บทที่ 784 เซียนครองพิภพ
Ink Stone_Fantasy
ณ อวิ๋นโจว เมืองเฉียนหลงซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาภูเขาลึก เหนือทะเลเมฆอันปั่นป่วน เรือขนาดใหญ่มหึมาลำหนึ่งค่อยๆ ลดระดับลงมา
‘ตู้ม!’
ตัวเรือสั่นสะเทือนทันที ราวกับว่าชนแนวโขดหิน
บนท้องฟ้าเหนือเมืองเฉียนหลง มี ‘เปลือก’ ปรากฏขึ้นขวางกั้นแขกไม่ได้รับเชิญที่ร่อนลงมาจากฟ้า
ชั่วขณะที่เรืออวี่เฟิงถูกขวางกั้นโดยค่ายกลป้องกัน ร่างในชุดขาวซึ่งสวมผ้าคลุมศีรษะก็บินขึ้นมาจากเรือ ก้มลงมองทั่วทั้งเมืองเฉียนหลง
“ค่ายกลนี้ประกอบด้วยเจ็ดสิบหกค่ายกลในมหาคัมภีร์ค่ายกลตี้ซ่า จอมยุทธ์ขั้นสี่ก็ไม่อาจทำลายได้ ยุ่งยากพอสมควร”
หยางเชียนฮ่วนกล่าวเสียงเรียบ
หนานกงเชี่ยนโหรวที่อยู่ตรงขอบเรืออวี่เฟิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า
“แล้วเจ้าสามารถทำได้อย่างนั้นหรือ”
หยางเชียนฮ่วนยืนเอามือไพล่หลังและพูดด้วยน้ำเสียงเยี่ยงผู้ชนะ
“ง่ายนิดเดียว!”
จอมยุทธ์ขั้นสี่ไม่อาจทำลายได้ ไม่ได้หมายความว่าโหรขั้นสี่ทำไม่ได้ เขาจงใจเน้นย้ำ เพื่อแสดงถึงความพิเศษไม่มีใครเหมือนของตัวเอง
พูดจบ เท้าทั้งสองข้างของหยางเชียนฮ่วนก็แตะลงบนค่ายกลป้องกัน ฝ่าเท้าเปล่งแสงเป็นวงกลมหลายวง
ในสายตาของคนนอก ค่ายกลวงกลมเหล่านี้ไม่มีความแตกต่างใดๆ เลย ต่างก็มีสัญลักษณ์แปดทิศเป็นพื้นฐาน ร่างเส้นกากบาทและสัญลักษณ์ลึกลับบิดเบี้ยวออกมา
แต่หลังจากค่ายกลวงกลมที่หยางเชียนฮ่วนแผ่ขยายออกไปรวมเข้ากับค่ายกลป้องกัน ค่ายกลป้องกันที่ปกคลุมเมืองเฉียนหลงแห่งนี้ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เหมือนมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับโครงสร้างของค่ายกล ค่ายกลเล็กๆ เจ็ดสิบหกรูปแบบที่ประกอบเป็นค่ายกลใหญ่สลายไปอย่างรวดเร็ว
ในด้านของค่ายกล ค่ายกลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย เพราะโครงสร้างของมันถูกแก้ไข เพียงแค่หาจุดอ่อนและทำลายมันโดยตรง
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับระดับขั้นของผู้สร้างค่ายกล ค่ายกลไฟก็คือค่ายกลไฟ ค่ายกลน้ำก็คือค่ายกลน้ำ แม้แต่โหรระดับสูงก็ไม่สามารถเปลี่ยนค่ายกลไฟให้เป็นค่ายกลน้ำได้
อย่างมากก็ทำให้โครงสร้างซับซ้อนเล็กน้อย
ไม่ว่าจะค่ายกลใด ต่างก็มีวิธีทำลายค่ายกลที่สอดคล้องกัน
เช่นเดียวกับที่สวี่ผิงเฟิงสามารถทำลายค่ายกลที่ท่านโหราจารย์สร้างทิ้งไว้ได้ หยางเชียนฮ่วนก็สามารถทำลายค่ายกลที่เจ้าตัวสร้างได้เช่นกัน
เฉินอิงที่ยืนอยู่ข้างหนานกงเชี่ยนโหรวถอนหายใจ หากไม่มีหยางเชียนฮ่วนอยู่ด้วย ลำพังเพียงแค่ค่ายกลป้องกันนี่ก็ทำให้พวกเขาปวดหัวได้แล้ว
เกรงว่ากลยุทธ์สายฟ้าของเว่ยกงอาจจะไม่ได้ผล
เฉินอิงรู้สึกได้ในทันทีว่าเขาคิดผิด การโจมตีแบบสายฟ้าแลบไม่ได้น่าประหลาดใจเลย หยางเชียนฮ่วนเป็นคนที่เว่ยกงเอ่ยชื่อขอให้เข้าร่วมกองทัพบุกอวิ๋นโจว
แสดงให้เห็นว่าเว่ยกงคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีค่ายกลป้องกัน
“หึ หากเว่ยกงฟื้นเร็วกว่านี้ ชิงโจวก็คงไม่ล่มสลาย” เฉินอิงพึมพำ
ขณะที่พูด ค่ายกลป้องกันเบื้องล่างก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
เสียงกลองภายในเมืองเฉียนหลงดังกระหึ่ม หลังจากทหารอารักขาที่อยู่ตรงนั้นตื่นตระหนกไปชั่วขณะ ก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว และรวมพลกันในเมืองโดยแจ้งเตือนผ่านเสียงกลอง
ทหารที่อยู่บนกำแพงเมืองหันปากกระบอกปืนใหญ่ไปทางท้องฟ้า
“ลูกไก่ในกำมือ!”
เฉินอิงยิ้มเยาะและกำลังจะสั่งให้ลงจอด ทันใดนั้นก็เห็นร่างในชุดขาวปรากฏขึ้นนอกเรืออวี่เฟิง
คนในชุดขาวสวมหน้ากากเกราะเหล็ก ใบหน้าที่มองไม่เห็นหน้าตามองมาทางพวกเขาอย่างเงียบเชียบ เหยียดฝ่ามือและผลักออกไปอย่างแรง
ค่ายกลวงกลมแผ่ขยายทันที พุ่งเข้าใส่เรืออวี่เฟิง
ในค่ายกลวงกลม ตัวหนังสือดิน น้ำ ลม ไฟสว่างขึ้นทีละตัว ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
ไม่ใช่เพราะพลังโจมตีของค่ายกลสามารถข่มขู่พวกเขาได้ แต่เรืออวี่เฟิงที่อยู่ใต้เท้าไม่สามารถทนรับการโจมตีระดับนี้ได้
หากเรืออวี่เฟิงถูกทำลาย ทหารชุดเกราะบนเรือจะล้มตายกันหมด
เวลานี้ ข้อบกพร่องของทหารถูกเปิดเผย พวกเขาไม่เกรงกลัวพลังทำลายล้างของค่ายกล แต่พวกเขาที่มีอยู่เพียงวิธีเดียวไม่อาจทำลายค่ายกลได้ และยิ่งไม่อาจใช้วรยุทธ์ป้องกันเรืออวี่เฟิงได้
ในช่วงเวลาคับขัน ชายผู้ไขว่คว้าดวงดาราก็มาถึง
หยางเชียนฮ่วนปรากฏตัวขึ้นด้านข้างเรือ เหยียดฝ่ามือออก กดบนค่ายกลวงกลมเบาๆ ค่ายกลที่ถูกผลักมาทางเรืออวี่เฟิงสลายไปอย่างไร้สุ้มเสียง
ค่ายกลส่งตัวใต้เท้าของหยางเชียนฮ่วนสว่างขึ้น ในชั่วพริบตาเขาก็ไปอยู่ตรงหน้าหุ่นเชิดในชุดขาว จากนั้นเขาก็ยื่นมือไปคว้าศีรษะของหุ่นเชิด
หุ่นเชิดพยายามเคลื่อนย้ายเพื่อหลบหนี แต่หลังจากหยางเชียนฮ่วนจับใบหน้าไว้ ค่ายกลทั้งหมดก็ไร้ผล
“สวี่ผิงเฟิงหรือ”
เสียงทุ้มต่ำของหยางเชียนฮ่วนเล็ดลอดออกมาจากใต้ริ้วผ้า
“ได้ยินว่าเจ้าผนึกโจรเฒ่าอย่างท่านโหราจารย์แล้ว ทำได้ไม่เลว”
ฝ่ามือควบแน่นค่ายกลไฟ ไฟร้อนแรงพวยพุ่งออกมา ก่อตัวเป็นเปลวไฟยาวสิบกว่าเมตร
เมื่อเปลวไฟดับลง หุ่นเชิดโลหะในมือก็ถูกเผาจนแดงก่ำ ส่วนหัวละลายกลายเป็นเหล็กหลอมเหลวสว่างไสว
หุ่นเชิดตัวนี้เพิ่งเข้าสู่ขั้นสี่เท่านั้น ค่ายกลที่ใช้ได้จึงเป็นเพียงค่ายกลที่สวี่ผิงเฟิงสลักไว้ในนั้นตอนเริ่มต้นหลอมกลั่น จำนวนและพลังยังไม่มาก
แต่หยางเชียนฮ่วนเป็นโหรมากประสบการณ์ที่สามารถสู้กับปรมาจารย์ความลับสวรรค์ขั้นสามได้ แถมในระบบเดียวกันยังมีการกดระดับอีกด้วย
หนานกงเชี่ยนโหรวสั่งให้ลงจอดทันที ทหารชุดเกราะสี่พันนายบนเรือเตรียมพร้อม ทหารม้ายังคงได้เปรียบในการต่อสู้อย่างดุเดือดภายในเมือง ส่วนการสู้รบกันตามถนนและตรอกซอกซอย อย่างเลวร้ายที่สุดก็แค่ทิ้งม้า
แม้จะไม่มีม้าศึก พวกเขาก็ยังเป็นทหารราบชุดเกราะหนักที่ดาบหอกฟันไม่เข้าเช่นเดิม
บนยอดเขา ภายในลานกว้างที่มีศาลาสูงอยู่ทั่ว ชายวัยกลางคนในชุดม่วงปีนขึ้นไปบนศาลาสูงภายใต้การคุ้มกันของนักรบเงา แล้วจ้องมองเรือรบขนาดใหญ่ที่ค่อยๆ ร่อนลงมาจากฟ้า
“จงส่งข่าวไปยังค่ายที่อยู่รอบๆ ทันทีว่าให้กลับมาช่วยเมืองเฉียนหลง”
ใบหน้าของชายวัยกลางคนในชุดม่วงเคร่งเครียดและเอ่ยเสียงขรึม
เขาไม่ได้ตื่นตระหนกเกินไป เมื่อวาน แนวหน้าส่งข่าวดีกลับมาว่า กองทัพอวิ๋นโจวยึดเมืองยงโจวได้โดยปราศจากการนองเลือด และยึดครองยงโจวได้อย่างสมบูรณ์
กองทัพสามารถรุกไปถึงเมืองหลวงได้ในเวลาไม่นาน และตัดสินแพ้ชนะกับต้าฟ่ง เพื่อยุติการต่อสู้ที่แย่งชิงความเป็นใหญ่นี้
แม้ว่าเวลานี้เมืองเฉียนหลงจะถูกกองทัพของศัตรูบุก แต่ก็อาจเป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของต้าฟ่ง
ปีที่แล้ว ต้าฟ่งผ่านสงครามเมืองจิ้งซานในช่วงการเก็บเกี่ยวในสารทฤดูมาก่อน ทหารชั้นยอดนับแสนนายเสียชีวิตทางตอนเหนือ ยังไม่ทันได้พักฟื้น ก็เผชิญกับภัยหนาวอีก จากนั้นเขาก็ตั้งตนเป็นจักรพรรดิที่อวิ๋นโจว ส่งกองทัพขึ้นเหนือไปปราบปรามราชสำนัก
มาถึงวันนี้ ต้าฟ่งจะยังเหลือทหารผู้องอาจและแข็งแกร่งอีกสักกี่คน
ในเมืองเฉียนหลงมีทหารชั้นยอดอยู่ห้าพันนาย บวกกับทหารชั้นยอดในค่ายภูเขาบริเวณรอบๆ รวมแล้วมีทหารมากกว่าหนึ่งหมื่นนาย
เพียงพอที่จะป้องกันศัตรู
“ฮูหยิน ฮูหยิน…”
ภายในลานเล็กอันเงียบสงบ สาวใช้คนหนึ่งวิ่งมาอย่างเร่งรีบ ผลักบานประตูห้องสงบจิต
ภายในห้องมีหญิงงามคนหนึ่งนั่งสมาธิอยู่ อิริยาบถงดงาม ผิวพรรณผุดผ่อง
“ฮูหยิน รีบตามข้าน้อยไปที่ห้องใต้ดินเพื่อซ่อนตัวเถิดเจ้าค่ะ ศัตรูบุกมาแล้ว”
สาวใช้ตะโกนอย่างตื่นตระหนก
หญิงงามชะงักงัน ตามมาด้วยสีหน้าสับสน แยกไม่ออกว่าดีใจหรือเศร้าเสียใจ
นางอยู่ในห้องหับส่วนตัวมาเป็นเวลานานและถูกห้ามไม่ให้ออกไปจากที่นี่ จึงทำได้เพียงส่งและรับข่าวสารผ่านสาวใช้ข้างกาย จึงรู้เรื่องสงครามในที่ราบภาคกลางบ้าง
เมื่อวานหลังจากมีข่าวส่งกลับมา เมืองเฉียนหลงก็ลุกเป็นไฟ ตั้งแต่ชนชั้นสูงไปจนถึงประชาชน ดื่มสุรากันด้วยความเบิกบานจนรุ่งสาง ตั้งตารอจะออกจากเมืองเฉียนหลงและเข้าสู่เมืองหลวง
เจ้าเมืองเฉียนหลงเคยให้สัญญากับประชาชนในเมืองว่า หลังจากพิชิตใต้หล้าได้ในอนาคต ประชาชนทั้งหมดในเมืองเฉียนหลงจะได้ย้ายกลับไปเมืองหลวง และกลายเป็นประชาชนชั้นสูงใต้เท้าจักรพรรดิ
“รู้หรือไม่ว่าแม่ทัพเป็นใคร” หญิงงามถามอย่างร้อนใจ
“ใช่สวี่ชีอันหรือไม่!”
สาวใช้มีสีหน้าร้อนรน
“ข้าน้อยจะรู้ได้อย่างไร รีบไปซ่อนตัวก่อนเถิดเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นทหารที่บุกเข้ามาเหล่านั้นอาจสังหารฮูหยิน โดยไม่สนใจว่าท่านเป็นใคร”
ขณะพูด นางก็ลากนายหญิงแล้วรีบเดินไปทางห้องใต้ดิน
…
ค่ายภูเขาแต่ละแห่งนอกเมืองเฉียนหลง เวลานี้กำลังตกอยู่ในสงครามอันดุเดือด
ทหารราบเกราะหนักปีนขึ้นไปสู้กับธนูและปืนไฟเป็นกลุ่มๆ กระสุนปืนและลูกธนูพุ่งเข้าใส่ตัวพวกเขา สาดประกายไฟออกมา พวกเขาไม่มีพลังพอจะต่อกรกับทหารชุดเกราะที่แทบจะไม่มีจุดอ่อนหลังสวมชุดเกราะ
หลังจากหยางเชียนฮ่วนสังเกตเห็นตำแหน่งของเมืองเฉียนหลง เขาก็วาดแผนที่แบบง่ายๆ จากการตอบสนองของวิชามองปราณ และทำเครื่องหมายที่ตั้งของเมืองเฉียนหลงกับค่ายบริเวณรอบๆ
หนานกงเชี่ยนโหรววางแผนกับนายพลสองสามนาย แบ่งทหารม้าติดอาวุธออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเคลื่อนพลอย่างเงียบเชียบอยู่รอบๆ จากนั้นก็ซ่อนตัว หลังจากสงครามเริ่มขึ้น พวกเขาก็บุกยึดค่ายต่างๆ ในบริเวณรอบๆ เมืองเฉียนหลงทันที
อีกกลุ่มหนึ่งตามเรืออวี่เฟิงไปรบ ร่อนลงไปยังเมืองเฉียนหลงโดยตรง
นี่เป็นเพราะความจุของเรืออวี่เฟิงมีจำกัด ไม่อาจเคลื่อนทั้งม้าและคนไปยังเมืองเฉียนหลงได้ ความจริงแล้ว แม้แต่กองทัพแนวหน้าที่ร่อนลงมาจากฟ้าก็ต้องแบ่งขนถ่ายเป็นสองกลุ่ม
…
ชายแดนตอนเหนือ
เมฆชะตาก่อตัวเป็นเมฆเพลิงงดงาม จิตอัคคีในอากาศควบแน่นด้วยความเร็วที่น่ากลัว อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เข้าสู่กลางฤดูร้อน และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนโลกนี้เป็นเตาหลอมขนาดยักษ์
‘ชี่ ชี่…’ แอ่งน้ำบนพื้นระเหยอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ยังมีโคลนเกลื่อนอยู่เต็มพื้น ทว่าวินาทีต่อมากลับแห้งกรังและแตกระแหง
ไป๋ตี้หรี่ตา ถอยไปข้างหลังเล็กน้อย อุณหภูมิสูงเช่นนี้ทำให้มันรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง