ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 766

บทที่ 766 คืนก่อนเผด็จศึก

Ink Stone_Fantasy

หมายเลขสาม ‘นักบวชเต๋าจินเหลียน ตบะของท่านฟื้นฟูเป็นเช่นไรบ้าง’

หมายเลขเก้า ‘อาตมาฟื้นคืนสู่ขั้นสองแล้ว ปัจจุบันกำลังทำให้คงอยู่ในระดับอย่างมั่งคง ฮึ่ม หลังจากเจตจำนงของเฮยเหลียนเริ่มดับสูญ การขัดเกลาเขาก็ไม่มีอุปสรรคใดๆ อีกต่อไป’

หมายเลขสาม ‘ลั่วอวี้เหิงกำลังจะเข้าช่วงหนีเคราะห์กรรมแล้ว’

คำพูดประโยคหนึ่งของสวี่ชีอันทำให้สมาชิกพรรคฟ้าดินตื่นตระหนกด้วยความยินดี และเป็นกังวล

แน่นอนว่าที่ตื่นตระหนกด้วยความยินดีเป็นเพราะหากลั่วอวี้เหิงย่างกรายเข้าสู่ระดับเซียนครองพิภพ ต้าฟ่งก็จะมียอดฝีมือขั้นหนึ่งเพิ่มมาหนึ่งคน นี่จึงจะมีศักยภาพในการตีเสมอกับอวิ๋นโจวอย่างแท้จริง

ที่เป็นกังวลก็เพราะนี่หมายความว่าจะเผชิญการตอบโต้อย่างบ้าคลั่งจากบรรดาระดับบรรลุธรรมของอวิ๋นโจว เจียหลัวซู่และไป๋ตี้ก็มากพอที่จะปราบปรามต้าฟ่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโหรผู้ไม่เคยคำนวณแผนการผิดพลาดอย่างสวี่ผิงเฟิง

ประมาทเพียงครั้งเดียว เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าราชครูอาจจะตัวตายเต๋าสลาย

หมายเลขสาม ‘นักบวชเต๋าจินเหลียน ท่านเข้าใจชะตากรรมของลัทธิเต๋าเพียงใด’

หมายเลขเก้า ‘นี่เป็นความลับของลัทธิเต๋าน่ะ เอาเถอะ เล่าให้ประสกฟังสักหน่อยแล้วกัน’

‘เป็นที่รู้กันดีว่าขั้นหนึ่งของลัทธิเต๋าชื่อว่า ‘เซียนครองพิภพ’ แต่พลังที่เป็นหัวใจหลักของระดับนี้กลับมีคนรู้น้อยมาก เซียนครองพิภพอยู่นอกเหนือสังสารวัฏ และไม่ได้อยู่ระหว่างธาตุทั้งห้า สามารถเล่นแร่แปรธาตุ เคลื่อนภูผาย้ายสมุทร

‘คำบรรยายช่วงนี้ บอกเป็นนัยว่าความสามารถที่เป็นหัวใจสำคัญสองอย่างหลักๆ ของเซียนครองพิภพคือร่างฝืนชะตากรรมและพลังแปรเปลี่ยนความเน่าเปื่อยเป็นอิทธิปาฏิหาริย์’

หมายเลขสาม ‘ฝืนชะตากรรม? นี่เหมือนกับร่างอมตะของจอมยุทธ์หรือไม่?’

สวี่ชีอันมีปฏิกิริยาเฉียบไวต่อ ‘ฝืนชะตากรรม’ เป็นพิเศษเนื่องจากเขาเพิ่งได้ฟังความพิเศษของวิถีแห่งความรู้แจ้งขั้นหนึ่งจากเสินซู

หมายเลขเก้า ‘ไม่ใช่แน่นอน หากต้องการจัดประเภทของระบบลัทธิเต๋า มีสองเส้นทาง แก่นปราณและรวมปราณเป็นหนึ่งเส้นทาง เทพเจ้าหยินและเทพเจ้าหยางเป็นหนึ่งเส้นทาง หนีเคราะห์กรรมขั้นสองเป็นกระบวนการหลอมรวมทั้งสองเส้นทาง

‘เมื่อเส้นทางแก่นปราณไปถึงขีดสุด ก็คือฝืนชะตากรรม คุณสมบัติพิเศษของมันก็คือการต้านทานวรยุทธ์ทั้งหมด เมื่อเส้นทางเทพเจ้าหยินไปถึงขีดสุด ก็คือการหลอมรวมร่างธรรมทั้งสี่ ‘ดิน น้ำ ลม ไฟ’ ไว้ที่กายหยาบ

‘ในตำราของลัทธิเต๋าบันทึกไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งทั่วฟ้าดิน ล้วนประกอบจากดิน น้ำ ลม ไฟ ด้วยเหตุนี้เมื่อบรรลุระดับเซียนครองพิภพ จึงมีพลังเล่นแร่แปรธาตุ แปรเปลี่ยนความเน่าเปื่อยเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ ซึ่งแน่นอนว่า ระบบของโหรคิดว่า พลังห้าธาตุ ทอง ไม้ น้ำ ไฟและดินเป็นบ่อเกิดของทุกสรรพสิ่งทั่วฟ้าดิน’

ผู้คนในพรรคฟ้าดินฟังจนเคลิ้มหลง กระทั่งลี่น่าเองก็มีท่าทีที่รู้สึกถึงความร้ายกาจ

ดูสิ ดูลัทธิเต๋าขั้นหนึ่งของเขาสิ ฟังดูสูงส่งนัก เทียบกันแล้ว จอมยุทธ์ขั้นหนึ่งหยาบช้าเสียจริงเลย…สวี่ชีอันแขวะอย่างไร้สุ้มเสียง

แต่กรณีของระบบจอมยุทธ์นั้นพิเศษ หากกล่าวอย่างกวดขัน ระบบจอมยุทธ์ไม่มีระดับบรรลุธรรม เป็นเพราะปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์แบ่ง ‘เทพยุทธ์’ เป็นสองระดับอย่างผิดธรรมชาติ

จากการคาดคะเนของสวี่ชีอันเอง นี่คงเป็นเพราะ ‘เทพยุทธ์’ ค่อนข้างพิเศษ ตั้งแต่กาลเวลาอันไม่รู้จุดเริ่มเป็นต้นมา เพดานของจอมยุทธ์ทั้งหมดถึงเพียง ‘แก่นแท้ ลมปราณและจิต’ สามรวมเป็นหนึ่ง หากคิดจะเลื่อนขั้นอีกก็เป็นไปไม่ได้แล้ว

แต่สามรวมเป็นหนึ่งมีเพียงเงื่อนไขในการเป็นเทพยุทธ์ กลับเป็นคู่แข่งที่สูสีกับขั้นหนึ่งของระบบอื่น เพราะเช่นนี้จึงแบ่งระดับนี้เป็นขั้นหนึ่งโดยตรง

แต่เพราะนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเทพยุทธ์ ดังนั้นชื่อเรียกจึงถูกเว้นว่างไว้

เสินซูถูกเรียกว่าครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ เป็นเพราะเขาบำเพ็ญระดับนี้ถึงขีดสุด

หมายเลขเก้า ‘ชะตากรรมทั้งหมดแบ่งเป็นห้าขั้น ขั้นที่หนึ่งคือชะตาโอสถสุวรรณ ขั้นที่สองคือชะตาวายุพิโรธ ขั้นที่สามคือชะตาปฐพีคำรณ ชะตาวารีร่ำไห้ ขั้นที่ห้าชะตาเพลิงอัสนีบาต’

‘ชะตากรรมทั้งห้าขั้นแบ่งเป็นสองช่วง ซึ่งสอดคล้องกับความสามารถหลักทั้งสองของเซียนครองพิภพ กินระยะเวลาถึงสิบสามวัน เมื่อเทพเจ้าหยางหลอมรวมกับกายหยาบ ก็สามารถบรรลุระดับเซียนครองพิภพ’

‘สิบสามวัน’…ผู้คนเกิดความเหน็บหนาวในจิตใจ

บัดนี้ต้าฟ่งมีขั้นสองห้าคน แต่ลั่วอวี้เหิงซึ่งกำลังหนีเคราะห์กรรมไม่สามารถคิดรวมในกำลังรบได้ จึงเหลือเพียงสี่คนได้แก่ สวี่ชีอัน จินเหลียน อาซูหลัว และโค่วหยางโจว

ขั้นสองสี่คนสามารถค้ำถ่อไปสิบสามวันภายใต้เงื้อมมือของเจียหลัวซู่และไป๋ตี้ได้หรือไม่

คำตอบคือไม่

หมายเลขเก้า ‘ไม่ต้องตื่นตระหนก อาตมาบอกไปแล้วว่า ชะตากรรมแบ่งเป็นสองช่วง หลังจากชะตาโอสถสุวรรณ จะมีเวลาพักหายใจสิบวัน เพื่อให้เวลาผู้หนีเคราะห์กรรมทำให้ ‘ร่างฝืนชะตากรรม’ คงเสถียรภาพ

‘ชะตาโอสถสุวรรณและ ‘ชะตาร่างธรรมทั้งสี่’ แตกต่างกัน และอยู่คนละช่วงกัน’

หมายเลขหนึ่ง ‘เชิญองค์เทพนิกายสวรรค์มาช่วยได้หรือไม่’

ฮว๋ายชิ่งเอ่ยถาม

หมายเลขสอง ‘เป็นไปไม่ได้’

หมายเลขเจ็ด ‘อย่าคิดเลย’

มังกรหมอบและหงส์ดรุณแห่งนิกายสวรรค์ปฏิเสธข้อเสนอแนะของนางในทันที

หมายเลขสี่ ‘แต่ข้าจำได้ ศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์สำคัญสำหรับองค์เทพอย่างยิ่ง’

หมายเลขสอง ‘เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าสิ่งที่นิกายสวรรค์ของพวกเราฝึกคืออะไร คือการตัดอารมณ์ความรู้สึก ศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์สำคัญสำหรับองค์เทพจริงแท้แน่นอน แต่ความรู้สึกและจุดประสงค์ส่วนตนไม่อาจครอบงำองค์เทพได้’

หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่ง หากองค์เทพจะแทรกแซงชะตากรรมของลั่วอวี้เหิงเพราะความรู้สึกและจุดประสงค์ส่วนตน เช่นนั้นก็คงไม่ใช่เพราะการตัดอารมณ์ความรู้สึกแล้ว

การตัดความรู้สึกไม่ใช่การไม่มีความรู้สึก แต่หากกล่าวจากบางมุมมอง การตัดความรู้สึกก็คือการไม่มีความรู้สึก

เนื้อแต่ต่างกัน แต่การแสดงออกภายนอกกลับเหมือนกัน

พวกเขาคงไม่ลงโทษเพราะคนเลววางเพลิงฆ่าคน และก็คงไม่ยกย่องเพราะคนดีทำบุญสมสร้างกุศล

จุดประสงค์สุดท้ายของการตัดอารมณ์ความรู้สึกคือสวรรค์และมนุษย์รวมเป็นหนึ่ง

แต่ฟ้าดินยุติธรรมเป็นที่สุด ไม่เคยลงโทษคนชั่ว และก็ไม่เคยให้รางวัลคนดี

หมายเลขเก้า ‘พวกนิกายสวรรค์น่ะหรือ ประสกไม่อาจใช้การพวกเขา ไม่อาจดึงพวกเขาเข้าพวก เช่นนั้นก็ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว’

‘กลับเป็นหลี่เมี่ยวเจินและหลี่หลิงซู่ สองคนนี้ที่อาจกลายเป็นภัยที่แฝงเร้น’…นักบวชเต๋าจินเหลียนตัดสินใจคุยเรื่องศิษย์พี่ศิษย์น้องกับสวี่ชีอันเป็นการส่วนตัว

ช่างเป็นปัญหาเสียจริง

นิกายสวรรค์นำของไม่ได้มาตรฐานกลับมาใช้ใหม่ หากสวี่ชีอันไม่ยินยอม จะก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างแน่นอน

หมายเลขเจ็ด ‘ระดับบรรลุธรรมของเผ่าพันธุ์กู่ไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้ เชิญจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางและครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ของอาณาจักรหมื่นปีศาจมาช่วยไม่ดีกว่าหรือ’

หมายเลขแปด ‘หากจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางและเสินซูมาที่ราบลุ่มภาคกลาง อาณาจักรหมื่นปีศาจก็จะหายวับไปกับตา ก่อนพูดใช้สมองสักหน่อย รู้ให้ดีว่าศัตรูของตนเองเป็นใคร’

บรรดาพระโพธิสัตว์เหล่านั้น ล้วนเป็นผู้คิดการรอบคอบ ไม่ต้องพูดถึงสวี่ผิงเฟิงผู้ขึ้นชื่อเรื่องการคิดแผนและการวางหมาก

หลังเงียบไปเป็นเวลานาน จ้วงหยวนหลางผู้เป็นหนึ่งในมันสมองของพรรคฟ้าดินจึงเอ่ยขึ้นว่า

‘ปัจจุบันมีเพียงสองวิธี เพิ่มพลังต่อสู้ของฝ่ายตนและลดทอนพลังต่อสู้ของฝ่ายศัตรู

‘พันธมิตร ตัวเลือกนี้ลบออกไปก่อนเลย ลองเพิ่มพลังต่อสู้ดีกว่า อย่างเช่นการอัญเชิญวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์’

ฮว๋ายชิ่งเอ่ยคัดค้านเป็นคนแรกว่า

หมายเลขหนึ่ง ‘อย่างแรก ท่านโหราจารย์เคยอัญเชิญวิญญาณวีรบุรุษปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์มาแล้วครั้งหนึ่ง พลังของดาบสลักและมงกุฎแห่งปราชญ์ไม่มากพอที่จะอัญเชิญอีกครั้งในช่วงสั้นๆ นอกจากนี้ พลังของระดับบรรลุธรรมแข็งแกร่งเกินไป หากอัญเชิญปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ สวี่ชีอันอาจมีความเสี่ยงในการเสียชีวิต เว่ยกงและท่านโหราจารย์ก็คือตัวอย่าง’

คงจะเป็นคำสาป ทุกคนที่อัญเชิญปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ ล้วนจบไม่ดีทั้งสิ้น

ฮว๋ายชิ่งจำต้องเชื่อว่า นี่ก็คือการแว้งกัดของกฎแห่งสวรรค์

นางไม่ยอมให้สวี่ชีอันแบกรับความเสี่ยงนี้

ฉู่หยวนเจิ่นเอ่ยต่อว่า

‘เช่นนั้นก็ลดทอนศัตรู จัดแจงสถานที่หนีเคราะห์กรรมของราชครูไว้ที่ชายแดนตอนเหนือ หากผู้แข็งแกร่งระดับบรรลุธรรมของอวิ๋นโจวตอนเหนือกล้ายกออกมาทั้งรัง พวกเราก็ย่ำชิงโจวและอวิ๋นโจวให้ราบเสียตรงๆ ซุนเสวียนจีเป็นขั้นสาม ไม่จำเป็นต้องเอามารวมกับยุทธการหนีเคราะห์กรรม’

โค่วหยางโจวเป็นจอมยุทธ์ มีหน้าที่ซ้ำซ้อนกับหมายเลขแปดและหมายเลขสาม ไม่ต้องเข้าร่วมยุทธการก็ได้ ให้กวาดล้างชิงโจวและอวิ๋นโจวร่วมกับซุนเสวียนจี’

หลี่หลิงซู่ใช้นิ้วเขียนแทนพู่กันว่า “กลอุบายของเจ้านี้ สวี่ผิงเฟิงจะมองไม่ออกหรือ ก่อนพูดต้องใช้สมองสักหน่อย…”

เขานิ่งอึ้งไปอย่างกะทันหัน จากนั้นรีบลบข้อความนี้ไป

เขาเข้าใจความหมายของฉู่หยวนเจิ่นแล้ว ที่ไม่กลัวสวี่ผิงเฟิงมองออก เพราะจุดประสงค์หลักของแผนนี้ก็คือการตรึงกำลัง

หากพึ่งจีเสวียนเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าคงขวางซุนเสวียนจีและโค่วหยางโจวไม่ได้ เช่นนั้นสวี่ผิงเฟิงก็ต้องคงกำลังไว้

หรือก็คือ ในวันหนีเคราะห์กรรม ศัตรูที่พวกเขาเผชิญหน้าก็เหลือเพียงเจียหลัวซู่และไป๋ตี้

‘การกำจัดบุคคลระดับบรรลุธรรมบางส่วนในสนามรบ สามารถป้องกันเหตุสุดวิสัยล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิผลอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอาวุธเวทมนตร์ที่ท่านโหราจารย์รุ่นที่หนึ่งทิ้งไว้ให้สวี่ผิงเฟิง’…อาซูหลัวไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ ก่อนส่งข้อความไปว่า

‘ต่อให้เป็นแบบนี้ก็ตาม หากพึ่งพากำลังของพวกเราสี่คน ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจียหลัวซู่และไป๋ตี้อยู่ดี’

เขายอมเอาโค่วหยางโจวออกจากกลุ่ม และเลือกจ้าวโส่วผู้อยู่ในขั้นสามระดับสูงสุดเป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม แม้พลังต่อสู้ของจอมยุทธ์ขั้นสองจะต้องแข็งแกร่งกว่าลัทธิขงจื๊อขั้นสามอย่างแน่นอนก็ตาม แต่ความสามารถของโค่วหยางโจวและสวี่ชีอันยังมีสิ่งที่ซ้ำซ้อนกับตนเอง

และกลวิธีของลัทธิขงจื๊อผิดแผกจนแหวกขนบ คุณภาพเมื่อเทียบราคาของจ้าวโส่วจึงต้องสูงกว่าโค่วหยางโจว

นอกจากนี้ พลังในการโจมตีของจ้าวโส่วไม่มากพอ หากให้เขาไปเผชิญหน้าสวี่ผิงเฟิง อย่างมากสุดทั้งสองฝ่ายคงสูสีกัน

แต่โค่วหยางโจวเป็นจอมยุทธ์ หากเขาสามารถคว้าโอกาสเข้าประชิดจีเสวียนหรือสวี่ผิงเฟิงได้ เช่นนั้นคงมีความเป็นไปได้ที่จะปิดฉากในชุดเดียว

จ้วงหยวนหลางยังมีของบางอย่าง…สวี่ชีอันนวดหว่างคิ้ว ก่อนส่งข้อความไปว่า

‘อีกสามวันเจอกัน’

ณ คฤหาสน์แห่งหนึ่งในสวินโจว

ในเรือนตะวันออก เย่จีวางกระถางธูปจิ้งจอกสำริดไว้บนโต๊ะชา จุดไม้จันทน์สีดำ และสูดหายใจลึก

ควันเทาหม่นลอยหมุนขึ้นเป็นเกลียว นางหายใจสูดควันลึกเข้าโพรงจมูก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง