ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 814

บทที่ 814 คนเปิดประเด็นและคนยุยง

สุริยาค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก สวี่ชีอันสวมเครื่องแบบราชบุตรเขยอย่างเป็นทางการยืนรอต้อนรับแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงอยู่ที่หน้าประตูพร้อมด้วยทาสรับใช้ในจวนจำนวนหนึ่งและอารอง

ไม่นาน เขาก็ได้พบกับกลุ่มคนที่คุ้นเคยอย่างนายอำเภอจูประจำที่ว่าการอำเภอฉางเล่อ ผู้คุมหลี่และหัวหน้ามือปราบหวัง

สิ่งที่แวบขึ้นมาในสมองของสวี่ชีอันในช่วงแรกที่เขามาต้าฟ่งคือ หัวหน้ามือปราบหวังและผู้คุมหลี่ต้องเป็นผู้จุดประกายแสงสว่างในด้านความบันเทิงเริงรมย์ให้กับเขาเป็นแน่ ช่วงเวลานั้น พี่หวังและพี่หลี่เสียเงินทุกวัน…

“ข้าน้อยจูหมิง แสดงความเคารพฆ้องเงินสวี่ขอรับ”

นายอำเภอจูก้าวขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและก้มโค้งคำนับ

หัวหน้ามือปราบหวังและคนอื่นๆ ก็แสดงความเคารพอย่างระมัดระวังเช่นกัน

สวี่ชีอันต้อนรับพวกเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดยังรออยู่ที่ว่าการอำเภอฉางเล่อเล่า? ท่านจู ราชสำนักสนับสนุนทหารมานับร้อยปีก็เพื่อให้พวกเจ้าทุ่มเทแรงกายแรงใจและสติปัญญาทั้งหมดเพื่อประเทศชาติ เช่นนั้นจะท้อถอยหรือหย่อนหน้าที่มิได้”

นายอำเภอจูที่มีจิตใจเบิกบานพยายามระงับความปีติภายในจิตใจ และโค้งคำนับกล่าวว่า “ฆ้องเงินสวี่สั่งสอนถูกต้องแล้วขอรับ”

หลังจากสนทนากันครู่หนึ่ง นายอำเภอจูพร้อมด้วยหัวหน้ามือปราบหวังและคนอื่นๆ ก็ตามทาสรับใช้จวนตระกูลสวี่เข้าไปในจวน

จังหวะก้าวเท้าของท่านจูแทบจะลอยขึ้นไปบนอากาศ เขาทุ่มเททำงานหนักที่อำเภอฉางเล่อมาหลายปี แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังมองไม่เห็นความหวังในการเลื่อนขั้น แต่สิ่งที่ฆ้องเงินสวี่พูดเมื่อครู่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของเขานั่นเอง

หลังจากต้อนรับทุกคนจากอำเภอฉางเล่อแล้ว ไม่นานสวี่ชีอันก็ต้อนรับการมาถึงของแขกกลุ่มที่สอง รถม้าขนาดใหญ่และหรูหราจอดลงที่ริมถนน คนขับนำเก้าอี้เตี้ยมาวางบริเวณทางลง จากนั้นก็มีคนสามคนทยอยลงมาจากตู้รถทีละคน…หวางซือมู่และคุณชายตระกูลหวังสองท่าน

“ท่านพ่อไม่สบาย ไม่สะดวกออกเดินทางต่างถิ่น จึงให้พวกเราสามพี่น้องรุดหน้ามาแสดงความยินดีกับการแต่งงานของฆ้องเงินสวี่” หวางซือมู่แสดงความเคารพคู่ลุงหลานทั้งสองอย่างนอบน้อม

“พี่น้องแตกแยกกันแล้ว เรียกพี่ใหญ่ก็ได้ เชิญเข้าด้านในเถอะ” สวี่ชีอันเดินนำหวางซือมู่เข้าไปด้านในด้วยท่าทีกระตือรือร้นและใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ข้าจัดที่นั่งพิเศษให้สำหรับพี่น้องแล้ว อย่าได้ปฏิเสธ”

ใบหน้าหวางซือมู่ยิ้มเล็กน้อย แต่ในใจกลับจมดิ่งลงอย่างอธิบายไม่ถูก นางรู้สึกว่ารอยยิ้มของสวี่ชีอันเป็นรอยยิ้มลวงโลกที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

เขาเพิ่งปล่อยให้ทาสรับใช้พาหวางซือมู่และพี่ชายทั้งสองเข้าไปในจวน เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าอารองกำลังต้อนรับการมาของแขกกลุ่มที่สาม

นั่นคือเจ้าลัทธิและผู้ช่วยเจ้าลัทธิ ในบรรดาผู้ที่สวมผ้าปิดหน้า เซียวเยว่หนูที่สวมกระโปรงยาวสุ่มดูสะดุดมากที่สุด ถึงแม้จะไม่เห็นรูปลักษณ์ภายนอก แต่ท่าทีและบุคลิกของนางก็ยังดูโดดเด่นมาก

หลังจากที่พวกเขาได้รับเชิญก็รีบมุ่งหน้ามาที่เมืองหลวงล่วงหน้าหลายวันและพักอยู่ในศาลาพักม้าที่เมืองหลวงมาโดยตลอด

ตอนนี้เจ้าลัทธิและผู้ช่วยเจ้าลัทธิเหล่านี้ต่างก็มีตำแหน่งในราชการแล้ว ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจ แต่การมีตำแหน่งราชการเป็นฉากบังหน้าก็สามารถเดินทางไปทุกที่ได้อย่างสะดวกและสามารถเข้าไปอยู่ในศาลาพักม้าได้

“ท่านผู้อาวุโสโค่วไม่มารึ?”

ถึงแม้สวี่ชีอันจะคาดการณ์ไว้นานแล้วแต่ก็ยังคงวางมาดไม่พอใจ

“ท่านผู้อาวุโสโค่วปิดด่านปลีกวิเวกแล้วเจ้าค่ะ ก็เลยไหว้วานให้พวกเรามาแสดงความยินดีกับฆ้องเงินสวี่เจ้าค่ะ” เซียวเยว่หนูกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

สวี่ชีอันชายตามองนางพลางพยักหน้ารับและกล่าวว่า “เชิญทุกท่านเข้าด้านในเถิด!”

เขาไม่พูดอะไรอีกและให้ทาสรับใช้นำทางกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ทุกคนเข้าไปในจวน เพราะเขาเห็นซ่งชิงและฉู่ไฉ่เวยจากสำนักโหราจารย์ รวมทั้งหยางเชียนฮ่วนที่กำลังยืนหันหลังให้จวนตระกูลสวี่และใช้ค่ายกลส่งตัวระยะสั้นแทนการเดิน

“ศิษย์พี่ซ่ง ศิษย์พี่หยาง ไฉ่เวย พวกเจ้ามาแล้ว!”

สวี่ชีอันเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มและท่าทีกระตือรือร้น

ฉู่ไฉ่เวยมองเข้าไปหลายต่อหลายครั้งและกล่าวเสียงหวานว่า “เริ่มกินดื่มกันแล้วรึ?”

ซ่งชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์น้องไฉ่เวยหิวตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”

สุดยอดไปเลย นางเหมือนกับลี่น่าไม่มีผิด พวกเจ้าทั้งสามร่วมมือกันรึไง? สวี่ชีอันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “รอพระอาทิตย์ตกก่อน รอพระอาทิตย์ตกก่อน”

ซ่งชิงกล่าวเสียงทุ้ม “งานแต่งงานคุณชายสวี่ทั้งที ทำไมไม่ให้ข้ามอบของขวัญเล่า?”

ข้าจะกล้ารับของที่เจ้ามอบให้รึ? หากไม่ใช่ของเล่นแร่แปรธาตุแปลกๆ ก็คงจะเป็นตุ๊กตาในรูปแบบคนจริงๆ นั่นแหละ…ในทะเลสมองของสวี่ชีอันเต็มไปด้วยความคิดไม่ดี เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ด้วยมิตรภาพของพวกเราแล้ว ศิษย์พี่ซ่งไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอก”

ในที่สุดก็ถึงตาของหยางเชียนฮ่วนแล้ว เขากระแอมในลำคอและกล่าวด้วยท่วงทำนองเสนาะหูว่า “สองมือไขว่คว้าเดือนดารา โลกนี้ยากจะหา…”

พูดยังไม่ทันจบ สวี่ชีอันก็ขัดจังหวะเขาขึ้นมา “ศิษย์พี่ซ่ง ศิษย์น้องหญิงฉู่ไฉ่ เข้าไปเถอะ เข้าไปเถอะ! ศิษย์พี่จงรอพวกเจ้าอยู่ด้านในแล้ว เอ๋? นั่นศิษย์พี่หยางไม่ใช่รึ ทำไมยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเล่า”

‘ไอ้สุนัขหัวขโมย วันนี้ข้าจะชำระบัญชีแค้นทั้งเก่าและใหม่กับเจ้าซะ รอข้าเถอะ’…หยางเชียนฮ่วนสาบานอย่างลับๆ พลางตามซ่งชิงและฉู่ไฉ่เวยเข้าไปในจวนพร้อมกับแสงไฟกะพริบวาววับ

หลังจากส่งเหล่าลูกศิษย์ของท่านโหราจารย์แล้ว สวี่ชีอันก็มองไปยังสุดปลายถนน สีหน้าของเขาแข็งทื่อ ถอนหายใจช้าๆ พลางเดินเข้าไปต้อนรับ “เมี่ยวเจิน เทพบุตร ยินดีต้อนรับ”

หลี่เมี่ยวเจินแบกกระบี่ไว้ด้านหลัง สวมเสื้อคลุมลัทธิเต๋า พร้อมกับใบหน้าไร้ความรู้สึก

เทพบุตรทักทายด้วยรอยยิ้ม เขากล่าวแสดงความยินดีก่อน จากนั้นก็หันไปตำหนิหลี่เมี่ยวเจินว่า “ศิษย์น้องหญิง เจ้าทำหน้านิ่งเช่นนี้ใส่ใครกัน? หรือว่าการแต่งงานของฆ้องเงินสวี่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีรึ? หรือว่าฆ้องเงินสวี่และองค์หญิงหลินอันไม่ใช่คู่ที่สวรรค์บรรจงสร้างขึ้น? ฆ้องเงินสวี่เพิ่งช่วยชีวิตเจ้าไว้แท้ๆ เจ้ายังจะทำหน้านิ่งเช่นนี้ ช่างไม่รู้ประสีประสาอะไรเลยจริงๆ”

หลี่เมี่ยวเจินเหลือบตามองสวี่ชีอันและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ขอแสดงความยินดีด้วยที่ในที่สุดฆ้องเงินสวี่ก็ได้หัวใจขององค์หญิงผู้งดงาม!”

น้อยครั้งที่นางจะมีรอยยิ้มที่ดูเหมือนไม่ยิ้ม

หลี่หลิงซู่กล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “ประเดี๋ยวตอนที่ปลุกห้องเจ้าสาว ศิษย์น้องหญิงต้องออมมือด้วยล่ะ”

ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ หลี่หลิงซู่และหยางเชียนฮ่วนกำลังกลั้นความคิดไม่ดีไว้จริงๆ…สวี่ชีอันยิ้มเยาะในใจพร้อมกับส่งศิษย์พี่น้องเข้าไปในจวน

แขกเหรื่อมาถึงทีละกลุ่มๆ จนกระทั่งม่านราตรีค่อยๆ เข้ามาปกคลุมอย่างช้าๆ

เมื่อโคมที่ประดับแสงสีอันงดงามสว่างขึ้น ในที่สุดเขาก็เห็นรถม้าของเว่ยเยวียนค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามา คนขับรถม้าคือหนานกงที่มีท่วงท่าราวกับสตรี ฆ้องทองคำอย่างเจียงลวี่จงและจางไคไท่ขี่ม้าขนาบอยู่ทั้งสองข้าง ด้านหลังคือเหล่าฆ้องเงินและฆ้องทองแดง

สวี่ชีอันสูดลมหายใจเข้าเพื่อเริ่มการเข้าไปต้อนรับ

หนานกงเชี่ยนโหรวจอดรถม้าที่ริมถนน เมื่อเห็นเขามาก็หลีกทางโดยอัตโนมัติ

‘ตอนนี้ข้าไม่มีความสามารถที่จะจัดการกับบุคคลนี้ได้แล้ว’

สวี่ชีอันวางเก้าอี้เตี้ยลง เปิดประตูรถม้า พาเว่ยเยวียนลงมาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เว่ยกง ข้าน้อยรอท่านมานานแล้ว”

โดยปกติแล้วเว่ยเยวียนจะไม่เข้าร่วมทั้งงานมงคลและงานอวมงคลต่างๆ แต่สำหรับการแต่งงานของสวี่ชีอันแล้ว เขาต้องมาแน่นอน

หลังจากเว่ยเยวียนลงจากรถม้า เขาก็หันไปมองในตู้รถด้านหลัง

ในตู้รถ มีใบหน้าเย็นชาที่แสนจะงดงามราวกับรูปวาดปรากฏขึ้น นางสวมชุดของบุรุษและไม่แต่งหน้า แต่ก็ไม่ได้ลอดทอนความงามตามธรรมชาติของนางลงแม้แต่น้อย

ตั้งแต่สมัยโบราณ หญิงงามที่สวมเสื้อผ้าของบุรุษล้วนมีท่วงทำนองที่น่าประทับใจ

สีหน้าของสวี่ชีอันค่อยๆ แข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ “ฝ่าบาท?”

เขาพูดในใจว่า ในฐานะที่เจ้าเป็นถึงผู้กุมอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน ทำไมไม่รออยู่ที่พระราชวัง มาเข้าร่วมงานแต่งงานทำไมกัน?

นี่มันผิดมารยาท!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง