บทที่ 764 หวนกลับซินเจียงตอนใต้
เสินซูที่นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าวัดผุพังตะลึงงัน พนมมือพร้อมเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“อะไรทำให้ประสกเข้าใจผิดคิดว่าอาตมารู้วิธีเลื่อนเป็นขั้นหนึ่ง”
…สวี่ชีอันเงียบไปสักพักก่อนจะทอดถอนใจ
ขู่เอาคำตอบจากเศษวิญญาณ หรือจะบังคับมากเกินไป เขาครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย
“ข้าทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในตอนแรกแล้ว รวบรวมร่างกายยกเว้นศีรษะแทนไต้ซือ หากไต้ซือยินยอม ข้าทำให้ท่านรวมร่างกับพวกมันได้”
เสินซูเผยรอยยิ้ม
“ขอบคุณประสก!”
ในบรรดาทุกส่วนของเสินซู ผู้นี้มีพุทธภาวะที่สุด…สวี่ชีอันพยักหน้า แล้วเริ่มออกจากโลกจิตสำนึกของเสินซูก่อน
เรื่องราวที่แขนขวาไม่รู้ ไม่ได้หมายความว่ามือขวาไม่รู้ เมื่อทุกส่วนยกเว้นศีรษะรวมตัวกัน การเปลี่ยนแปลงทางปริมาณอาจจะบรรลุไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพก็ได้ ทำให้เสินซูนึกถึงสิ่งอื่นมากขึ้น
เสินซูอยู่ในครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ เส้นทางของจอมยุทธ์ภิกษุคล้ายกับจอมยุทธ์ ในโลกนี้หากจะมีใครสักคนที่กลายเป็นอาจารย์ของสวี่ชีอันได้ ก็มีแต่เสินซูเท่านั้น
นอกจากนี้จักรพรรดินีหมื่นปีศาจในตอนนั้นก็เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นหนึ่ง จิ้งจอกเก้าหางย่อมรู้ว่าควรทำอย่างไรถึงจะเลื่อนเป็นขั้นหนึ่งได้
ดังนั้นเป้าหมายถัดไปชัดเจนมาก…มุ่งสู่ซินเจียงตอนใต้!
…
เมืองหลวง อารามรัตนะ
ลั่วอวี้เหิงก้าวขึ้นเมฆมงคล ร่อนอยู่กลางท้องฟ้าสีครามและลอยเข้าไปในอารามรัตนะ
เมื่อลูกศิษย์เห็นผู้นำเต๋ากลับมาก็มาคารวะที่นอกลานเล็กอันเงียบเหงาทันทีพร้อมกับเอ่ย
“ท่านผู้นำเต๋า พระราชวังส่งข่าวมาว่า งานเสกสมรสระหว่างฆ้องเงินสวี่กับองค์หญิงหลินอันในหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ท่านจำเป็นต้องเข้าร่วมงานเสกสมรส”
จู่ๆ ก็นึกถึงอาวุธวิเศษที่ตกทอดจากบรรพบุรุษถูกนางเก็บไว้ในสมองสวี่ชีอัน ในสมองของไอ้สารเลวนั่นคิดแต่เรื่องไร้สาระ ต้องให้กระบี่เทพเก็บกวาดให้เกลี้ยง
‘งานเสกสมรสหนึ่งเดือนจากนี้’…ลั่วอวี้เหิงขมวดคิ้วลังเลชั่วขณะ อดมองไปทางพระราชวังไม่ได้
‘ฮึ หญิงผู้นั้นคิดจะใช้ข้าเป็นเครื่องมือทำลายงานแต่งงานอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่รีบ แล้วข้าจะรีบอะไร’
นางจะอดทนไม่โต้ตอบ
ทว่าเมื่อลองครุ่นคิด นางควรจะรีบจริงๆ จักรพรรดินีกับสวี่ชีอันกระทั่งตอนนี้ก็ยังบริสุทธิ์ไร้ราคี
นางบำเพ็ญคู่กับคนสกุลกสวี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงปากจะไม่ยอมรับ แต่ตัวนางเองก็รู้ว่าในใจมีเขาอยู่
คู่บำเพ็ญของผู้นำเต๋านิกายมนุษย์ผู้สง่าจะแต่งงานกับคนอื่นได้อย่างไร
ดังนั้นลั่วอวี้เหิงจึงเอ่ย
“ไปสำนักโหราจารย์ ตามหาหญิงสาวที่สวี่ชีอันอยู่ด้วยที่นั่น แล้วบอกเรื่องงานเสกสมรสหนึ่งเดือนจากนี้ของสวี่ชีอันกับองค์หญิงหลินอัน”
แม้นางจะลงมือเองไม่ได้ ทว่าให้เทพดอกไม้ออกหน้าก็ได้นี่ เทพดอกไม้ทั้งทึ่มทั้งโง่ หลอกใช้ง่ายที่สุด
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเทพดอกไม้หน้าตาสะสวย ไม่มีชายใดมองข้ามความไร้เหตุผลของนางได้
ลูกศิษย์อารามรัตนะไม่คลางแคลง จึงพยักหน้าพร้อมเอ่ย
“ศิษย์รับทราบ”
…
ผู้นำเต๋ามีคำสั่ง ลูกศิษย์จึงไม่กล้ารอช้า มุ่งตรงไปที่สำนักโหราจารย์ทันที ทว่าก็คว้าน้ำเหลว
อีกด้านหนึ่ง รถม้าธรรมดาคันหนึ่งหยุดลงที่จวนสกุลสวี่ หญิงสาวหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งถือชายกระโปรงกระโดดลงจากรถ แล้วเดินไปที่ประตูจวนอย่างเชื่องช้า
ทหารรักษาพระองค์อาวุธครบมือเฝ้าต้นทางอยู่นอกประตู
ฐานะปัจจุบันของจวนสกุลสวี่เปลี่ยนไปมาก เตรียมยอดฝีมือคุ้มกันทั้งในและนอกจวน ยังมีหน่วยรักษาการณ์ลับอย่างหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลดักซุ่มอยู่ใกล้ๆ
มู่หนานจือเอ่ยกับทหารรักษาพระองค์ “เขาเชิญข้ามาพักที่จวนชั่วคราว”
รุ่งเช้าของวันนี้ในวังส่งคนมาบอก สวี่ชีอันไหว้วานให้จักรพรรดิฝากข้อความถึงนาง หวังว่านางจะย้ายออกมาจากสำนักโหราจารย์และไปพักอยู่ที่จวนสกุลสวี่ชั่วคราว
สำหรับมู่หนานจือ คนสกุลสวี่นี่กำลังเอาใจนางอยู่ก็ว่าได้ ถึงสำนักโหราจารย์จะดีเพียงใดก็เป็นเขตอิทธิพลของคนอื่น
แต่จวนสกุลสวี่เป็นบ้านของเขา
ทหารรักษาพระองค์ทั้งสองสบสายตา คนทางซ้ายเอ่ย
“ท่านโปรดรอสักครู่”
ก่อนจะรีบเข้าจวนแจ้งข่าว
แล้วกลับมาในเวลาอันสั้น เชิญมู่หนานจือเข้าไป
เมื่อตามทหารรักษาพระองค์ทะลุลานด้านนอก เดินผ่านระเบียงทางเดินอันคดเคี้ยว มู่หนานจือก็เห็นอาสะใภ้ในชุดกระโปรงสวยสดงดงาม รูปโฉมงามวิจิตรน่าประทับใจ
อาสะใภ้ก็เห็นหญิงสาวที่ทหารรักษาพระองค์พาเข้ามาเช่นกัน อาสะใภ้คิดว่ามันแปลก ‘หญิงสาวเช่นนี้ถูกตาต้องใจหลานชายของข้าได้อย่างไร’
หลังจากนางได้ยินว่ามีหญิงสาวมาบ้าน หลานชายที่อ้างตนว่าอาภัพเชิญมาเอง ความคิดแรกคือความเจ้าชู้ที่หลานชายไปก่อไว้ข้างนอกมาทวงถึงบ้าน ปฏิเสธไปคงจะไม่ดี จึงอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาในจวน
หลังจากมองหน้าตาของหญิงสาวชัดๆ อาสะใภ้ก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ
ด้วยนิสัยเจ้าชู้และลามกของหลานชาย หญิงสาวที่เขาถูกใจจะต้องเป็นวัยแรกรุ่นและงดงามดุจดอกไม้
แต่หญิงสาวตรงหน้ารูปโฉมธรรมดา หน้าตาดาษดื่น นอกจากหน้าอกที่น่าภูมิใจและสะโพกผายที่ดูให้กำเนิดได้ดี นอกจากนั้นก็ไม่มีจุดเด่นอีก
อายุก็ดูไล่เลี่ยกับตน
ต้าหลางไม่ถูกใจผู้หญิงเช่นนี้แน่นอน
“เอ๋…”
อาสะใภ้มองสำรวจนางก่อนจะเอ่ย “ข้านึกออกแล้ว เจ้าคือคนที่นั่งรถม้าของบ้านข้าไปดูพิธีต้าวฮวดที่สำนักโหราจารย์ด้วยกันในพิธีต้าวฮวดของสำนักพุทธเมื่อตอนนั้น”
‘ยังใส่ร้ายหลิงอินว่าเป็นเด็กสาวของบ้านญาติอีกด้วย…’ อาสะใภ้พึมพำในใจอย่างเคียดแค้น
“เจ้ายังจำข้าได้สินะ!”
มู่หนานจือพยักหน้า ประหลาดใจกับความจำของอาสะใภ้เล็กน้อย นางมองห้องโถงด้านในไปรอบๆ ไม่นานนักก็ถูกกล้วยไม้เก้าดาราบนชั้นวางดึงดูด
อาสะใภ้พิจารณานางก่อนจะเอ่ยถาม
“หนิงเยี่ยนให้เจ้ามาหรือ”
“ข้ามาเองกระมัง”
พระชายานิสัยเสียเอ่ยอย่างกระฟัดกระเฟียด “หากไม่ใช่คำเชิญหน้าด้านของเขา ข้าคงไม่มาหรอก”
ไม่คิดว่าอาสะใภ้จะเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ เมื่อได้ยินก็ไม่มีความสุข
“เจ้าเลี้ยงดอกกล้วยไม้ไม่ดีเอาเสียเลย มันกระหายต้องการน้ำ มันดูแห้งเหี่ยว” มู่หนานจือเดินไปที่หน้าชั้นวางและลูบไล้กล้วยไม้เก้าดารา
“เอ๊ะ ใครให้เจ้าแตะมัน!” อาสะใภ้ขมวดคิ้วสวยทันที
กล้วยไม้เก้าดารากระถางนี้เป็นของรักของหวงของนาง ดอกไม้นี้ทนความหนาวได้ดี ดอกไม้จะบานเฉพาะในฤดูหนาวทั้งหมดเก้าดอก แต่ละดอกสีสันแตกต่างกัน สวยสดน่าประทับใจ อดีตถูกเรียกว่ากล้วยไม้เก้าดารา
ดอกไม้ชนิดนี้มีความเป็นไม้ประดับสูง เป็นสิ่งที่เหล่าขุนนางเรืองอำนาจรักมาก กล่าวกันว่าเริ่มแรกเผยแพร่ออกมาจากจวนของอ๋องสยบแดนเหนือ
นอกจากนี้ความล้ำค่าที่สุดของดอกไม้นี่คือมันปลูกยากทำให้มีจำนวนน้อย
กล้วยไม้เก้าดาราเป็นสิ่งที่หวางซือมู่บุตรสาวของอดีตสมุหราชเลขาธิการมอบให้อาสะใภ้เพื่อประจบว่าที่แม่สามี
อย่าว่าแต่มู่หนานจือเลย คนในบ้านก็ไม่ให้แตะ แม้แต่สวี่หลิงอินเด็กน้อยที่อาสะใภ้รักมากที่สุด แตะกี่ครั้งก็ฟาดเท่านั้น
อาสะใภ้ดูแลมันดีเป็นทุนเดิม ทว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้จู่ๆ ดอกไม้ก็เหี่ยวเฉา แล้วมันก็ไม่เคยบานอีก
“มันกระหายน้ำ”
มู่หนานจือย้ำอีกครั้ง
“เหตุใดเจ้าถึงรู้ว่ามันกระหายน้ำ มันบอกเจ้าหรือ” อาสะใภ้เอ่ยฮึดฮัด
“กล้วยไม้เก้าดาราทนความหนาว ไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย ห้าวันรดสักครั้งก็พอ”
“เช่นนั้นเหตุใดถึงแห้งเหี่ยวล่ะ” มู่หนานจือชี้นิ้ววิจารณ์
อาสะใภ้เป็นใบ้ไปชั่วขณะ ก่อนจะอธิบาย
“เพราะมันบอบบางน่ะสิ”
มู่หนานจือชี้เตาถ่านหัวสัตว์ในห้องโถง แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“เจ้าเผาถ่านทุกวัน ภายในห้องก็ร้อน มันย่อมกระหายน้ำ แถมยังปลูกมันด้วยวิธีเดียวกับที่ปลูกนอกบ้านอีก ดอกไม้ดีๆ จึงถูกเจ้าเลี้ยงกลายเป็นเช่นนี้”
อาสะใภ้บันดาลโทสะ รู้สึกว่าตนถูกหักหน้าในศาสตร์ที่เชี่ยวชาญ จึงเอ่ยอย่างเดือดดาล
“เจ้าจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับดอกไม้ เจ้าจะไปรู้อะไร!”
“รู้มากกว่าเจ้าแล้วกัน!” มู่หนานจือหนามยอกเอาหนามบ่ง
“ข้าทำให้มันบานตรงนี้ก็ยังได้”
“เช่นนั้นเจ้าจะทำให้มันบานสินะ” อาสะใภ้เท้าเอวเอ่ยเย้ยหยัน
มู่หนานจือกลอกตาพร้อมเอ่ย
“หากข้าทำให้มันบานได้ เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่สาว”
อาสะใภ้ฮึดฮัด “คำไหนคำนั้น!”
มู่หนานจือเป่าลมหายใจอันแผ่วเบาใส่กล้วยไม้เก้าดารา ปาฏิหาริย์บังเกิด กล้วยไม้เก้าดาราออกดอกตูมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บานสะพรั่งอย่างช้าๆ ท่ามกลางความเขียวขจีประดับด้วยดอกไม้หลากสีสันทั้งเก้าดอก ช่างงดงามยิ่งนัก
ปากเล็กของอาสะใภ้อ้าเป็นทรงกลม สีหน้าแข็งทื่อ
มู่หนานจือเอ่ยอย่างแผ่วเบา
‘จากนี้ไปข้าก็กลายเป็นผู้อาวุโสของสวี่หนิงเยี่ยนแล้ว หากเขายังกล้าแตะต้องข้าอีกก็เนรคุณแล้ว’
…
ซินเจียงตอนใต้ วัดหนานฝ่า
แสงสว่างวาบบนลานจัตุรัสนอกเจดีย์ที่ปิดผนึก วานรขาวในชุดดำและชุดขาว พร้อมสวมขื่อคาและกุญแจมือโซ่ตรวนปรากฏตัวขึ้น
“ใครน่ะ”
ทหารปีศาจที่ลาดตระเวนบนลานจัตุรัสพบตัวพวกเขาแล้ว มือถืออาวุธ ตะโกนพร้อมเข้ามาใกล้
หลังจากเข้าไปใกล้จึงมองเห็นหน้าตาของผู้มาเยือนชัดเจน เหล่าทหารปีศาจพากันโค้งคำนับ ท่าทางเปลี่ยนไปอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง