ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 842

บทที่ 842 โหราจารย์คนใหม่

……….

สุนทรพจน์ของซุนเสวียนจีเป็นเหมือนคำปราศรัยของผู้นำที่ว่างเปล่าและหลอกลวง นอกจากพวกเด็กโง่ที่เต็มไปด้วยความหลงใหลและยังขาดประสบการณ์ ก็ไม่มีใครฟังและยิ่งไม่มีใครให้ความสนใจ

จงหลีสละสิทธิ์ ยิ่งไม่ต้องพูดอะไรมาก นางมีคะแนนเสียงถึงสามสิบเสียง ฝ่ายที่โชคร้ายมีความจงรักภักดีมากอยู่แล้ว

หยางเชียนฮ่วนก็มุ่งแต่จะโอ้อวดภาพลักษณ์ เขาคิดจริงๆ หรือว่าจะสามารถพิชิตศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหมดได้โดยอาศัยสมองส่วนหลัง

ซ่งชิงโน้มน้าววาดฝันและให้สัญญาแล้ว แต่เขามุ่งเป้าเพียงแค่กลุ่มของตนเองเท่านั้น นั่นก็คือ นักเล่นแร่แปรธาตุ

เคล็ดวิชาเล่นแร่แปรธาตุเป็นเพียงแขนงหนึ่งของขอบเขตโหร และไม่ใช่โหรทุกคนที่จะหมกมุ่นอยู่กับการเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งการใช้เงินทั้งหมดไปกับการสนับสนุนการทดลองเล่นแร่แปรธาตุ คนอื่นก็ต้องกังวลเกี่ยวกับการที่พวกเจ้าทำให้เงินในคลังของสำนักโหราจารย์หมดไป

เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับการกลั่นยาอายุวัฒนะ จะทำอย่างไรกับการซื้อยา ค่าอาหารและเครื่องนุ่งห่มเล่า?

มีเพียงคำสัญญาของฉู่ไฉ่เวยเท่านั้นที่ผิวเผินฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลกและไร้สาระ แต่ในความเป็นจริงกลับครอบคลุมกว้างที่สุดและมีพลังจูงใจมากที่สุด

เป็นมนุษย์ก็ต้องกิน อาหารเป็นสิ่งสำคัญเทียมฟ้า มนุษย์ไม่มีทางต่อต้านอาหารอันเลิศรส แม้แต่ซ่งชิงที่หมกมุ่นอยู่กับการเล่นแร่แปรธาตุก็ยังบ่นทุกวันว่าอาหารที่ครัวของสำนักโหราจารย์ปรุงยังอร่อยไม่พอไม่ใช่รึ?

ดังนั้นต่อหน้าเหล่าโหรจึงหัวเราะเยาะศิษย์น้องไฉ่เวย แต่ตัวส่วนก็ลงคะแนนเสียงให้นาง

“เจ้าโกง!”

หยางเชียนฮ่วนไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงนี้ได้ จึงตะโกนเสียงดังว่า “สวี่หนิงเยี่ยน เจ้าต้องร่วมมือกันโกงกับฝ่าบาทแน่นอน จะมีคนเลือกศิษย์น้องฉู่ไฉ่เวยได้อย่างไร?! ให้ศิษย์น้องฉู่ไฉ่เวยเป็นโหราจารย์ สำนักโหราจารย์ของข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แม้แต่แบกรับชีวิตของสรรพสัตว์นางก็ยังทำไม่ได้”

“ข้าเสนอให้มีการลงคะแนนเลือกใหม่อีกครั้ง!”

สวี่ชีอันกล่าวเสียงเบาว่า “ข้อเสนอไม่มีผล กระบวนการลงคะแนนยุติธรรมและเปิดเผย ไม่มีการโกง ทุกคนเป็นผู้ลงคะแนนเอง พวกเจ้าเลือกใครย่อมรู้แจ้งแก่ใจดี”

เหล่าโหรชุดขาวมองหน้ากันและไม่พูดอะไร

“หรือว่าคำสัญญาของข้าไม่ดีเท่าศิษย์น้องไฉ่เวยอย่างนั้นรึ? หรือว่าพวกเจ้าไม่อยากใช้เงินเป็นกอบเป็นกำ? ตกลงพวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

ต้องการอะไร? ข้าคิดว่าหากเมื่อครู่เจ้าพูดว่า “ถ้าทุกคนเลือกข้า ข้าจะมอบภรรยาให้พวกเจ้าทุกคน” เช่นนั้นตำแหน่งโหราจารย์ถ้าไม่ใช่ของเจ้าจะเป็นของใครไปได้…สวี่ชีอันตำหนิเงียบๆ

หยางเชียนฮ่วนที่สวมหมวกคลุมหันมาเผชิญหน้ากับ ‘พรรคสมองส่วนหลัง’ แล้วกล่าวตวาดด้วยความโกรธว่า “ไอ้พวกคนทรยศ สรุปแล้วใครกันแน่ที่เลือกศิษย์น้องฉู่ไฉ่เวย”

เขามีผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดหกสิบหกคน แต่เขาได้รับคะแนนเสียงเพียงสี่สิบเสียงเท่านั้น ย่อมมีคนทรยศยี่สิบสองคนอยู่ในหมู่พวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

“จริงด้วย ใครกันที่ทรยศศิษย์พี่หยาง น่าละอายจริงๆ”

“ใช่ ใช่ รู้ตัวเองก็ยืนขึ้นมา”

หกสิบหกคนพูดพร้อมกัน

หยางเชียนฮ่วน “…”

ฮว๋ายชิ่งกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่รอบๆ เสียงอันเย็นยะเยือกกล่าวเสียงดังชัดเจนว่า “ข้าจะร่างกฤษฎีกาเร็วๆ นี้เพื่อแต่งตั้งฉู่ไฉ่เวยเป็นโหราจารย์คนใหม่เป็นระยะเวลาสามปี การประชุมเลือกตั้งสิ้นสุดแล้ว หากใครไม่พอใจแล้วก่อเรื่องขึ้นอีก ข้าจะจับขังคุกใต้ดินเป็นเวลาสามปี อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

ซุนเสวียนจีหันหลังจากไปเงียบๆ

ผู้พิทักษ์หยวนมองตามด้านหลังเขาพลางอ่านใจช้าๆ

“ข้าเหนื่อยแล้ว ตามแต่พวกเจ้าเถอะ…”

ซ่งชิงและหยางเชียนฮ่วนเดินจากไปทีละคน

จงหลีชายตามองสวี่ชีอัน ฝ่ายหลังพยักหน้า

“ช่วงนี้ข้าจะพาเจ้ากลับไปพักที่จวนสักสองสามวัน”

ขับไล่เคราะห์ร้ายออกไปสักหน่อย

วันต่อมา สวี่ชีอันกลับมามีชีวิตที่น่าเบื่ออีกครั้งด้วยการปักดอกไม้ สอนหลินอัน และแอบกลิ้งเกลือกอยู่บนผ้าปูเตียงกับฝูเซียง

เขาทำงานอย่างหนักเพื่อเสริมสร้างพลังปราณ ส่งเสริมการบำเพ็ญ บางครั้งเขาก็ไปเยี่ยมเทพบุตรที่อารามรัตนะพร้อมกับเอายาวิเศษเสริมสร้างพลังหยางและบำรุงไต

เทพบุตรซีดเซียวขึ้นทุกวัน…ความรู้สึกที่เรียกว่า ‘ไม่มีความปรารถนาทางโลกอีกต่อไป’ ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาทีละน้อย สวี่ชีอันรู้สึกว่าคำอธิบายที่ถูกต้องกว่าคือ ไม่หลงเหลือเลยสักนิด!

อย่างไรก็ตาม สวี่ชีอันได้เช่าจวนหลังใหญ่ที่มีทางเข้าสองทางให้กับเทพบุตร มีเพื่อนสนิทต่างเพศอาศัยอยู่ในจวนมากกว่าสามสิบคน ปากหวานก้นเปรี้ยว ทะเลาะกันอึกทึกทุกวันและยังต้องผลัดกันรีดไถพลังชีวิตของเทพบุตรอีกด้วย

เหมียวโหย่วฟางมักจะพาโม่ซางพี่ชายของลี่น่าไปเยี่ยมที่จวนของเทพบุตร (ชมการแสดง) ด้วยความเพลิดเพลิน

เวลาล่วงมาถึงปลายเดือนสี่ หลี่เมี่ยวเจินที่ออกไปสะสมบุญกุศลก็กลับมาเมืองหลวง ถือโถสุราไปหาศิษย์พี่เพื่อรำลึกถึงความหลัง

บนชายคา หลี่เมี่ยวเจินมองไปยังที่พำนักแผนสังหาร พลางกล่าวด้วยความปลื้มปีติยินดีว่า “ศิษย์พี่ ช่วงนี้คงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากกระมัง ดูรอยคล้ำรอบดวงตาของท่านสิ ใกล้เคียงกับซ่งชิงนัก”

หลี่หลิงซู่กล่าวเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าชีวิตของสวี่หนิงเยี่ยนราบรื่นดีหรือไม่? เขาแสร้งทำเป็นอิ่มเอมใจ เพลิดเพลินกับสตรีน้อยใหญ่ตลอดทั้งวัน แต่ความเป็นจริงความขัดแย้งในครอบครัวของเขามีไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงแม้ข้าจะเจ็บเอว แต่ข้านั้นเรียบง่าย ตราบใดที่ข้าเกลี้ยกล่อมสตรีทุกนางเป็นอย่างดีและปฏิบัติต่อพวกนางอย่างเท่าเทียมกัน ถึงแม้พวกนางจะทะเลาะกันบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเสียการควบคุม ทางด้านสวี่หนิงเยี่ยนช่างน่าสนใจ อันดับแรกคือองค์หญิงหลินอัน จึ๊จึ๊ นั่นคือตัวปัญหาหลัก วันนี้ขัดขวางเย่จี พรุ่งนี้ต่อยพระมเหสี วันมะรืนต่อสู้กับสวี่หลิงเยวี่ยสามร้อยกระบวนท่า องค์หญิงท่านนี้ก่อความวุ่นวายไม่หยุดหย่อน แต่ระดับของนางเละเทะมาก จนไม่สามารถเอาชนะใครได้ พลังในการรบทุกครั้งแพ้ทุกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าได้ยินก็รู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ”

หลี่เมี่ยวเจินส่งเสียงฮึดฮัด “ไม่แปลก ฮว๋ายชิ่งเคยพูดแล้วไม่ใช่รึ หลินอันเป็นแค่นกกระจอกตัวหนึ่งที่ส่งเสียงร้องจ้อกแจ้กไม่มีที่สิ้นสุด เห็นขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือคงทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเจ้าไม่สนใจ นางก็บินขึ้นมาจิกหน้าเจ้า ไม่รู้จริงๆ ว่าสวี่หนิงเยี่ยนชอบอะไรในตัวนาง”

หลี่หลิงซู่กล่าวว่า “นี่เจ้าไม่เข้าใจรึ เสือกระดาษที่น่ารักและน่าทะนุถนอมอย่างหลินอันมาทุ่มเทให้เจ้า ผู้หญิงที่ยามเสียใจก็หลั่งน้ำตาต่อหน้า แสดงท่าทีน่าสงสารให้เจ้าออกหน้ารับผิดชอบ ผู้ชายชอบแบบนี้ที่สุด”

หลี่เมี่ยวเจินรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ตนเองไม่สามารถทำได้อย่างแท้จริง นางกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “แสร้งทำเป็นอ่อนแอและน่าสงสาร น่าขยะแขยง!”

“เจ้าคิดผิดแล้ว คนที่แสร้งทำเป็นอ่อนแอและน่าสงสารคือสวี่หลิงเยวี่ย แต่ผู้ชายก็ไม่หลงกลเช่นกัน ใครจะไม่ชอบให้น้องสาวที่งดงามและน่ารื่นรมย์มาพึ่งพาเจ้าล่ะ พูดถึงสวี่หลิงเยวี่ย หลังจากงานแต่งงาน นางก็ไม่แสแสร้งแล้ว ตอนนี้นางกำลังต่อสู้กับมารดาของสวี่หนิงเยี่ยนอย่างดุเดือดมาก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง