ ‘เหลือเชื่อนัก เหลือเชื่อจริงๆ จู่ๆ ข้าก็รู้สึกเสียใจแล้วสิที่ได้ฟังข่าวนี้ของเจ้า’
ฉู่หยวนเจิ่นส่งข้อความมาเป็นคนที่สอง
หมายเลขเจ็ด ‘ข้านี่ขนลุกเลย’
หลี่หลิงซู่ยอมรับเลยว่าข้อมูลที่สวี่ชีอันโยนลงมานี้เพียงพอจะสะเทือนฟ้าดินได้แล้ว อย่าว่าแต่เรื่องงานอภิเษกขององค์หญิงหลินอันกับสวี่ชีอันเลย ต่อให้เป็นเรื่องประเภทที่องค์จักรพรรดิแต่งงานกับสวี่ชีอันก็ยังสามารถถูกเปลี่ยนเรื่องได้ง่ายๆ
หมายเลขหก ‘นี่คือเรื่องจริงหรือ…’
ไต้ซือเหิงหย่วนไม่ได้เอ่ยระบายอารมณ์ออกมา แต่ถามกลับ
สวี่ชีอันถอนหายใจราวกับมองเห็นแววตาทึมทื่อและสีหน้าซีดขาวในตอนนี้ของไต้ซือเหิงหย่วนอย่างไรอย่างนั้น
หมายเลขสาม ‘จริงแท้แน่นอน อีกอย่าง เรื่องนี้ดีที่สุดก็ควรเก็บเป็นความลับไว้ อย่าได้แพร่งพรายออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้มีภัยถึงตัว’
เขาไม่ได้มีหน้าที่รักษาความลับให้กับพระพุทธเจ้า ดังนั้นจึงเผยแพร่มันให้กับแวดวงที่เชื่อถือได้ แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวเนื่องกับผู้อยู่เหนือระดับ จึงต้องเอ่ยเตือนสมาชิกในพรรคฟ้าดินสักหน่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง