ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 725

บทที่ 725 ลูกศิษย์ธรรมดาสามัญ

เหนือเศียรของพระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่มีร่างธรรมมัญชุศรีที่นั่งขัดสมาธิพนมมืออยู่

ทว่าร่างธรรมระดับเพชรไม่อาจรวมร่างได้เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากดาบสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอาการบาดเจ็บนั้นไม่ได้อยู่แค่บนร่างกาย แต่ยังเจ็บลึกถึงแหล่งกำเนิด ตอนนี้จึงบังเกิดได้แค่ร่างธรรมร่างเดียว

เทพเจ้าหยางของนักบวชเต๋าเฮยเหลียนแบ่งร่างออกเป็นสี่ร่างอีกครั้ง ขณะนี้จึงปรากฏร่างธรรมทั้งสี่แห่งลัทธิเต๋าอย่าง ‘ดิน น้ำ ลม ไฟ’ ขึ้นมา

ค่ายกลทรงกลมปรากฏขึ้นใต้เท้าของสวี่ผิงเฟิง นี่คือแผ่นค่ายกลที่จะควบคุมได้เมื่ออยู่ขั้นสามขึ้นไป และเป็นค่ายกลที่ควบรวมขึ้นมาหลังจากผสานของวิเศษอย่าง ‘เทียนกัง’ และ ‘ตี้ซ่า’ จนสมบูรณ์แล้ว

ในวงการปรมาจารย์ค่ายกล สิ่งนี้ถูกเรียกว่า ‘ค่ายกลแม่’

เมื่อมี ‘ค่ายกลแม่’ เป็นรากฐาน ก็จะสามารถแสดงค่ายกลทั้งหมดออกมาได้ ทั้งหยินหยางห้าธาตุ ดินน้ำลมไฟและสายฟ้า รวมถึงค่ายกลเล็กๆ สามร้อยหกสิบแบบที่ขยายจากค่ายกลใหญ่สิบเอ็ดชนิดด้วย ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่อาศัยค่ายกลแม่เพื่อแสดงผลออกมาได้ตามใจนึก

ไป๋ตี้เสียเขาไป แม้ว่าจะยังสามารถอัญเชิญสายฟ้าและวิญญาณน้ำได้ แต่พลังก็ลดลงเป็นอย่างมาก โชคดีที่มันเป็นบุตรหลานของเทพมาร กายเนื้อจึงยังอยู่ยงคงกระพัน

“ไป!”

ร่างจริงนักบวชเต๋าเฮยเหลียนยืนนิ่งไม่ขยับแล้วควบคุมร่างธรรมทั้งสี่ให้พุ่งไปยังท่านโหราจารย์จาก ‘ซ้ายขวาหน้าหลัง’ ทั้งสี่ทิศทาง

ร่างธรรม ‘ลม’ ที่ราวกับกำเนิดขึ้นจากสายลมมีความเร็วมากที่สุด เพียงชั่วลมหายใจก็พุ่งมาอยู่ข้างกายท่านโหราจารย์แล้วกวัดแกว่งใบมีดลมสายแล้วสายเล่าออกมา

ร่างธรรมเปลวไฟกลายเป็นเปลวเพลิงพุ่งมายังด้านหน้าของท่านโหราจารย์ และคิดจะแผดเผาจนตัวตายไปพร้อมกัน

ร่างธรรมที่มีจิตวิญญาณแห่งน้ำสีนิลพิสุทธิ์ไหลเวียนอยู่ ก็ระเบิดจนกลายเป็นสายน้ำเชี่ยวกรากไหลหลากมายังทางด้านขวาของท่านโหราจารย์พร้อมเสียงดังสะเทือน

ร่างกายของร่างธรรม ‘ดิน’ นั้นทั้งบึกบึนและเงอะงะ จึงเชื่องช้าที่สุด มันพุ่งเข้ามาหาท่านโหราจารย์ราวกับวัวกระทิง หากตอนนี้อยู่บนพื้น ย่อมมีเสียงอึกทึกโครมครามดังก้องอยู่ในหูเป็นแน่

ท่านโหราจารย์ยื่นฝ่ามือไปทางด้านซ้ายเป็นอันดับแรก โล่กำบังหกเหลี่ยมผุดขึ้นมาจนเกิดเสียงดังปึงปัง…ดาบสายลมฟาดฟันโดนโล่กำบังจนเกิดเสียงกระหึ่ม จากนั้นก็กระจายกลายเป็นลมคลั่ง

จากนั้น เขาก็เคลื่อนตัวไปทางขวาหนึ่งก้าวแล้วยื่นมือเข้าไปในแม่น้ำสีดำที่ไหลเชี่ยวกรากแล้วดึงดาบยาวสีดำสนิทเล่มหนึ่งออกมา

หลังจากดึงดาบออกมา ร่างธรรม ‘น้ำ’ ก็ไม่อาจรั้งอยู่ต่อได้ จึงพังทลายลงไป ขณะเดียวกัน ท่านโหราจารย์ก็ก้าวยาวไปข้างหน้าแล้วฟัดร่างธรรมเปลวเพลิงไปหนึ่งดาบ

ไอน้ำระเหยขึ้นพร้อมเสียง ‘ฉ่า ฉ่า’ เปลวไฟถูกจิตวิญญาณน้ำดับลงแล้ว

ท่านโหราจารย์หยิบประกายไฟขึ้นมากำไว้ในมือแล้วป่าเบาๆ

‘ฟู่ว!’

เขาเป่าออกมาเป็นลิ้นเปลวเพลิงยาวหลายสิบจั้ง และกลืนกินร่างธรรม ‘ดิน’ ที่พุ่งเข้ามาลงไปจนหมด

เปลวไฟดับลง ร่างธรรม ‘ดิน’ กลายเป็นเศษขี้เถ้าลอยล่องออกไป

สุดท้าย ท่านโหราจารย์ก็รวบรวมขี้เถ้าสีดำแล้วจับไว้แน่น ก่อนจะ ‘หลอม’ กำแพงดินสีดำสูงหลายสิบจั้งออกมา จากนั้นจึงสลายร่างธรรม ‘ลม’ ได้

การกระทำชุดนี้ใช้เวลาไม่ถึงสองวินาที โดยใช้น้ำพิชิตไฟ ใช้ไฟพิชิตดิน ใช้ดินพิชิตลม แล้วทำลายร่างธรรมสี่ธาตุของลัทธิเต๋าลงได้

ในฐานะโหรขั้นหนึ่ง นี่เป็นแค่วิธีการธรรมดาทั่วๆ ไป มีเพียงจอมยุทธ์เท่านั้นจึงจะวู่วามใช้วิธีแข็งชนแข็ง

นักบวชเต๋าเฮยเหลียนสะอึกออกมาคำหนึ่งราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างหนักหน่วง

ท่านโหราจารย์ขมวดคิ้วและก้มหน้ามองมือขวา ไม่รู้ว่ามันเปื้อนสีดำตั้งแต่เมื่อใด พลังอันต่ำทรามได้เข้ารุกรานร่างกายของเขาแล้ว

“ฮึ!”

นักบวชเต๋าเฮยเหลียนยิ้มอย่างได้ใจ เขาสังเกตดูท่านโหราจารย์สลายวรยุทธ์วิญญาณน้ำของไป๋ตี้มาตั้งแต่ต้นและรู้ว่าเขามีนิสัยชอบหล่อหลอมวรยุทธ์ของศัตรู

ดังนั้นในร่างธรรม ‘น้ำ’ ที่ดำสนิท จึงมีพลังต่ำทรามอันดำมืดปลอมปนเข้าไปด้วยเช่นกัน

และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อท่านโหราจารย์หลอม ‘อาวุธ’ ออกมาจากพลังแห่งวิญญาณน้ำ พลังต่ำทรามจึงมีโอกาสแทรกซึมเข้าไปได้

นิกายปฐพีฝึกฝนบุญกุศล หลังจากกลายเป็นมาร พลังแห่งบุญกุศลก็กลายเป็น ‘พลังต่ำทราม’ นี่คือวิธีการที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ซึ่งเหนือล้ำยิ่งกว่าร่างธรรม ‘ดินน้ำลมไฟ’ เสียอีก

ท่านโหราจารย์กำมือขวาแน่นแล้วสลัดของเหลวสีดำข้นส่วนใหญ่ออกไป ส่วนน้อยที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ใช้พลังแห่งเวไนยสัตว์มากดเอาไว้

ของเหลวไหลทะลักลงมาจากกลางอากาศ พื้นดินโชคร้ายที่สัมผัสกับมันก็กลายเป็นดินแดนรกร้างที่เพาะปลูกไม่ได้ ต้นไม้ล้วนเหี่ยวเฉา สัตว์ป่าต่างก็คลุ้มคลั่ง

แสงสีใสใต้เท้าของท่านโหราจารย์สว่างขึ้น แล้วหายตัวมายังเบื้องหน้าของเฮยเหลียนแล้วฟันฝ่ามือลงไปยังกลางศีรษะของเขา

สิ่งที่เฮยเหลียนสัมผัสได้ไม่ใช่พลังฝ่ามือ สิ่งที่เขาเห็นก็ไม่ใช่ฝ่ามือที่สับลงมาของท่านโหราจารย์ สิ่งที่เฮยเหลียนเห็นคือเจินเต๋อ คือเพื่อนร่วมนิกายปฐพีมากมายที่ตายอยู่ในมือของเขา คือผู้หญิงที่ถูกเขาขืนใจ คือชาวบ้านธรรมดาที่ตายด้วยน้ำมือเขา

ความโกรธเกรี้ยวของคนเหล่านี้รวมกันเป็นแม่น้ำแล้วกลืนกินตัวเขา

พลังแห่งเวไนยสัตว์…ความโกรธาแห่งปวงชน!

เขาสูญเสียความคิดที่จะต่อต้านไปในทันที รู้สึกได้เพียงแต่ตนนั้นชั่วช้าเลวทราม ไม่สู้ไปเป็นขนนกเสียยังดีกว่า

ในขณะนั้น พระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่สองมือทำมุทราผนึก เบื้องหลังมีร่างธรรมมัญชุศรีนั่งก้มหน้าทำสมาธิ และเคลื่อนไหวตามมุทราของเขา

ช่องว่างระหว่างท่านโหราจารย์และเฮยเหลียนราวกับควบแน่นจนเป็นกำแพงที่ลมไม่อาจพัดเข้ามาได้ ฝ่ามือที่ตบลงมากลางศีรษะก็ถูกพลังยิ่งใหญ่ขวางเอาไว้

ขณะเดียวกันนั้น สวี่ผิงเฟิงก็ยกเท้าเหยียบลงไป ค่ายกลแม่กลายเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายที่จู่ๆ ก็แผ่ขยายออกมาครอบคลุมเฮยเหลียนก็เข้าไปอยู่ในขอบเขตของค่ายกลด้วย

เฮยเหลียนปรากฏตัวอยู่ข้างกายสวี่ผิงเฟิงแล้วหลบเลี่ยงชะตากรรมสิ้นชีพไปได้

พระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่สร้างผนึกอย่างรวดเร็ว แล้ว ‘แช่แข็ง’ อากาศรอบๆ ท่านโหราจารย์ ไม่ให้โอกาสเขาได้เคลื่อนย้ายไปสังหารต่ออีก

‘ซือ ซือ’ ไป๋ตี้อ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือดออก ลูกสายฟ้าสีขาวจรัสกำลังเดือดอยู่ในปากของมัน

ท่านโหราจารย์วางมือหนึ่งไว้บนเอวแล้วดึงออกมาอย่างแรง นั่นคือแส้ต้อนแกะของซ่าหลุนอากู่

ผลลัพธ์การกัดกร่อนของเฮยเหลียนได้หายไปแล้ว แส้สังหารเทพจึงสามารถใช้งานได้อีกครั้ง

‘พลั่ก!’

แส้สะบัดอยู่กลางอากาศแล้วทำให้อากาศที่แน่นิ่งผืนนั้นกลับมา ‘มีชีวิต’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง