บทที่ 744 นิมิตหมายแห่งความเป็นสิริมงคล (2)
สวี่ชีอันหวนกลับมายังสำนักโหราจารย์ เมื่อดินมาถึงหน้าห้องนอนตน ก็เห็นซ่งชิงนอนคว่ำอยู่หน้าประตู
ว่าแล้วต้องมีคนมาหาข้า ยังดีที่ข้าเตรียมตัวรับมือหลายอย่าง…
ชายหนุ่มพึมพำในใจ ก่อนหิ้วซ่งชิงขึ้นมา พลางตบไหล่ปลุกให้เขาตื่น
ซ่งชิงลืมตาตื่นสะลึมสะลือ พร้อมเอ่ยเสียงงัวเงีย
“คุณชายสวี่ กลับมาแล้วรึ…เอ๋ ข้าเจ็บหน้าชะมัด”
ไม่ได้เว่อร์ขนาดนั้นหรอกน่า ข้าเพิ่งจะสะกิดไปเบาๆ สองหมัดเอง โอ๊ะ ข้าเป็นจอมยุทธ์ขั้นสองแล้วนี่นา…สวี่ชีอันเปลี่ยนหัวข้อ
“เจ้ามาหาข้าทำไมกัน”
ซ่งชิงลูบใบหน้าแดงก่ำ เอ่ยด้วยเสียงอู้อี้
“ศิษย์น้องจงฝากข่าวมา นางบอกว่ามีเรื่องต้องการเจอเจ้า”
จงหลีผู้น่าเวทนากำลังตามหาข้าสินะ สวี่ชีอันพยักหน้าเล็กน้อย
ถ้าไม่ได้รีบร้อน ข้าจะหาเวลาไปหานาง
“อ่อใช่ ช่วงนี้พี่ซ่งกำลังทดลองแปรธาตุใช่รึไม่ คงไม่ได้นอนมานานแล้วสิ?”
ซ่งชิงตะลึงงัน
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
หากสมองปลอดโปร่ง เจ้าคงไม่รับภารกิจจากจงหลีหรอก เหตุผลง่ายนิดเดียว…สวี่ชีอันไม่ได้อธิบายอะไร เพียงกล่าวลาซ่งชิงผู้สติไม่ค่อยมีด้วยความเคารพ
คล้อยหลังเขาเดินจากไป สวี่ชีอันจึงลบยาชาชนิดแรงบนบานประตู แล้วผลักมันเดินเข้าไป
ภายในห้องว่างเปล่า เตียงนอนรกระเกะระกะ เพียงไร้เงาโฉมสะคราญอันดับหนึ่งของต้าฟ่ง เตียงนอนก็เหี่ยวเฉาเช่นกัน
สวี่ชีอันเคลื่อนสายตามองดาบไท่ผิงที่วางอยู่บนโต๊ะ
ดาบไท่ผิงเชิดปลายดาบขึ้นชี้ไปข้างๆ เจดีย์พุทธะ
สวี่ชีอันพยักหน้า ทันใดนั้นร่างกายก็เปล่งแสงสีทอง หายวับเข้าไปในเจดีย์
บนชั้นสามที่ว่างเปล่า ภิกษุชราถ่าหลิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูก มู่หนานจือนอนขดตัวไม่ได้สติอยู่ตรงฟูกข้างๆ
ไป๋จีขยับเข้ามาใกล้นาง พลางกระตุกจมูกสีชมพูฟุดฟิดไม่หยุด เพื่อสูดดมกลิ่น
“เจ้าจิ้งจอกบ้า ทำอะไรน่ะ!” สวี่ชีอันเอ่ยในใจ เจ้ากำลังลวนลามเมียข้างั้นรึ
ไป๋จีเห็นเขาเข้ามา สีหน้าแสดงความดีใจ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย
“ท่านน้ามีกลิ่นผิดแปลกติดมา อือ ข้ารู้สึกคุ้นมากๆ”
…สวี่ชีอันนึกประหลาดใจ เอ่ยเสริมในใจ เจ้าจะมาคุ้นเคยได้อย่างไร ยังเด็กอยู่แท้ๆ
ไป๋จีจ้องมองเขาตาไม่กะพริบชั่วครู่ ก่อนกระจ่างในทันใด
“ข้าจำได้ทุกครั้งที่พี่เย่จีสมสู่กับเจ้าเสร็จแล้ว นางจะมีกลิ่นนี้ติดกาย”
มันยกกรงเล็บขึ้นตบฟูกอย่างแรง เอ่ยด้วยความโกรธ
“นางนอนกับท่านน้าของข้าแล้วใช่หรือไม่ นางเป็นของข้า เจ้าห้ามแตะต้องนาง”
“วางใจเถิดน่า นางจะยังอุ้มเจ้า อยู่กินหลับนอนกับเจ้าต่อไป” สวี่ชีอันปลอบประโลม
จะเป็นหมอนอันแสนสบายให้แก่เจ้า…เขาเสริมในใจ
เมื่อไป๋จีได้ยินเช่นนี้ นางก็พอใจ จึงยกหางจิ้งจอกฟูฟ่องขึ้น
เวลานี้ เมื่อภิกษุชราถ่าหลิงสบโอกาสจึงเอ่ยขึ้น
“ข้าชำระพลังปราณนางแทนแล้ว คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจซ่อมแซมพลังปราณอันแกร่งกล้าเช่นนี้ได้ภายในสิบปี”
นี่คือพลังปราณที่สวี่ชีอันส่งผ่านสู่ร่างกายนาง
ภิกษุชราชะงักก่อนกล่าว
“ดูเหมือนว่าร่างกายของนางยังมีพลังตื่นตัว เป็นพลังที่วิเศษมาก คิดว่ามันเป็นหลิงอวิ้นของต้นไม้อมตะ”
ตอนสื่อสารแลกเปลี่ยนกับหนอนไหมอเวจี ถ่าหลิงเองก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน
สวี่ชีอันพยักหน้าแล้วช้อนร่างมู่หนานจือขึ้น ก่อนออกจากเจดีย์เพื่อกลับมายังห้องนอน
เขากลับมาก่อนเวลาก็เพื่อจะช่วยนางถ่ายโอนพลังปราณ เทพบุปผาไม่สามารถบำเพ็ญได้และไม่สามารถเคลื่อนย้ายพลังปราณได้อย่างอิสระ ด้วยเหตุนี้ พลังปราณจากสวี่ชีอันที่ถ่ายทอดเข้ามาในตัวนางจึงอัดแน่นอยู่ในจุดตันเถียน
หากปล่อยเป็นเวลานาน จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
ตอนนี้ถ่าหลิงอาสาช่วย เขาจึงประหยัดแรงได้บางส่วน
สวี่ชีอันวางเทพบุปผาลงบนเตียง ถอดรองเท้าปักลายออก จ้องมองเท้าเรียวเล็กสีขาวนวลละอออยู่หลายรอบ
“ไม่ต้องลำบากแล้วคนสวย”
แล้วค่อยๆ เลิกผ้าห่มให้นาง
ขณะเดียวกันนี้ เขารู้สึกว่าด้านหลังถูกเคาะ ดังนั้นจึงหยิบชิ้นส่วนหนังสือปฐพีอย่างรู้งาน เพื่อตรวจสอบสถานการณ์
บ่อปลาหมายเลขหนึ่ง ต้องการคุยส่วนตัว
หมายเลขสาม ‘ฝ่าบาท?’
หมายเลขหนึ่ง ‘ข้าส่งคนไปปลอบหลินอันแล้ว ถึงนางจะไม่ค่อยดีนัก แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง’
หมายเลขสาม ‘หือ?’ ยังมีเรื่องอื่นรึ? ข้าไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย”
ฮว๋ายชิ่งที่อยู่ในห้องทรงอักษร กำลังมองชิ้นส่วนหนังสือปฐพีส่งเสียง “เหอะๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง