บทที่ 806 หลี่หลิงซู่ขอความช่วยเหลือ (2)
วันรุ่งขึ้น
ที่ภูเขาสือว่านของซินเจียงตอนใต้มีภูเขาทอดตัวยาวกระจายอยู่ทั่วแผ่นดิน ป่าดงดิบที่เขียวชอุ่มและหนาแน่นแผ่ขยายไปจนสุดสายตา
สามารถเห็นทุ่งนาขั้นบันไดสองสามแห่งได้เป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นนาที่ผู้คนแดนประจิมได้ปลูกไว้ในช่วงห้าร้อยปีที่ผ่านมา
ในฐานะที่ภูเขาสือว่านเป็นดินแดนบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์ปีศาจ จึงแทบมองไม่เห็นที่ราบ ขาดแคลนที่ดินที่เหมาะกับการเพาะปลูกและไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยของมนุษย์
รสชาติของหลวนอวี้นั้นไม่เลวจริงๆ…สวี่ชีอันครุ่นคิดพิจารณาถึงประสบการณ์การร่วมเพศเมื่อคืนนี้ หลวนอวี้บิดเอวบางที่อ่อนนุ่มด้วยพลังอันน่าหลงใหล คณิกาในสำนักสังคีตล้วนสู้นางไม่ได้แม้แต่น้อย
แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของสวี่ชีอันคือการใช้หนี้คืน ไม่เกี่ยวข้องกับการคิดมิดีมิร้ายแต่อย่างใด ในฐานะที่เป็นฆ้องเงินของต้าฟ่ง เขาต้องรักษาสัจจะอยู่แล้ว
อืม ยอดเยี่ยมระดับห้าดาวไปเลย!
ในขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เห็นยอดสูงสุดของเขาหมื่นปีศาจที่ไม่นับว่าสูงตระหง่านแต่สง่างามและทรงพลังไม่สิ้นสุด
ตำแหน่งบนยอดเขาเป็นอาคารสลับซับซ้อนที่รวมตัวกันอย่างหนาแน่น
สวี่ชีอันพุ่งตัวลงไป ตกลงไปทางวัดหนานฝ่าท่ามกลางเสียงระเบิดแสบแก้วหู ในขณะที่ตกลงมาที่พื้นกลับเบาราวกับขนนกและไม่ทำให้แผ่นหินใต้เท้าได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
ครู่ต่อมาพระอุโบสถเดิมก็ถูกซ่อมแซมเป็น ‘วังราชินีหมื่นปีศาจ’
สตรีผมสีเงินที่งดงามผิดมนุษย์กำลังนอนตะแคงอยู่บนบัลลังก์ราชินีปีศาจ ขาขาวผ่องและเรียวยาวซ้อนทับกัน หางจิ้งจอกม้วนตัวขยับช้าๆ นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีกับการเลื่อนสู่ขั้นหนึ่งของฆ้องเงินสวี่ด้วย ครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์คงเป็นจริงในไม่ช้าแล้ว”
สวี่ชีอันหยิบถ้วยช้าขึ้นมา จิบชาหอมของซินเจียงตอนใต้อึกหนึ่งก่อนจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าต้องการพบไต้ซือเสินซู!”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางส่ายศีรษะเล็กน้อย
“เขากำลังพยายามหลอมรวมวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ในร่างของเขา จมสู่ห้วงนิทราลึกมาหลายวันแล้ว”
จังหวะไม่ดีเช่นนี้เลยรึ? สวี่ชีอันขมวดคิ้ว
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางหรี่ตาลงเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวพลางลูบไล้หางอันฟูนุ่ม ก่อนจะสะบัดเบาๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าอยากถามว่าจะเลื่อนสู่ขั้นครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ได้อย่างไรรึ?”
“จะเลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็วได้อย่างไรต่างหาก” สวี่ชีอันแก้ไข
มีราชครูและเทพดอกไม้อยู่ รวมทั้งพรสวรรค์และสติปัญญาของเขา ในอนาคตอาจจะไม่สามารถเลื่อนสู่ครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ได้ แต่มาตราส่วนเวลาก็ยากที่จะควบคุมแล้ว
นอกจากนี้ยังมีดวงชะตาติดตัว อายุขัยมีจำกัด การเลื่อนสู่ขั้นครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ในเจ็ดสิบหรือแปดสิบปีให้หลังก็ไม่มีความหมายอันใด
เพราะตอนนั้นสองเท้าของเขาก็คงเหยียบเข้าไปในโลงศพจนแทบจะล้มตัวลงนอนแล้ว
“ข้าจะถามแทนเจ้าให้แล้วกัน”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางดูเหมือนรู้ก่อนแล้วว่าเขาจะมา นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ความทรงจำของเสินซูยังไม่ฟื้นคืน เขาเองก็ยังไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่หลังจากที่พวกเราสองพ่อลูกได้คุยกันแล้วก็พบว่ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เจ้าลองฟังก็แล้วกัน มีหรือไม่ เจ้าก็ตัดสินด้วยตัวเอง”
ช่างเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือเสียจริง…สวี่ชีอันพยักหน้า
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ “พวกเราจะมองข้ามความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธเจ้ากับราชันอสูรไปก่อน เจ้ายังจำความประทับใจของพระอรหันต์ตู้เอ้อร์ที่มีต่อเสินซูได้หรือไม่?”
หลังจากจอมยุทธ์ภิกษุผู้มีพรสวรรค์ท่านหนึ่งก้าวเข้าสู่ขั้นเหนือมนุษย์ ก็ได้ริเริ่มบำเพ็ญระบบฉานซือและละทิ้งสำนักพุทธ จากนั้นเขาก็หายตัวไปไม่รู้เป็นตายร้ายดี เมื่อเขากลับมาอีกครั้งก็อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์แล้ว…สวี่ชีอันหวนนึกถึงสิ่งที่พระอรหันต์ตู้เอ้อร์เคยบอก ก่อนจะพยักหน้ากล่าวว่า “จำได้”
“มีสิ่งหนึ่งที่สามารถยืนยันได้ ตอนที่เสินซูถือกำเนิด นอกจากร่างของราชันอสูรนี้แล้วก็ไม่มีอะไรอีก เช่นนั้น เขาก็ใช้เวลาสั้นๆ เพียงแค่หนึ่งหรือสองร้อยปีในการบำเพ็ญจนกลายเป็นร่างครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ เจ้าคิดว่าเหตุผลคืออะไร?”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางกล่าวต่อไปโดยไม่รอคำตอบของสวี่ชีอัน “ประการแรก พระพุทธเจ้าใช้บุคลิกเหนือชั้นในการบำเพ็ญวิทยายุทธ์ เช่นนั้นก็ย่อมก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว และแทบจะไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคที่ยากลำบาก ประการที่สอง ร่างเดิมของราชันอสูรเป็นขั้นหนึ่งอยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นขั้นหนึ่งระดับกลางๆ ก็ตาม เพียงแค่มีการดำรงอยู่เช่นนี้ก็จะสามารถทำให้พระพุทธเจ้าลงมือปราบปรามด้วยตนเอง”
ดวงตาของสวี่ชีอันสว่างวาบ เขาจับประเด็นสำคัญแล้วกล่าวอย่างไตร่ตรองว่า “ท่านหมายความว่า ที่เสินซูกลายเป็นครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ได้ ก็เพราะพระพุทธเจ้าได้ปรับปรุงวิทยายุทธใหม่อีกครั้ง หลังจากบรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้วก็ได้ขัดเกลา ดูดซับพลังของราชันอสูร? หากข้าสามารถขัดเกลาพลังของจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันสักคน ข้าก็จะมีความเป็นไปได้สูงที่จะเลื่อนขึ้นสู่ขั้นครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์หรือ?”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางกล่าวเสียงหวาน “ฉลาดจริงๆ! ด้านรายละเอียดอาจจะมีความคลาดเคลื่อน แต่ทิศทางโดยรวมคงไม่ต่างไปนัก”
หลังจากนั้นชั่วครู่ นางก็ลูบไล้เรียวขาและกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “น่าเสียดาย บนโลกนี้มีเพียงเจ้าที่เป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งเพียงคนเดียว”
สวี่ชีอันกลับเชิดคางกล่าวอย่างไม่ถอดใจ “จอมยุทธ์ทำไม่ได้ แต่ทายาทเทพปีศาจทำได้ หากขัดเกลาจิตวิญญาณของทายาทเทพปีศาจ จะเลื่อนสู่ขั้นครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ได้หรือไม่?”
ในขณะที่กล่าว แวบแรกเขานึกถึงเทพดอกไม้ แต่เทพดอกไม้เป็นเทพมารเจิ้งถ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง