บทที่ 841 งานประชุมคัดเลือกโหราจารย์
……….
เมื่อสิ้นเสียงผู้พิทักษ์หยวน กลิ่นดินปืนบนแท่นแปดทิศก็ชัดเจนขึ้นอย่างมาก ในขณะที่หยางเชียนฮ่วนกำลังจะออกหน้าจู่โจม จู่ๆ ศีรษะภายใต้หมวกคลุมก็หันไปมองทางเมืองหลวงอย่างกะทันหัน
ซ่งชิงและคนอื่นๆ ก็เคลื่อนไหวเช่นเดียวกันกับเขา
ร่างสองร่างโผล่ขึ้นมากะทันหันพร้อมกับเสียงคำรามของสายลม ก่อนจะแล่นลงบนแท่นแปดทิศของสำนักโหราจารย์
บุคคลทางด้านซ้ายสวมชุดสีเขียวปักลายเมฆ รองเท้าบูตหนังวัว มีหยกชั้นดีห้อยอยู่ที่เอว รูปลักษณ์ภายนอกทั้งหล่อเหลาและสง่างามอย่างมาก ส่วนบุคคลทางด้านขวาสวมชุดลำลองสีทองอร่าม แต่งตัวในภาพลักษณ์ของชายหนุ่มที่ดูน่าเกรงขามและสง่างามเช่นเดียวกัน
สวี่ชีอันและฮว๋ายชิ่งมาดูแลสถานการณ์โดยรวม (ชมการแสดง)
เมื่อเห็นทั้งสองมาด้วยกัน เหล่าโหรชุดขาวก็คึกคักขึ้นมาทันทีและค่อยๆ เริ่มสนทนากัน
“ฝ่าบาทและคุณชายสวี่มาแล้ว เยี่ยมเลย ในที่สุดก็มีคนมาดูแลสถานการณ์โดยรวม”
เหล่าโหรชุดขาวที่อยู่ด้านหลังซุนเสวียนจีพูดกันอย่างสนุกสนาน
“ฮึ่ย ฆ้องเงินสวี่เป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ในขอบเขตนักเล่นแร่แปรธาตุของพวกเรา เขาจะต้องจัดการให้ศิษย์พี่ซ่งรับตำแหน่งโหราจารย์อย่างแน่นอน”
เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุมั่นใจอย่างมาก
“ฆ้องเงินสวี่มีความสัมพันธ์อันคลุมเครือกับศิษย์พี่จงของพวกเรา ตำแหน่งโหราจารย์จะเป็นของใคร คงไม่ต้องให้ข้าพูดมากกระมัง”
เหล่าผู้สนับสนุนจงหลีกล่าว
มีบางคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ในที่สุดฆ้องเงินสวี่ก็มาแล้ว พวกเราไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนอีกต่อไป”
ถึงอย่างไรการเชิญศิษย์พี่จงมาเข้าร่วมงานประชุมใหญ่เช่นนี้ก็เป็นการกระทำที่เสี่ยงมาก ไม่แน่ว่าวินาทีต่อไปอาจจะมีเหตุการณ์แตกตื่นในหมู่มนุษย์ เหตุการณ์แตกตื่นในหมู่โหรของสำนักโหราจารย์ หรือเหตุการณ์อุกกาบาตพุ่งชนแท่นแปดทิศ…
“น่ารังเกียจ ฆ้องเงินสวี่ช่วงชิงโอกาสศิษย์พี่หยางของพวกเรามาโดยตลอด เขาต้องไม่ยอมให้ศัตรูตัวฉกาจของตนเองนั่งตำแหน่งโหราจารย์อย่างแน่นอน”
เฮ้ เฮ้ ใครมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับจงหลี จะตัดสินความบริสุทธิ์โดยไม่มีหลักฐานได้อย่างไร…สวี่ชีอันกวาดสายตามองโหรชุดขาว หยุดครู่หนึ่งที่เด็กชายขี้ขลาดจำนวนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังฉู่ไฉ่เวยแล้วพูดในใจว่า ในที่สุดไฉ่เวยก็รับลูกศิษย์แล้วสินะ
เขากดมือลง จากนั้นเสียงดังเซ็งแซ่ของเหล่าโหรชุดขาวที่อยู่รอบๆ ก็สงบลง
“บอกแล้วไม่ใช่รึ เรื่องตำแหน่งโหราจารย์มีความสำคัญอย่างยิ่ง ฝ่าบาทต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินพระทัยและไม่ควรผลีผลาม” สวี่ชีอันกล่าวอย่างสบายๆ
หยางเชียนฮ่วนไอกระแอมและกล่าวช้าๆ ว่า “หากฟ้าไม่สร้างข้าหยางเชียนฮ่วน!”
เหล่าโหรชุดขาวที่ด้านหลังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน “ราชวงศ์ต้าฟ่งคงราวกับค่ำคืนอันยาวนาน”
หลังจากกล่าวคำขวัญแล้ว หยางเชียนฮ่วนก็กล่าวว่า “อาณาจักรมิอาจไร้ซึ่งกษัตริย์ได้แม้แต่วันเดียวฉันใด สำนักโหราจารย์ก็มิอาจไร้ซึ่งโหราจารย์ได้ฉันนั้น ข้ารู้ว่าฝ่าบาทยากที่จะตัดสินพระทัย ด้วยเหตุนี้ พวกเราจะตัดสินใจแทนฝ่าบาทเอง”
สวี่ชีอันกล่าวเตือนว่า “พวกเจ้าอย่าลืมว่าท่านโหราจารย์ยังไม่ตาย!”
สิ่งที่ตอบสนองเขาคือความเงียบของเหล่าโหรชุดขาว ทุกคนแสร้งทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน แสร้งทำเป็นมองทิวทัศน์รอบตัว
เยี่ยมไปเลย ข้ารู้สึกแทนโหราจารย์เลยว่าโลกมนุษย์ช่างมิคู่ควร…สวี่ชีอันไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกและหันไปมองฮว๋ายชิ่ง
หญิงแกร่งอันดับหนึ่งของต้าฟ่งพยักหน้าเล็กน้อย
สวี่ชีอันกล่าวทันทีว่า “พวกเจ้าคิดอย่างไร?”
ในที่สุดเขาก็มองออกว่าบรรดาเหล่าลูกศิษย์ของโหราจารย์ ไม่มีใครยอมรับใคร ในอดีตมีปรมาจารย์ลิขิตฟ้าคอยปราบปราม สถานการณ์โดยรวมจึงสงบและไม่มีเหตุทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและกัน
ตอนนี้ต้าฮวงพาท่านโหราจารย์ไปท่องรอบโลก ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้เมื่อใด ซึ่งบางทีก็อาจจะไม่กลับมาแล้วด้วยซ้ำ
เมื่อไร้ซึ่งการปราบปรามของโหราจารย์ กลุ่มโหรในสำนักโหราจารย์ก็เริ่มขัดแย้งกันภายใน
ซ่งชิงกล่าวเบาๆ ว่า “วันนี้พวกเราวางแผนที่จะเลือกคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งออกมาหนึ่งคน เพื่อรับตำแหน่งท่านโหราจารย์ คุณชายสวี่ ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องให้พวกท่านให้ความเป็นธรรมแล้ว”
โหรชุดขาวต่างก็ทยอยมองมาทีละคน ในมุมมองของพวกเขา ฆ้องเงินสวี่เป็นคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ให้เขาตัดสินตำแหน่งท่านโหราจารย์เป็นวิธีที่สมเหตุสมผลและน่าเชื่อถือที่สุดแล้ว
ฮว๋ายชิ่งกล่าวว่า “โหรของสำนักโหราจารย์แบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ ไม่มีใครยอมรับใคร ไม่รู้ว่าผลการเลือกจะออกมาวันใดปีใด ไม่ว่าใครจะเป็นโหราจารย์ก็มักจะมีคนไม่พอใจเสมอ เจ้ามีวิธีหรือไม่?”
จักรพรรดินีแสดงท่าทางราวกับว่า ‘เรื่องนี้ลึกซึ้งเกินไป ข้าควบคุมไม่ได้ ปล่อยให้เจ้าจัดการแล้วกัน’
สำหรับสำนักโหราจารย์ ฮว๋ายชิ่งรู้สึกปวดศีรษะจริงๆ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่เหมือนกับขุนนางในราชสำนักที่สามารถเจรจา ประนีประนอม หรือข่มขู่ได้
พวกโหรไม่ยอมรับอย่างสมบูรณ์
อำนาจของกษัตริย์ทำได้เพียงให้พวกเขาเคารพยำเกรงเท่านั้น แต่กลับไม่สามารถทำให้พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งได้
ว่ากันตามความจริง นางย่อมเลือกเพื่อนสนิทฉู่ไฉ่เวย แต่จากมุมมองของกษัตริย์ นางก็เชื่อว่าการเลือกซุนเสวียนจีจะเป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์โดยรวมมากกว่า
แต่ไม่ว่านางจะเลือกใคร คนอื่นๆ ก็ยอมทั้งสิ้น
“อันที่จริงข้ามีความคิดหนึ่ง สามารถลองได้” สวี่ชีอันตอบกลับ
ดวงตาของฮว๋ายชิ่งสว่างขึ้นเล็กน้อยและเฝ้ารออย่างเงียบๆ
สวี่ชีอันมองไปรอบๆ ก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อครู่ศิษย์พี่ซ่งก็บอกแล้ว คนที่รับตำแหน่งโหราจารย์ต้องมีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง แล้วคุณธรรมและบารมีสูงส่งหมายถึงอะไร? ในความเห็นของข้า คนที่ทุกคนแนะนำออกมาถึงจะเป็นคนที่ฝูงชนเลื่อมใสศรัทธาและไว้วางใจ ถึงจะเป็นคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง”
‘นี่มันคำพูดไร้สาระไม่ใช่รึ ถ้าเลือกได้แล้วพวกเราจะหาเจ้าทำไมกัน’…เหล่าโหรตำหนิในใจ
ฮว๋ายชิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้สวี่ชีอันจะโยนปัญหาที่รับมือยากกลับไปที่สำนักโหราจารย์ แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
“ทุกคนไม่ต้องกังวล!”
สวี่ชีอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใครก็ตามที่อยากสืบทอดตำแหน่งโหราจารย์ล้วนสามารถยืนขึ้นมา ลองพูดโน้มน้าวเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องเพื่อให้สนับสนุนตนเองได้ ใครได้รับคะแนนสูงสุด คนนั้นก็จะเป็นโหราจารย์คนต่อไป เช่นนี้ ทุกคนก็ไม่ต้องถกเถียงกันอีกต่อไป”
โหรทุกคนได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีตื่นตัวมากขึ้น
พวกเขาเข้าใจว่าสวี่ชีอันหมายถึงอะไร อยากทำลายปัญหาอันหาข้อสรุปไม่ได้ก็ดึงศิษย์พี่ศิษย์น้องของฝ่ายอื่นมาเป็นผู้สนับสนุนของตัวเองให้ได้
แต่พวกเขารู้สึกตลกเล็กน้อย เพราะมีความดีความชอบมากเกินไป เลือกท่านโหราจารย์โดยผลประโยชน์ชั่วคราว หากเสียใจในอนาคตจะทำอย่างไร?
ถึงตอนนั้นก็คงเกิดปัญหาขึ้นเหมือนในตอนนี้
แน่นอนว่าฮว๋ายชิ่งก็นึกถึงสิ่งที่เหล่าโหรนึกถึง แต่นางไม่ได้แสดงความเห็นและรอติดตามผลต่อไป
สวี่ชีอันกล่าวต่อไปว่า “แต่จำเป็นต้องกำหนดช่วงเวลาไว้ โหราจารย์ที่ได้รับเลือกสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียงสามปี ซึ่งมีวาระละสามปี เมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้วก็จะมีการเลือกโหราจารย์คนใหม่อีกครั้ง”
ทันใดนั้นความกังวลสุดท้ายของเหล่าโหรก็คลี่คลายลง
ข้อเสนอของสวี่ชีอันได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากทุกคน
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครปฏิเสธ สวี่ชีอันก็กล่าวทันทีว่า “ขออภัยที่ต้องพูดตรงๆ ในฐานะที่ซุนเสวียนจีเป็นลูกศิษย์อันดับสองของท่านโหราจารย์ เป็นผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวของสำนักโหราจารย์ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นตบะหรือฐานะล้วนเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งโหราจารย์ที่ดีที่สุด ซุนเสวียนจี เจ้าออกมาพูดอะไรบ้างสิ!”
เมื่อกล่าวจบแล้ว เขาก็ได้รับสารจากผู้พิทักษ์หยวนว่า “ข้าควรทำอย่างไรดี?”
เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในเรื่องประเภทนี้ ศิษย์พี่ซุนจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรชั่วขณะ
สวี่ชีอันข้ามผู้พิทักษ์หยวนและส่งสารให้ซุนเสวียนจีโดยตรง “ให้สัญญากับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้อง จูงใจพวกเขา ทำให้พวกเขาสนับสนุนเจ้า”
ตัวอย่างเช่น ค่ารักษาพยาบาลฟรี ลดภาษีให้ต่ำกว่ามาตรฐาน สำนักโหราจารย์จะรับผิดชอบเรื่องการศึกษาของเด็ก…เขาคิดเสริมอยู่ในใจ
ซุนเสวียนจีพยักหน้าและก้าวออกไปพร้อมกับผู้พิทักษ์หยวน ฝ่ายหลังหันไปจ้องศิษย์พี่ซุนครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า จากนั้นก็กวาดสายตามองทุกคนที่อยู่รอบๆ พลางกล่าวเสียงดังว่า “ข้าขอสัญญาว่า ตราบใดที่ทุกคนสนับสนุนให้ข้าเป็นโหราจารย์ ข้าจะนำพาพวกเจ้าไปสู่ความรุ่งโรจน์ และจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของโหรหรือชื่อเสียงของโหราจารย์ต้องเสื่อมเสีย”
หลังจากกล่าวแล้ว ผู้พิทักษ์หยวนก็ถอยกลับไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง