บทที่ 806 หลี่หลิงซู่ขอความช่วยเหลือ (1)
“ขอองค์เทพได้โปรดออมมือด้วยเถิด!”
หลี่หลิงซู่คุกเข่าลงและตะโกนเสียงดัง
เมื่อเทียบกับความแกร่งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรีของหลี่เมี่ยวเจินแล้ว ประโยชน์ของการเดินทางท่องพิภพในสามปีของเทพบุตรคือการที่สามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์
“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นิกายสวรรค์จะบ่มเพาะและปลูกฝังเทพธิดาสักองค์ จะตัดสินความเป็นความตายตามเวรตามกรรมเช่นนี้ได้อย่างไร ศิษย์น้องหญิงมีนิสัยดื้อรั้น ชอบดันทุรัง จริงจังเกินเหตุ ขอองค์เทพได้โปรดให้เวลาข้าสักวัน ข้าสัญญาว่าจะเกลี้ยกล่อมนางให้ได้”
หลี่หลิงซู่กล่าวจบแล้วก็เห็นองค์เทพนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เขาจึงรีบหมอบลงไปจนกระทั่งหน้าผากแตะอยู่บนพื้นและกล่าวอีกว่า “หวังว่าองค์เทพจะเติมเต็มความปรารถนาของข้า”
เขาพยายามทำเพื่อศิษย์น้องหญิงคนนี้อย่างดีที่สุดแล้ว
เทพธิดาปิงอี๋ชายตามองหลี่หลิงซู่พลางกล่าวเบาๆ ว่า “เทพบุตรพูดถูก เทพธิดาคือลูกศิษย์ของข้า การที่นางเดินมาถึงจุดนี้เป็นสิ่งที่ข้าต้องรับผิดชอบ ขอองค์เทพได้โปรดให้เวลาข้าสักวันหนึ่งในการอบรมสั่งสอน หากศิษย์ชั่วยังคงดื้อรั้นไม่เปลี่ยน ข้าจะใช้แส้สายฟ้าฟาดวิญญาณนางจนแตกพ่ายด้วยตัวเองเพื่อใช้ความยุติธรรมผดุงกฎ”
ในห้องโถงเงียบสงัด ผู้อาวุโสทุกคนทั้งไม่ร้องขอและไม่กล่าวซ้ำเติม สีหน้ายังคงสงบนิ่ง
หลังจากผ่านไปนาน เสียงขององค์เทพก็ดังก้องขึ้นในห้องโถง “ได้!”
‘ฟู่!’ หลี่หลิงซู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวด้วยความฮึกเหิม “ขอบคุณองค์เทพพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากกลับไปแล้ว เขาก็หาโอกาสขโมยชิ้นส่วนหนังสือปฐพีออกมาและส่งข้อความไปหาสวี่ชีอันเพื่อขอความช่วยเหลือ
ความจริงต่อให้หลี่เมี่ยวเจินจะเป็นอมตะ เทพบุตรก็จะหาเหตุผลมาเพื่อถ่วงเวลาออกไป หลังจากยืดเวลาการตัดความทรงจำออกไปได้แล้วก็แอบส่งข้อความไปยังสมาชิกพรรคฟ้าดินเพื่อขอความช่วยเหลืออยู่ดี
…
ถึงเวลากลางคืนแล้ว เผ่าลี่กู่ก่อกองไฟขนาดใหญ่ขึ้นที่ลานกว้าง
สัตว์ที่ล่ามาถูกพาดอยู่กลางกองไฟ มันกำลังส่งกลิ่นหอมมันเยิ้มและผิวภายนอกกรอบเกรียม นี่คืองานเลี้ยงยามค่ำคืนที่เผ่าพันธุ์กู่จัดให้กับฆ้องเงินสวี่
พวกคนใหญ่คนโตของเผ่ากู่ล้วนมาที่นี่ พวกเขานั่งลงตามตำแหน่งที่นั่งประจำเผ่าของตน บนโต๊ะเต็มไปด้วยสุราชั้นดี อาหารอันเลิศรสและเนื้อย่าง
เหล่าสตรีของเผ่าฉิงกู่กำลังร้องเล่นเต้นรำ บิดร่างอันบอบบางอย่างสนุกสนานอยู่รอบกองไฟ
สายตาของผู้ชายแต่ละคนเป็นเหมือนแม่เหล็กที่ไหลไปติดอยู่ที่เอวบาง สะโพกและเนินอกของสตรีเผ่าฉิงกู่
มีเพียงผู้ชายของเผ่าลี่กู่เท่านั้นที่เลือกอาหารอันเลิศรสแทนหญิงงามโดยไม่ลังเล
สวี่ชีอันนั่งอยู่ที่โต๊ะ ด้านซ้ายและขวาเป็นฉุนเยียนหัวหน้าเผ่าซินกู่และหลวนอวี้หัวหน้าเผ่าฉิงกู่
ทั้งสองคนนี้มีรูปลักษณ์และทัศนคติที่แตกต่างกัน แต่ก็ล้วนเป็นหญิงงามที่โดดเด่นของเผ่ากู่ ซึ่งพวกนางรับผิดชอบในการดื่มสุราเป็นเพื่อนฆ้องเงินสวี่วันนี้
ฉุนเยียนเป็นหญิงสุขุมและสงบนิ่ง ค่อนข้างหยิ่งในศักดิ์ศรี ถึงแม้จะพูดคุยหัวเราะกับสวี่ชีอันแต่ก็ไม่มีการสัมผัสทางกายแต่อย่างใด
ในทางตรงกันข้าม หลวนอวี้เป็นเหมือนปีศาจจิ้งจอกยวนเย้าเสน่ห์ ร่างบางของนางพิงสวี่ชีอันอยู่ครึ่งหนึ่ง ส่วนหน้าอกอันอวบอิ่มและอ่อนนุ่มก็ถูไปถูมาอยู่ที่แขนของเขา
“ฆ้องเงินสวี่ ได้ยินว่าผู้หญิงที่ราบกลางจะแลกแก้วสุรากับผู้ชายที่นางชื่นชอบ ตัวข้าเองมีจิตใจชื่นชมฆ้องเงินสวี่มานานแล้ว ท่านคล้องแขนแลกแก้วดื่มสุรากับข้าเถอะ”
“ไอหยา ฆ้องเงินสวี่ ข้าไม่ระวังจนทำสุราหกใส่หน้าอกเสียแล้ว ท่านช่วยข้าเช็ดทีเถิด”
“ฆ้องเงินสวี่ ข้าดื่มสุราไม่เก่งนัก ท่านพาข้ากลับไปพักผ่อนที่จวนดีกว่า”
หญิงงามยั่วสวาททุกวิถีทาง พยายามให้ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของที่ราบกลางท่านนี้ขึ้นเตียงกับนาง แต่ฆ้องเงินสวี่เป็นวิญญูชนที่ซื่อตรง มีคุณธรรมจิตใจอันแน่วแน่มั่นคง จึงไม่สะทกสะท้านกับสิ่งล่อตาล่อใจของหญิงงามอันดับหนึ่งของเผ่าฉิงกู่แม้แต่น้อย
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนในเผ่ากู่ต่างก็ชื่นชมเขาไม่ขาดสายและคิดในใจว่า ‘สมแล้วที่เขาสามารถเป็นยอดฝีมือขั้นหนึ่งที่ไร้เทียมทานได้ อุปนิสัยและสมาธิที่แน่วแน่เช่นนี้ไม่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะบรรลุได้ง่ายๆ’
สมาชิกเผ่ากู่ท่านหนึ่งกล่าวขึ้นมาเสียงดังท่ามกลางบรรยากาศครื้นเครงว่า “ครั้งนี้ต้องขอบคุณฆ้องเงินสวี่ที่แก้ไขภัยอันตรายให้กับจี๋เยวียน พวกเราเผ่ากู่ก็ไม่ต้องกังวลกับการกำเนิดของอสูรกู่เหนือชั้นอีกต่อไปแล้ว”
“อสูรกู่เหนือชั้นอะไรนั่น ต่อให้จะเกิดมา ฆ้องเงินสวี่ของพวกเราก็มีดาบเช่นกัน”
ทันใดนั้นเสียงคล้อยตามก็ดังระงมขึ้นมา
และมีคนกล่าวด้วยใบหน้าชื่นชมยินดีว่า “พูดได้ว่าการเลือกเป็นพันธมิตรกับต้าฟ่งและฆ้องเงินสวี่ช่างเป็นทางเลือกที่ถูกต้องจริงๆ หากเป็นพันธมิตรกับอวิ๋นโจวเข้าจริงๆ ตอนนี้เผ่ากู่ก็คงกำลังประสบกับปัญหาใหญ่หลวงเป็นแน่”
ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป สมาชิกของเผ่ากู่ก็ทั้งรู้สึกโชคดีและตื่นเต้นที่การเลือกในตอนนั้นช่างถูกต้องไร้ที่ติ
ในตอนแรกเหล่าผู้นำมีแนวโน้มที่จะเป็นพันธมิตรกับอวิ๋นโจว ด้วยเหตุนี้ถึงได้สู้กับฆ้องเงินสวี่ นี่ไม่ใช่เป็นการเอาไม้ท่อนไปงัดไม้ซุงหรอกหรือ
โชคดีที่พ่ายแพ้ให้กับฆ้องเงินสวี่ มิเช่นนั้น หากต้องเป็นพันธมิตรกับอวิ๋นโจวจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลังจากการชำระบัญชีแค้นของราชสำนักที่ราบกลาง ปัญหาของจี๋เยวียนก็สามารถทำให้เผ่ากู้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากได้
และตอนนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ชนะสงคราม พวกเขายังมีเสบียงอาหารและเงินทองที่ต้าฟ่งสัญญาไว้และยังมีพันธมิตรเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งท่าน ซึ่งเขาสามารถแก้ไขภัยอันตรายของจี๋เยวียนได้อย่างง่ายดาย
เผ่ากู่ได้รับประโยชน์มากจริงๆ
ในบรรดาเผ่าทั้งเจ็ด เผ่าฉิงกู่ ซือกู่ ตู๋กู่ ทั้งสามเผ่านี้มีความอาฆาตแค้นต่อต้าฟ่งที่สุด แต่เมื่อได้ยินคนอื่นๆ จากอีกสี่เผ่ายกย่องชื่นชมฆ้องเงินสวี่ พวกเขาก็ไม่มีความเกลียดชังหรือขุ่นเคืองใดๆ อีก
วันนี้พวกเขารีบเก็บข้าวของจนมือเป็นระวิงเพื่อเตรียมตัวไปหลบภัยทางเหนือ ความกังวลและความหวาดกลัวยังคงมีอยู่เต็มอกและรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัย
แม้ว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว แต่เงาการกำเนิดของอสูรกู่เหนือชั้นก็กำลังปกคลุมพวกเขาอยู่จริงๆ และการแก้ไขปัญหานี้ของฆ้องเงินสวี่ก็เท่ากับเป็นการแก้ไขภัยอันตรายเหนือศีรษะที่แผ่คลุมพวกเขาด้วย
ทุกคนล้วนตระหนักถึงประโยชน์ของการมีจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งเป็นพันธมิตร
นอกจากนี้ เหล่าผู้นำยังกล่าวว่า เด็กในเผ่าสามารถไปศึกษาเล่าเรียนยังที่ราบลุ่มภาคกลางได้ นี่เป็นสิ่งจูงใจอันใหญ่หลวง มีครอบครัวใดบ้างที่ไม่ประหลาดใจ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง