ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 841

สรุปบท บทที่ 841 งานประชุมคัดเลือกโหราจารย์: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

สรุปเนื้อหา บทที่ 841 งานประชุมคัดเลือกโหราจารย์ – ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดย Internet

บท บทที่ 841 งานประชุมคัดเลือกโหราจารย์ ของ ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 841 งานประชุมคัดเลือกโหราจารย์

……….

เมื่อสิ้นเสียงผู้พิทักษ์หยวน กลิ่นดินปืนบนแท่นแปดทิศก็ชัดเจนขึ้นอย่างมาก ในขณะที่หยางเชียนฮ่วนกำลังจะออกหน้าจู่โจม จู่ๆ ศีรษะภายใต้หมวกคลุมก็หันไปมองทางเมืองหลวงอย่างกะทันหัน

ซ่งชิงและคนอื่นๆ ก็เคลื่อนไหวเช่นเดียวกันกับเขา

ร่างสองร่างโผล่ขึ้นมากะทันหันพร้อมกับเสียงคำรามของสายลม ก่อนจะแล่นลงบนแท่นแปดทิศของสำนักโหราจารย์

บุคคลทางด้านซ้ายสวมชุดสีเขียวปักลายเมฆ รองเท้าบูตหนังวัว มีหยกชั้นดีห้อยอยู่ที่เอว รูปลักษณ์ภายนอกทั้งหล่อเหลาและสง่างามอย่างมาก ส่วนบุคคลทางด้านขวาสวมชุดลำลองสีทองอร่าม แต่งตัวในภาพลักษณ์ของชายหนุ่มที่ดูน่าเกรงขามและสง่างามเช่นเดียวกัน

สวี่ชีอันและฮว๋ายชิ่งมาดูแลสถานการณ์โดยรวม (ชมการแสดง)

เมื่อเห็นทั้งสองมาด้วยกัน เหล่าโหรชุดขาวก็คึกคักขึ้นมาทันทีและค่อยๆ เริ่มสนทนากัน

“ฝ่าบาทและคุณชายสวี่มาแล้ว เยี่ยมเลย ในที่สุดก็มีคนมาดูแลสถานการณ์โดยรวม”

เหล่าโหรชุดขาวที่อยู่ด้านหลังซุนเสวียนจีพูดกันอย่างสนุกสนาน

“ฮึ่ย ฆ้องเงินสวี่เป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ในขอบเขตนักเล่นแร่แปรธาตุของพวกเรา เขาจะต้องจัดการให้ศิษย์พี่ซ่งรับตำแหน่งโหราจารย์อย่างแน่นอน”

เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุมั่นใจอย่างมาก

“ฆ้องเงินสวี่มีความสัมพันธ์อันคลุมเครือกับศิษย์พี่จงของพวกเรา ตำแหน่งโหราจารย์จะเป็นของใคร คงไม่ต้องให้ข้าพูดมากกระมัง”

เหล่าผู้สนับสนุนจงหลีกล่าว

มีบางคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ในที่สุดฆ้องเงินสวี่ก็มาแล้ว พวกเราไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนอีกต่อไป”

ถึงอย่างไรการเชิญศิษย์พี่จงมาเข้าร่วมงานประชุมใหญ่เช่นนี้ก็เป็นการกระทำที่เสี่ยงมาก ไม่แน่ว่าวินาทีต่อไปอาจจะมีเหตุการณ์แตกตื่นในหมู่มนุษย์ เหตุการณ์แตกตื่นในหมู่โหรของสำนักโหราจารย์ หรือเหตุการณ์อุกกาบาตพุ่งชนแท่นแปดทิศ…

“น่ารังเกียจ ฆ้องเงินสวี่ช่วงชิงโอกาสศิษย์พี่หยางของพวกเรามาโดยตลอด เขาต้องไม่ยอมให้ศัตรูตัวฉกาจของตนเองนั่งตำแหน่งโหราจารย์อย่างแน่นอน”

เฮ้ เฮ้ ใครมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับจงหลี จะตัดสินความบริสุทธิ์โดยไม่มีหลักฐานได้อย่างไร…สวี่ชีอันกวาดสายตามองโหรชุดขาว หยุดครู่หนึ่งที่เด็กชายขี้ขลาดจำนวนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังฉู่ไฉ่เวยแล้วพูดในใจว่า ในที่สุดไฉ่เวยก็รับลูกศิษย์แล้วสินะ

เขากดมือลง จากนั้นเสียงดังเซ็งแซ่ของเหล่าโหรชุดขาวที่อยู่รอบๆ ก็สงบลง

“บอกแล้วไม่ใช่รึ เรื่องตำแหน่งโหราจารย์มีความสำคัญอย่างยิ่ง ฝ่าบาทต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินพระทัยและไม่ควรผลีผลาม” สวี่ชีอันกล่าวอย่างสบายๆ

หยางเชียนฮ่วนไอกระแอมและกล่าวช้าๆ ว่า “หากฟ้าไม่สร้างข้าหยางเชียนฮ่วน!”

เหล่าโหรชุดขาวที่ด้านหลังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน “ราชวงศ์ต้าฟ่งคงราวกับค่ำคืนอันยาวนาน”

หลังจากกล่าวคำขวัญแล้ว หยางเชียนฮ่วนก็กล่าวว่า “อาณาจักรมิอาจไร้ซึ่งกษัตริย์ได้แม้แต่วันเดียวฉันใด สำนักโหราจารย์ก็มิอาจไร้ซึ่งโหราจารย์ได้ฉันนั้น ข้ารู้ว่าฝ่าบาทยากที่จะตัดสินพระทัย ด้วยเหตุนี้ พวกเราจะตัดสินใจแทนฝ่าบาทเอง”

สวี่ชีอันกล่าวเตือนว่า “พวกเจ้าอย่าลืมว่าท่านโหราจารย์ยังไม่ตาย!”

สิ่งที่ตอบสนองเขาคือความเงียบของเหล่าโหรชุดขาว ทุกคนแสร้งทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน แสร้งทำเป็นมองทิวทัศน์รอบตัว

เยี่ยมไปเลย ข้ารู้สึกแทนโหราจารย์เลยว่าโลกมนุษย์ช่างมิคู่ควร…สวี่ชีอันไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกและหันไปมองฮว๋ายชิ่ง

หญิงแกร่งอันดับหนึ่งของต้าฟ่งพยักหน้าเล็กน้อย

สวี่ชีอันกล่าวทันทีว่า “พวกเจ้าคิดอย่างไร?”

ในที่สุดเขาก็มองออกว่าบรรดาเหล่าลูกศิษย์ของโหราจารย์ ไม่มีใครยอมรับใคร ในอดีตมีปรมาจารย์ลิขิตฟ้าคอยปราบปราม สถานการณ์โดยรวมจึงสงบและไม่มีเหตุทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและกัน

ตอนนี้ต้าฮวงพาท่านโหราจารย์ไปท่องรอบโลก ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้เมื่อใด ซึ่งบางทีก็อาจจะไม่กลับมาแล้วด้วยซ้ำ

เมื่อไร้ซึ่งการปราบปรามของโหราจารย์ กลุ่มโหรในสำนักโหราจารย์ก็เริ่มขัดแย้งกันภายใน

ซ่งชิงกล่าวเบาๆ ว่า “วันนี้พวกเราวางแผนที่จะเลือกคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งออกมาหนึ่งคน เพื่อรับตำแหน่งท่านโหราจารย์ คุณชายสวี่ ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องให้พวกท่านให้ความเป็นธรรมแล้ว”

โหรชุดขาวต่างก็ทยอยมองมาทีละคน ในมุมมองของพวกเขา ฆ้องเงินสวี่เป็นคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ให้เขาตัดสินตำแหน่งท่านโหราจารย์เป็นวิธีที่สมเหตุสมผลและน่าเชื่อถือที่สุดแล้ว

ฮว๋ายชิ่งกล่าวว่า “โหรของสำนักโหราจารย์แบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ ไม่มีใครยอมรับใคร ไม่รู้ว่าผลการเลือกจะออกมาวันใดปีใด ไม่ว่าใครจะเป็นโหราจารย์ก็มักจะมีคนไม่พอใจเสมอ เจ้ามีวิธีหรือไม่?”

จักรพรรดินีแสดงท่าทางราวกับว่า ‘เรื่องนี้ลึกซึ้งเกินไป ข้าควบคุมไม่ได้ ปล่อยให้เจ้าจัดการแล้วกัน’

สำหรับสำนักโหราจารย์ ฮว๋ายชิ่งรู้สึกปวดศีรษะจริงๆ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่เหมือนกับขุนนางในราชสำนักที่สามารถเจรจา ประนีประนอม หรือข่มขู่ได้

พวกโหรไม่ยอมรับอย่างสมบูรณ์

อำนาจของกษัตริย์ทำได้เพียงให้พวกเขาเคารพยำเกรงเท่านั้น แต่กลับไม่สามารถทำให้พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งได้

ว่ากันตามความจริง นางย่อมเลือกเพื่อนสนิทฉู่ไฉ่เวย แต่จากมุมมองของกษัตริย์ นางก็เชื่อว่าการเลือกซุนเสวียนจีจะเป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์โดยรวมมากกว่า

แต่ไม่ว่านางจะเลือกใคร คนอื่นๆ ก็ยอมทั้งสิ้น

“อันที่จริงข้ามีความคิดหนึ่ง สามารถลองได้” สวี่ชีอันตอบกลับ

ดวงตาของฮว๋ายชิ่งสว่างขึ้นเล็กน้อยและเฝ้ารออย่างเงียบๆ

สวี่ชีอันมองไปรอบๆ ก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อครู่ศิษย์พี่ซ่งก็บอกแล้ว คนที่รับตำแหน่งโหราจารย์ต้องมีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง แล้วคุณธรรมและบารมีสูงส่งหมายถึงอะไร? ในความเห็นของข้า คนที่ทุกคนแนะนำออกมาถึงจะเป็นคนที่ฝูงชนเลื่อมใสศรัทธาและไว้วางใจ ถึงจะเป็นคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง”

‘นี่มันคำพูดไร้สาระไม่ใช่รึ ถ้าเลือกได้แล้วพวกเราจะหาเจ้าทำไมกัน’…เหล่าโหรตำหนิในใจ

ฮว๋ายชิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้สวี่ชีอันจะโยนปัญหาที่รับมือยากกลับไปที่สำนักโหราจารย์ แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข

“ทุกคนไม่ต้องกังวล!”

สวี่ชีอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใครก็ตามที่อยากสืบทอดตำแหน่งโหราจารย์ล้วนสามารถยืนขึ้นมา ลองพูดโน้มน้าวเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องเพื่อให้สนับสนุนตนเองได้ ใครได้รับคะแนนสูงสุด คนนั้นก็จะเป็นโหราจารย์คนต่อไป เช่นนี้ ทุกคนก็ไม่ต้องถกเถียงกันอีกต่อไป”

โหรทุกคนได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีตื่นตัวมากขึ้น

พวกเขาเข้าใจว่าสวี่ชีอันหมายถึงอะไร อยากทำลายปัญหาอันหาข้อสรุปไม่ได้ก็ดึงศิษย์พี่ศิษย์น้องของฝ่ายอื่นมาเป็นผู้สนับสนุนของตัวเองให้ได้

แต่พวกเขารู้สึกตลกเล็กน้อย เพราะมีความดีความชอบมากเกินไป เลือกท่านโหราจารย์โดยผลประโยชน์ชั่วคราว หากเสียใจในอนาคตจะทำอย่างไร?

ถึงตอนนั้นก็คงเกิดปัญหาขึ้นเหมือนในตอนนี้

แน่นอนว่าฮว๋ายชิ่งก็นึกถึงสิ่งที่เหล่าโหรนึกถึง แต่นางไม่ได้แสดงความเห็นและรอติดตามผลต่อไป

สวี่ชีอันกล่าวต่อไปว่า “แต่จำเป็นต้องกำหนดช่วงเวลาไว้ โหราจารย์ที่ได้รับเลือกสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียงสามปี ซึ่งมีวาระละสามปี เมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้วก็จะมีการเลือกโหราจารย์คนใหม่อีกครั้ง”

ทันใดนั้นความกังวลสุดท้ายของเหล่าโหรก็คลี่คลายลง

ข้อเสนอของสวี่ชีอันได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากทุกคน

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครปฏิเสธ สวี่ชีอันก็กล่าวทันทีว่า “ขออภัยที่ต้องพูดตรงๆ ในฐานะที่ซุนเสวียนจีเป็นลูกศิษย์อันดับสองของท่านโหราจารย์ เป็นผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวของสำนักโหราจารย์ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นตบะหรือฐานะล้วนเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งโหราจารย์ที่ดีที่สุด ซุนเสวียนจี เจ้าออกมาพูดอะไรบ้างสิ!”

เมื่อกล่าวจบแล้ว เขาก็ได้รับสารจากผู้พิทักษ์หยวนว่า “ข้าควรทำอย่างไรดี?”

เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในเรื่องประเภทนี้ ศิษย์พี่ซุนจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรชั่วขณะ

สวี่ชีอันข้ามผู้พิทักษ์หยวนและส่งสารให้ซุนเสวียนจีโดยตรง “ให้สัญญากับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้อง จูงใจพวกเขา ทำให้พวกเขาสนับสนุนเจ้า”

ตัวอย่างเช่น ค่ารักษาพยาบาลฟรี ลดภาษีให้ต่ำกว่ามาตรฐาน สำนักโหราจารย์จะรับผิดชอบเรื่องการศึกษาของเด็ก…เขาคิดเสริมอยู่ในใจ

ซุนเสวียนจีพยักหน้าและก้าวออกไปพร้อมกับผู้พิทักษ์หยวน ฝ่ายหลังหันไปจ้องศิษย์พี่ซุนครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า จากนั้นก็กวาดสายตามองทุกคนที่อยู่รอบๆ พลางกล่าวเสียงดังว่า “ข้าขอสัญญาว่า ตราบใดที่ทุกคนสนับสนุนให้ข้าเป็นโหราจารย์ ข้าจะนำพาพวกเจ้าไปสู่ความรุ่งโรจน์ และจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของโหรหรือชื่อเสียงของโหราจารย์ต้องเสื่อมเสีย”

หลังจากกล่าวแล้ว ผู้พิทักษ์หยวนก็ถอยกลับไป

ลึกลงไปในมหาสมุทร สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่กำลัง ‘ลื่นไหล’ ไปอย่างเงียบๆ มันเหมือนกับศพไร้ชีวิต ไม่จำเป็นต้องพายน้ำ สายน้ำก็พัดพามันไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ

“เทพพ่อมด?”

โหราจารย์กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตามประวัติศาสตร์ เขาคือบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากการหายไปของปรมาจารย์เต๋า เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม”

ความเงียบและว่างเปล่าลอยไปอย่างเงียบๆ เสียงดังขึ้นเป็นแตรยาวว่า “เขาทำให้ข้านึกถึงใครบางคน เด็กที่น่าสนใจมากคนหนึ่ง ตอนนั้น ‘กว้า’ เลี้ยงดูมนุษย์ทาสคนหนึ่ง ‘กว้า’ ทำลายเผ่าของเขา ฆ่าพ่อของเขา เหยียดหยามข่มเขงแม่และพี่สาวน้องสาวของเขา แต่กลับไม่ฆ่าเขาและยังทรมานเขาทุกวันเพื่อความสนุกสนาน พวก ‘กว้า’ นี้ แม้แต่ในหมู่เทพปีศาจก็ยังเป็นพวกประหลาด เขาทำอะไรข้าก็ไม่แปลกใจ อาจเป็นเพราะกาลเวลาที่ยาวนาน ช่างน่าเบื่อจริงๆ แต่ต่อมาภายหลัง ข้าก็เพิ่งรู้ว่า ‘กว้า’ ได้ถ่ายทอดวิชาพยากรณ์ให้กับตานั่น อืม การดำรงอยู่ของผู้พิทักษ์ประตูก็เป็นผลการทำนายของ ‘กว้า’”

โหราจารย์กล่าวว่า “เจ้าสงสัยว่าเทพพ่อมดก็คือมนุษย์ทาสคนนั้น?”

น้ำเสียงไม่แยแสกล่าวว่า “มิเช่นนั้นวิชาพยากรณ์ของระบบพ่อมดไม่มีทางแข็งแกร่งเช่นนี้ แต่เทพพ่อมดก็อาจจะเป็นทายาทของมนุษย์ทาสคนนั้น ใครจะไปรู้ล่ะ ตอนแรกเขาเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ข้าคงไม่ไปใส่ใจอะไรกับมดตัวหนึ่ง”

โหราจารย์กล่าวหยอกล้อว่า “แต่หลังจากกาลเวลาผ่านไป มดตัวนั้นกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเจ้า ดูๆ ไปแล้ว ความจริงเทพพ่อมดมีอายุยาวนานกว่าปรมาจารย์เต๋าเสียอีก เพียงแต่ไม่มีความสามารถเท่าปรมาจารย์เต๋า”

เพราะมีอายุยืนยาวเหนือมนุษย์ จึงไม่น่าแปลกที่เทพพ่อมดจะเป็นผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ในสมัยปรมาจารย์เต๋า

เกิดความเงียบงันขึ้นเป็นเวลานาน เทพหนึ่งองค์กับมนุษย์หนึ่งคนไม่พูดอะไรอีก

จู่ๆ โหราจารย์ก็อ้าปากค้าง

“เป็นอะไร” ต้าฮวงถาม

“เมื่อครู่ข้าแค่กำลังคิดว่า หากต้องเลือกคนที่ค่อนข้างเชื่อถือได้คนหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์ทุกคนมารับตำแหน่งโหราจารย์ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนาง…” โหราจารย์กล่าวด้วยน้ำเสียงซับซ้อน

เมืองหลวง

สำนักโหราจารย์ บนแท่นแปดทิศ สวี่ชีอันคลี่กระดาษแผ่นสุดท้ายออกและกล่าวว่า “หยางเชียนฮ่วนมีคะแนนสะสมสี่สิบเสียง ซ่งชิงมีคะแนนสะสมห้าสิบห้าเสียง ซุนเสวียนจีมีคะแนนสะสมสี่สิบแปดเสียง จงหลีมีคะแนนสะสมสามสิบเสียง ฉู่ไฉ่เวยมีคะแนนสะสมหนึ่งร้อยยี่สิบสามเสียง ตำแหน่งโหราจารย์รุ่นที่สามเป็นของฉู่ไฉ่เวย ทุกคนปรบมือ!”

บนแท่นแปดทิศมีเพียงความเงียบ

ซ่งชิงมองไปด้านหน้าและนั่งนิ่ง

จงหลีเงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึงและหันไปมองฉู่ไฉ่เวยที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

ซุนเสวียนจียังคงเงียบไม่พูดไม่จา และไม่มีการแสดงออกใดๆ

หยางเชียนฮ่วนไม่เคลื่อนไหวใดๆ ราวกับรูปปั้นประติมากรรม

ฮว๋ายชิ่งก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ผู้ที่ได้รับตำแหน่งโหราจารย์จะเป็นฉู่ไฉ่เวย ซึ่งอ่อนแอที่สุดในบรรดาลูกศิษย์ของท่านโหราจารย์

สีหน้าของฉู่ไฉ่เวยเต็มไปด้วยความสับสน คิดในใจว่า ที่แท้ข้าก็ได้รับความเคารพในสำนักโหราจารย์มากมายขนาดนี้ เช่นนั้นข้าก็เป็นคนที่ได้รับความสนใจงั้นรึ?

ทำไมตัวข้าเองไม่รู้เลย

นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนาง…สวี่ชีอันถอนหายใจ ที่จริงเขาเดาออกนานแล้ว

ฮว๋ายชิ่งมีความคิดอันลึกซึ้ง เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเขาก็ส่งสารไปว่า

“เจ้าเดาออกรึ?”

สวี่ชีอันตอบกลับด้วยความไม่พอใจ “ไอ้พวกโง่ นอกจากไฉ่เวยแล้ว คนอื่นก็ไม่ฟังคำพูดข้าสักนิด”

ลงชิงตำแหน่งประธาน ไม่สิ ผู้นำ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการวาดฝัน

……………………………………………

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง