ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 724

บทที่ 724 เข้ามาเลย

ดวงอาทิตย์สองดวงปรากฏบนท้องฟ้า ทางตะวันออกหนึ่งดวง ทางตะวันตกหนึ่งดวง

ดวงอาทิตย์ทางตะวันออกลอยอยู่อย่างอบอุ่น ดวงอาทิตย์ที่ขึ้นทางตะวันตกนี้กลับเปล่งประกายแสงทอง ย้อมทั่วทั้งทะเลเมฆให้โชติช่วงชัชวาล

นอกจากนำมาซึ่งแสงสว่างและความร้อน มันยังนำมาซึ่งความกดดันอันน่ากลัวหาใดเปรียบ ทำให้รู้สึกราวกับเผชิญหุบเหว เกิดความเกรงกลัวและยอมจำนนจากหัวใจ

สวี่ผิงเฟิง เฮยเหลียน รวมทั้งไป๋ตี้ที่บาดเจ็บสาหัส ข้างหูแว่วเสียงสวดมนต์ที่ยิ่งใหญ่อัศจรรย์

เทียบกับ ‘ร่างธรรมพระโพธิสัตว์มัญชุศรี’ กับ ‘ร่างธรรมเทพารักษ์’ ที่พระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่สำแดงออกมา ดวงอาทิตย์นี้อยู่อีกระดับหนึ่งโดยสิ้นเชิง มันราวกับเป็นการแสดงพลังแห่งสวรรค์และโลก แฝงด้วยพลังอันยิ่งใหญ่เกินควบคุม

“อ๊าก…”

เฮยเหลียนร้องโหยหวนขึ้นมาก่อน ร่างกายที่มีของเหลวหนืดสีดำไหลเวียนถูกแสงทองเผาไหม้ มีควันเขียวพวยพุ่งออกมา

‘ดินน้ำลมไฟ’ ร่างธรรมที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ทยอยสูญสลาย กลายเป็นความว่างเปล่า

ภายใต้แสงพุทธะสาดส่อง ไม่ปล่อยให้พลังอันแตกต่างดำรงอยู่

“ร่างธรรมพระมหาไวโรจนะ…”

สวี่ผิงเฟิงพึมพำ

เขามองเพียงแวบเดียวก็เบนสายตากลับทันที โลหิตไหลออกจากเบ้าตาทั้งสองข้าง

สุดยอดแห่งร่างธรรมทั้งเก้า ร่างธรรมพระมหาไวโรจนะ

นักบวชเต๋าเฮยเหลียนร้องโหยหวนกลายร่างเป็นกระแสน้ำสีดำลอยล่องเข้าสู่ในร่างสวี่ผิงเฟิง อีกฝ่ายรวบรวมค่ายกลป้องกัน รวมทั้งอาวุธเวทมนตร์ระดับสูงสุด หลบเลี่ยงการเผาไหม้ของแสงพุทธะอย่างยากลำบาก

“ถอย รีบถอย…”

เสียงตกใจลนลานของเฮยเหลียนดังขึ้นในหัวของสวี่ผิงเฟิง

สวี่ผิงเฟิงหันหน้ามองโหราจารย์ รวมทั้งวิญญาณวีรบุรุษระดับกำเนิดปราชญ์ข้างหลังเขาแวบหนึ่ง

ผู้ที่รับมือกับขั้นเหนือมนุษย์ได้ มีเพียงขั้นเหนือมนุษย์

ร่างธรรมพระมหาไวโรจนะ คือร่างธรรมที่สำนักพุทธใช้เพื่อสยบวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ

ผ่านวีรกรรมเว่ยเยวียนปิดผนึกเทพอูที่เมืองจิ้งซาน พวกเขาจะไม่จัดการดาบสลักและมงกุฎแห่งปราชญ์ของลัทธิขงจื๊อได้อย่างไร

ส่วนสิ่งที่ต่างจากครั้งนั้นของเว่ยเยวียนคือ ไม่ว่าอย่างไรเว่ยเยวียนก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นสอง ร่างกายและจิตใจองอาจห้าวหาญ ไม่ใช่ผู้ที่ปรมาจารย์ลิขิตฟ้าเทียบได้

วิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์เข้าสถิต ความกดดันที่โหราจารย์ได้รับย่อมรุนแรงกว่าเว่ยเยวียน

บีบให้โหราจารย์เรียกวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ ก็ชนะไปแล้วครึ่งหนึ่ง…สวี่ผิงเฟิงน้ำตาโลหิตไหลอาบแก้ม มุมปากกลับเผยยิ้ม

เขาไม่ได้ฝืนต้านแสงสว่างของร่างธรรมพระมหาไวโรจนะ แต่เคลื่อนที่พริบตาถอยไปไกล

‘ฟู่ๆ’

เกล็ดของไป๋ตี้ดำไหม้อย่างรวดเร็ว ควันเขียวพวยพุ่ง มันคำรามด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง

โหราจารย์กวัดแกว่งดาบสลัก ในเสียง ‘ฉับ’ กะโหลกของไป๋ตี้หลุดลอย เสียงร้องโหยหวนหยุดลงทันที

ไป๋ตี้ตัวอ่อนยวบ ร่วงหล่นสู่พื้นดินอันกว้างใหญ่เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่

ทำทุกอย่างนี้เสร็จ โหราจารย์หันข้างช้าๆ มองดวงอาทิตย์ร้อนแรงนั้น วิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ข้างหลังก็ทำเช่นเดียวกัน

ในสายตาของโหราจารย์สะท้อนเค้าโครงของร่างธรรมพระมหาไวโรจนะ แสงสว่างเจิดจ้าแผดเผาดวงตาของเขา วิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยแสงบริสุทธิ์ ต้านทานแสงสว่างจากร่างธรรมพระมหาไวโรจนะออกไปไกลเกือบสิบเมตร

“พระพุทธเจ้า…”

โหราจารย์ยิ้มมุมปากเช่นเดียวกับกับสวี่ผิงเฟิง

เขาสูดหายใจลึก ยกมือโยนมงกุฎ ไม่ควบคุมพลังของวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป

ครู่เดียว รูปร่างวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์พุ่งทะยาน จากความสูงประมาณยี่สิบเมตร กลายเป็นยักษ์สูงเกือบเจ็ดสิบเมตร

ฟ้าดินที่นี่ถูกพลังทั้งสองแบ่งแยกเป็นสองส่วนที่แตกต่างกันชัดเจนทันที ส่วนหนึ่งปราณใสทั่วฟ้าดิน อีกส่วนปกคลุมด้วยแสงทองเจิดจ้า

นี่…เห็นวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์สำแดงพลัง สวี่ผิงเฟิงใจจมดิ่ง ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่โหราจารย์จงใจสะกดพลังยิ่งใหญ่ของวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้สำแดงพลังทั้งหมด

‘เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือพระพุทธเจ้า?!’

ความคิดนี้แวบผ่าน สวี่ผิงเฟิงที่ดวงตาสองข้างฟื้นคืนการมองเห็น มองโหราจารย์ก้าวไปข้างหน้า ล่วงล้ำสู่เขตแดนที่ซึ่งแสงพุทธะสาดส่อง

ร่างธรรมพระมหาไวโรจนะรับแรงปะทะระเบิดแสงที่ยิ่งร้อนแรงยิ่งเจิดจ้า แสงทองกลายเป็นแสงขาว กลืนกินวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์

ในขณะเดียวกัน เสียงสวดมนต์ยิ่งกระชั้นชิดยิ่งดังกังวาน ราวกับนักบวชหลายร้อยหลายพันคนท่องบทสวดพร้อมกัน เสียงพุทธะดังสนั่นทั่วฟ้าดิน

ในมหาสมุทรแสงพุทธะสว่างไสวไร้ที่สิ้นสุด ชุดขาวของโหราจารย์เกิดไฟลุกลาม เนื้อหนังปรากฏรอยไหม้แดง วิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ก็จางหายไปไม่น้อย

ดาบสลักในมือถูกแผดเผาจนเปล่งแสงแดงก่ำ

แต่นี่ไม่อาจขัดขวางฝีเท้าของโหราจารย์และวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่มีโชคชะตาเป็นรากฐานทั้งสองท่าน ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงแน่วแน่

ทุกย่างก้าวที่พวกเขาขยับเขยื้อน ปราณใสทั่วท้องฟ้าก็ทยอยกัดกร่อนเขตแดนแสงพุทธะ

เจ็ดสิบเมตร ห้าสิบเมตร สามสิบเมตร สิบห้าเมตร…แต่เมื่อโหราจารย์พาวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ล่วงล้ำสู่ ‘พระอาทิตย์ร้อนแรง’ จนถึงสิบเมตร จู่ๆ ร่างธรรมพระมหาไวโรจนะที่ขาวสว่างเจิดจ้าก็สำแดงร่างทอง

ร่างทององค์นี้หน้าตาเลือนราง รูปร่างอวบอ้วนเล็กน้อย สองมือถือดอกไม้ นิ่งเงียบนั่งขัดสมาธิ

พระอาทิตย์ร้อนแรงหลังศีรษะ ก็คือร่างธรรมพระมหาไวโรจนะที่ปลดปล่อยแสงสว่างและความร้อนเมื่อครู่

ร่างธรรมนี้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

‘เปรี้ยง’…โหราจารย์ที่เผชิญกับสายตาของร่างธรรม ในหัวดังก้องดั่งสายฟ้าฟาด วิญญาณราวกับแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จิตสำนึกสูญสิ้นทันที

นี่ก็คือร่างธรรมพระมหาไวโรจนะ สุดยอดแห่งร่างธรรมที่ยิ่งใหญ่ทั้งเก้า รากฐานการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

ยามนี้ ปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ยื่นมือ กุมมือที่ถือดาบสลักของโหราจารย์ ยื่นไปข้างหน้าเบาๆ

‘ฉึก’…ร่างธรรมสีทองที่หน้าตาเลือนราง หน้าผากแตกร้าว รอยแตกลุกลามอย่างรวดเร็ว กระจายไปทั่วร่าง

ครู่ต่อมา ร่างธรรมพระมหาไวโรจนะพังทลาย

มันหดกลับสู่ส่วนพังทลายกลายเป็นดวงอาทิตย์สีทอง หยุดชะงักชั่วครู่ ระเบิดออกทันที

มองขึ้นไปจากพื้นดิน จะเห็นเหนือทะเลเมฆ คลื่นยักษ์สีทองแผ่ขยายซ้อนกันเป็นชั้นๆ กระจายครึ่งท้องฟ้า

สวี่ผิงเฟิงหลับตาทันที รู้สึกถึงอาการสั่นเทิ้มจากจิตวิญญาณ ค่ายกลป้องกันตัวและอาวุธเวทมนตร์ระดับสูงสุดทยอยแตกสลาย บอบบางราวกับกระจก

ขณะที่การป้องกันทั้งหมดถูกทำลาย เขาเคลื่อนที่พริบตาไปไกลแล้ว

อรัญตา

ส่วนลึกของภูเขาศักดิ์สิทธิ์สำนักพุทธลูกนี้ แว่วเสียงคำรามแหบแห้งโหยหวน แยกไม่ออกว่าโกรธแค้นหรือเจ็บปวด

จากนั้นทั่วทั้งเทือกเขาสั่นสะเทือน ราวกับแผ่นดินไหว ธารน้ำแข็งบนยอดเขาพังทลาย เบียดเสียดซึ่งกันและกัน ก่อตัวเป็นหิมะถล่มขนาดใหญ่

หิมะถล่มขนาดมโหฬารเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ก็ถูกเขตปราณไร้รูปร่างขวางไว้ หิมะนับหมื่นตันปะทะกับเขตปราณดัง ‘ครืน’ ภายใต้เขตปราณคือเขตพักอาศัยของภิกษุสำนักพุทธ โบสถ์และวิหารกระจายอยู่ทั่ว

พระโพธิสัตว์กว่างเสียนที่นั่งขัดสมาธิใต้ต้นโพธิ์มีสีหน้าเปลี่ยนไป หันหน้าทันที มองส่วนลึกของอรัญตา

พระโพธิสัตว์หลิวหลีหน้าถอดสี คิ้วงามขมวดแน่น ไม่อาจฟื้นคืนความเยือกเย็นเช่นเดิม

ข้างสระน้ำแข็ง พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ที่นั่งขัดสมาธิบนฐานดอกบัว นักบวชอาซูหลัวผู้อัปลักษณ์ที่ยืนข้างสระน้ำ หันหน้าพร้อมกัน มองส่วนลึกของอรัญตา

“เจ้าคิดว่าเป็นผู้ใด”

พระอรหันต์ตู้เอ้อร์พูดเสียงเบา

เขาหมายถึงเสียงคำรามเมื่อครู่

พระพุทธเจ้า? เสินซู? หรือเป็นระดับเหนือมนุษย์ผู้นั้นที่อาจมีอยู่จริง?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง