ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 813

บทที่ 813 เสร็จพิธี

องค์หญิงหลับอยู่ในห้องนอน ผืนม่านห้อยต่ำ กลิ่นไม้จันทน์คละคลุ้ง

ประตูห้องนอนเปิดออก บรรดานางกำนัลในตำหนักเสาอินวิ่งเต้นกันอย่างยุ่งเหยิงเพื่อมาหวีผมแต่งตัวหน้ากระจกให้หลินอันซึ่งกำลังนั่งยืดเอวจ้องมองตนเองในกระจกทองแดง

สตรีในกระจกมีแก้มที่อวบอิ่มประหนึ่งไข่ห่านที่มีลายเส้นราบเรียบ หลังจากทาแป้งวาดคิ้ว ใบหน้าก็ยิ่งละเอียดลออและเปี่ยมจิตวิญญาณ

นอกจากนี้ มืออันมากด้วยฝีมือของนางกำนัลได้วาดดอกเหมยลงบนหน้าผากของนาง ดังนั้นองค์หญิงซึ่งเดิมทีก็งดงามเสน่ห์เหลือล้นอยู่แล้วจึงยิ่งมีท่าทางที่สวยหยาดเยิ้มอย่างมีเอกลักษณ์และไม่เกินเลย

ในชีวิตของสตรีจะมีโอกาสได้เห็นเครื่องยศมงกุฎหงส์และสายสะพายของตนเองครั้งเดียว

นางรอจนถึงแล้ว

สิ่งที่โชคดีกว่าก็คือเจ้าบ่าวเป็นคนดี มีรักแท้ได้ครองคู่กันตลอดกาล

“พักนี้ฝ่าบาทสงบเสงี่ยมไปมาก ทนกลั้นจนลำบากใช่หรือไม่” นางกำนัลใหญ่ยิ้มเอ่ยถามขณะหวีผมให้นาง

โดยปกติฝ่าบาทเป็นคนเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว น่ารักคึกคัก ยิ่งเป็นช่วงที่หลินอันสมรส ก็ยิ่งเรียนรู้การเป็นแม่นวลนางผู้สงบเสงี่ยมและนุ่มนวล

“ไทเฮาเคยบอกว่า คราวออกเรือนเป็นภรรยา ยิ่งไม่อาจประพฤติตามใจชอบได้อีก”

หลินอันถอนหายใจและเอ่ยว่า “ข้าเพียงเสแสร้งแกล้งทำ วันหน้าก็ค่อยๆ เปิดเผยธาตุแท้เอา”

ขณะกำลังพูด ไทเฮาผู้สง่าเยือกเย็นก็นำนางกำนัลเข้ามาข้างใน และกวาดสายตามองมงกุฎหงส์บนโต๊ะ ก่อนเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า

“เตรียมตัวเป็นเช่นไรบ้าง”

นางกำนัลใหญ่ข้างกายหลินอันเอ่ยด้วยความเคารพหลังจากคารวะว่า

“รอข้าน้อยหวีผมให้ฝ่าบาทเรียบร้อยก็เป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว”

ไทเฮาเดินไปข้างโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วมองหลินอันผู้สวยงามกินใจคน พร้อมขมวดคิ้วเอ่ยในทันใดนั้นว่า

“เหตุใดไม่เปิดใบหน้า”

สิ่งที่เรียกว่า ‘การเปิดใบหน้า’ คือการพันขนบนใบหน้าออกให้ครอบครัวเจ้าสาวโดยใช้เส้นด้ายฝ้ายห้าสี เพื่อทำให้เจ้าสาวยิ่งดูสวยงามเกลี้ยงเกลา

นางกำนัลใหญ่มองหลินอันอย่างลำบากใจ

คิ้วอันละเอียดลออที่วาดโดยนางกำนัลขมวดขึ้น “ท่านแม่ เจ็บ เจ็บจังเลย…”

ไทเฮาพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกวาดมองนางกำนัลกลุ่มหนึ่งในห้อง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“องค์หญิงไม่เปิดใบหน้า พวกเจ้าทุกคนถูกโบยยี่สิบที ถ่วงเวลามงคล ข้าจะไล่ไปหน่วยซักล้างให้หมด”

เหล่านางกำนัลใบหน้าถอดสี

ดังนั้นนางกำนัลหลายคนจึงร่วมแรงร่วมใจกันชะล้างใบหน้าขององค์หญิงอีกครั้ง หลังจากลงมือกันให้วุ่นยกหนึ่ง ในที่สุดก็เสร็จสิ้น

ไทเฮามองหลินอันที่กำลังหน้าแดงเล็กน้อยและมีน้ำตาปริ่มๆ ตรงหางตาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนพยักหน้าด้วยความพอใจและเอ่ยว่า

“ไม่เลว เช่นนี้สิผิวจึงขาวนวลเฉกเช่นไขมันที่เพิ่งจับตัว เพียงดีดก็แตก”

นางกำนัลสวมมงกุฎหงส์ให้หลินอันระหว่างรอเวลามงคลใกล้เข้ามา ไทเฮาหรี่ตามองอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อยเอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า

“งดงามจริงๆ”

“เจ้าเกิดมาก็ต้องเป็นองค์หญิง การสวมเงินสวมทองสามารถขับดุนรูปโฉมอันงดงามและความเลอค่าอันน่าทะนุถนอม”

ไทเฮาเคยพบสตรีงามมาไม่น้อย ส่วนตนเองก็เป็นสตรีงามล่มบ้านล่มเมือง แต่สิ่งที่เรียกว่าสตรีงามมีนับหมื่นพัน ลักษณะความสวยงามแตกต่างกันไป สตรีงามซึ่งแตกต่างกันจึงต้องเสริมแต่งอย่างไม่เหมือนกัน จึงจะสามารถขับดุนรูปโฉมอันงดงามและความเฉพาะตัวให้แสดงออกมาอย่างถึงที่สุด

ในบรรดาสตรีงามที่ไทเฮาเคยพบรวมไปถึงตัวนางเอง ซึ่งไม่มากไม่น้อยล้วนถูกแบ่งความพร่างพราวด้วยเครื่องประดับและเครื่องแต่งกายอันสวยหรู

ผู้ที่ยิ่งเสริมแต่งสวยหรูก็ยิ่งสามารถขับดุนความงดงามออกมาได้จึงเหลือเพียงหลินอันแล้ว

ไทเฮาเอ่ยต่อว่า

“พี่ชายและสนมแม่ของเจ้าล้วนเข้าร่วมพิธีสมรสไม่ได้ จึงเป็นธรรมดาที่ข้าในฐานะเสด็จแม่ของเจ้า จะสอนเจ้าว่าให้ใช้ชีวิตในครอบครัวสามีและอยู่ร่วมกับเครือญาติของเขาเช่นไร”

หลินอันรับฟังอย่างอดทนขณะนั่งวางมาดขรึม

“แม้เจ้าจะเป็นลูกคุณหนูผู้สูงศักดิ์ มีตำแหน่งเป็นองค์หญิง แต่ฆ้องเงินสวี่ไม่ใช่สามีทั่วไป ดังนั้นหลังจากออกเรือนไปจวนสกุลสวี่ จึงต้องเรียนรู้การสำรวมกิริยามารยาทเป็นอย่างแรก”

ในหลายปีที่ผ่านมา ไทเฮาไม่สนใจเรื่องการใด ไม่ไถ่ไม่ถามพระราชธิดาและพระราชโอรสหรือตำหนักใน แต่ก็ทราบว่าหลินอันมักก่อปัญหาให้ฮว๋ายชิ่งเป็นประจำ

หากนางความคิดและเลห์เหลี่ยมได้ครึ่งหนึ่งของเฉินไท่เฟยก็คงจบแล้ว ไทเฮาจึงเบื่อที่จะพูดเรื่องเหล่านี้ เป็นเพียงหญิงสาวที่ชอบก่อเรื่อง แต่ไม่มีพลังในการต่อสู้ที่สัมพันธ์กัน

หากไปจวนสกุลสวี่แล้วไม่สำรวม ไม่รู้ว่าจะต้องถูกรังแกจนเป็นแบบใด อีกทั้งยังไม่มีหลักการเช่นนั้น

ไทเฮาเอ่ยต่อว่า

“ในบรรดาสมาชิกครอบครัวฝ่ายหญิงของสกุลสวี่ ไม่ต้องสนใจนายแม่เรือนรอง ข้าเคยติดต่อกับนางไม่มากนัก แต่ก็เคยลองหยั่งเชิงอยู่หลายครั้ง เป็นคนตรงไปตรงมาที่ไม่มีความคดโค้งใดๆ แม้สตรีที่มาจากอวิ๋นโจวคนนั้นจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของสวี่ชีอันก็ตาม แต่ความรักความห่วงใยระหว่างแม่ลูกจะต้องไม่ลึกซึ้งอย่างแน่นอน”

“หากนางรู้จักหนักเบา ก็คงไม่บีบเค้นเจ้า และปฏิบัติด้วยอย่างสุภาพ เจ้าเองปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ด้วยก็พอ ลูกสาวคนโตของเรือนรองกลับเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้ามากนัก ผ่านไปอีกไม่กี่ปีก็คงออกเรือนไป”

“สิ่งที่เจ้าต้องใส่ใจจริงๆ ก็คือจิตใจของสามี และสตรีที่กำลังยั่วยวนเขาข้างนอก”

‘อาสะใภ้ของหนิงเยี่ยนเป็นคนตรงไปตรงมาหรือ แต่ซือมู่บอกว่า อาสะใภ้ท่านนี้เป็นบุคคลที่ร้ายกาจและน่ากลัวมากที่สุดอย่างเห็นได้ชัด เป็นเพราะไทเฮามองผิดหรือเพื่อให้ข้าสบายใจ จึงเจตนากล่าวเช่นนี้’ …หลินอันซุบซิบในใจ เมื่อได้ยินวลีที่ว่า ‘สตรีที่ยั่วยวนข้างนอก’ ขนคิ้วลุกชูชันในทันใด

“เสด็จแม่วางใจ หลินอันรู้ว่าควรจะรับมือพวกนางเช่นไร จะต้องจัดการพวกนางจนเชื่อฟังให้ได้”

ไทเฮามองนางครู่หนึ่ง ก่อนกลืนเสียง ‘อึก’ ที่ทะลักไปถึงคอหอย และพยักศีรษะเอ่ยว่า

“คำแนะนำที่แม่ให้เจ้าคือ ฟังความเห็นของหวางซือมู่ให้มากๆ นางหมั้นหมายกับเออร์หลางแล้ว คิดดูแล้วคงจะออกเรือนไปบ้านสกุลสวี่ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า”

‘มีเหตุผล’…หลินอันพยักศีรษะ

“เผชิญปัญหาอย่ามัวแต่ใช้อารมณ์ เจ้าและฆ้องเงินสวี่มีไมตรีจิตต่อกัน ในตอนแรกที่เขายังกระจ้อยร่อย เจ้าช่วยเขาไม่น้อย หากน้อยอกน้อยใจก็เอ่ยถึงเรื่องด้านนี้ให้มาก เขาจะละอายใจ”

ถนนหลักตรงไปยังเขตพระราชฐาน สวี่ชีอันนั่งอยู่บนหลังแม่ม้าน้อย แบกเขามุ่งไปยังเมืองหลวงพร้อมเสียงกีบม้าดัง ‘กุบกับๆ’

ส่วนด้านหลังคือหลี่อวี้ชุน จูกว่างเสี้ยว ซ่งถิงเฟิงและพรรคพวกที่รู้จักมักคุ้น รวมไปถึงคนที่ไว้ใจอย่างเหมียวโหย่วฟาง รวมตัวเป็นขบวนส่งเกี๊ยวรับเจ้าสาวที่มีขนาดไม่ใช่เล็กๆ

กองทัพป้องกันเมืองแบ่งขบวนออกสองข้างถนน เพื่อกั้นประชาชนที่ล้อมชมไว้ที่ริมถนน

ประชาชนต่างตะโกนเสียงดังว่า “ยินดีด้วยฆ้องเงินสวี่” “คู่สร้างคู่สมในรอบร้อยปี” และถ้อยคำอื่นๆ ด้วยความตื่นเต้นผิดปกติ

ในสายตาของพวกเขาแล้ว การที่ฆ้องเงินสวี่สมรสกับองค์หญิงของราชวงศ์ นี่เป็นการประสานกันอย่างแน่นแฟ้น และกระชับอำนาจของต้าฟ่งให้มั่นคงตลอดไป

ทั้งนี้ นอกจากองค์หญิงที่มีสถานะสูงส่งแล้ว ยังมีผู้ใดเหมาะสมกับฆ้องเงินสวี่อีก

แต่ก็มีบางคนผิดหวังอย่างมากกับเรื่องนี้

“ฆ้องเงินสวี่ต้องแต่งกับองค์หญิงแล้ว เฮ้อ ดูท่าลูกสาวบ้านข้าคงไม่ได้เป็นภรรยาหลวงแล้ว”

“แม้ลูกสาวเจ้าจะหน้าตาสวย แต่เป็นเพียงสาวใช้ฆ้องเงินสวี่คงไม่ชอบ เจ้าเพ้อฝันไปเถอะ เหนียนฟางน้องสาวบ้านข้ายี่สิบแปดปี หน้าตางดงามราวดอกไม้ เฮ้อ น่าเสียดายที่ฆ้องเงินสวี่มองไม่เห็นไข่มุกแวววาวที่จมฝังอยู่ใต้ผืนทรายลูกนี้”

“นั่นยังไม่ง่าย เจ้าส่งน้องสาวบ้านตนไปที่สำนักสังคีต ในเมื่องดงามเช่นนั้น ชิงคณิกามาสักคนคงไม่อยากหรอกมั้ง ฆ้องเงินสวี่คงเห็นแล้ว ใครบ้างไม่รู้ว่าฆ้องเงินสวี่ชอบมั่วสุ่มกับคณิกาเป็นที่สุด”

ผู้คนรอบข้างต่างหัวเราะพร้อมกันยกใหญ่

จากนั้นทั้งสองก็วิวาทกัน แต่ก็ถูกห้ามปรามโดยกองทัพป้องกันเมืองอย่างรวดเร็ว และกลับสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย

จูกว่างเสี้ยวมองเงาที่ทอดตรงซึ่งสวมเสื้อผ้าธรรมดาตรงหน้า และเอ่ยกับซ่งถิงเฟิงที่อยู่ข้างๆ ด้วยเสียงเบาๆ ว่า

“ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่า หนิงเยี่ยนจะแต่งกับฝ่าบาทฮว๋ายชิ่ง”

ขณะที่สวี่ชีอันยังเป็นฆ้องทองแดงฆ้องเงิน ตอนที่พบว่าไปพระราชวัง ล้วนให้เหตุผลว่ามาพบฮว๋ายชิ่ง แม้จะบอกว่ามั่วสุมกับฮว๋ายชิ่งในที่ลับไม่น้อย แต่ในสายตาของจูกว่างเสี้ยว สวี่หนิงเยี่ยนใกล้ชิดกับฮว๋ายชิ่งอย่างเห็นได้ชัด

ตอนที่สืบสวนคดีก่อนหน้านี้ ก็วิ่งไปจวนฮว๋ายชิ่งแทบทุกวัน

ซ่งถิงเฟิงยักคิ้วหลิ่วตา ยิ้มแหะๆ เอ่ยว่า

“ไม่สมรสกับฝ่าบาท ไม่ได้หมายความว่ามีความบริสุทธิ์ต่อกันกับฝ่าบาท”

จูกว่างเสี้ยวตกตะลึง เขาเอ่ยเบาๆ ว่า

“อย่าพูดจาเหลวไหลกับพระองค์ท่าน”

“กลัวอะไร หนิงเยี่ยนไม่สนใจหรอก” ซ่งถิงเฟิงบุ้ยปากไปยังเจ้าบ่าวตรงหน้า

คำพูดที่พวกเขากล่าว หลบปากของสวี่หนิงเยี่ยนไม่พ้นอยู่แล้ว ในเมื่อเขาไม่สนใจ เช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าฝ่าบาทจะลงโทษอะไรแล้ว

แต่คำพูดถัดไป ซ่งถิงเฟิงไม่กล้ากล่าวอย่างโจ่งแจ้งแล้ว เขาเอ่ยเล่าต่อว่า

“ข้าได้ยินว่า พักนี้ในราชสำนักมีคนเสนอเรื่องแต่งตั้งองค์รัชทายาทเพื่อรากฐานของประเทศชาติ บัณฑิตกลุ่มนั้นให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ที่สุด”

จูกว่างเสี้ยวเอ่ยอย่างเย็นชาว่า

“ด้วยความสามารถของฝ่าบาท เพียงลงมือเล็กน้อยก็สามารถข่มเสียงพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง