ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 850

บทที่ 850 ไปนอน

……….

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ราชินีเงือกก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลทว่าเคร่งขรึม

“ร่างกายของเขาถูกสลักไว้ด้วยพลังทางจิตวิญญาณที่แปลกประหลาด มันไม่ใช่พรสวรรค์แต่กำเนิดของเขา พรสวรรค์แต่กำเนิดของเขาคือระบบน้ำกับกายเนื้อ มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าสามารถควบแน่นพลังงานจิตวิญญาณได้หลังจากรับมันมาแล้ว”

“ข้าคิดว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาบ้าคลั่ง น่าเสียดายครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นเขาคือเมื่อห้าฤดูร้อนที่แล้ว ข้าไม่รู้เลยว่าเมื่อเร็วๆ นี้ เกิดอะไรขึ้นกับเขา”

จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางหันกลับมาและแปลบทสนทนานี้เป็นภาษาของสวี่ชีอัน

บ้าไปแล้วแต่ยังมาหานาง แสดงว่าอาจเป็นความรักจริงๆ…สวี่ชีอันมองใบหน้าละมุนละไมของราชินีเงือกแล้วพูดว่า

“เราจะสื่อสารกันด้วยกระแสความคิดของเราได้หรือไม่? ข้าไม่เข้าใจภาษาเทพมาร”

ในระดับราชินีเงือก การสื่อสารด้วยกระแสความคิดย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางหันหน้ามายิ้ม มองราชินีเงือกแล้วพูดว่า

“เขาบอกว่าต้องการสื่อสารกับเจ้าด้วยวิธีพิเศษ”

“วิธีพิเศษ?” ราชินีเงือกถามน้ำเสียงแผ่วเบา

“ใช่แล้ว!” นางปีศาจผมขาวยิ้มมุมปากแล้วพูดจาเจ้าเล่ห์แสนกล

“เหมือนการเสพสม!”

ใบหน้าอ่อนละมุนของราชินีเงือกแดงก่ำ นางจ้องมองสวี่ชีอันด้วยความตกใจ โกรธและอับอาย

“ไม่ ไม่ได้…”

มนุษย์เงือกเป็นเผ่าพันธุ์ที่อุทิศตนเพื่อคู่เพียงคนเดียวในชีวิต

นางปีศาจผมขาวถามด้วยความประหลาดใจ

“เจ้ามีคู่แล้วหรือ?”

“ไม่…” ราชินีเงือกส่ายหัวเล็กน้อย

“เหนือมนุษย์นั้นมีอายุขัยยืนยาว ข้ายังเยาว์นัก ข้าไม่รีบร้อนหาคู่ การเสพสมนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ข้าจะเสพสมเฉพาะกับคู่ของตัวเองเท่านั้น”

หลังจากพูดออกไปเช่นนั้นแล้ว นางก็รู้สึกว่าปฏิเสธเด็ดขาดมากเกินไป เกรงว่าจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งผู้นี้จะไร้ความปรานี ดังนั้นนางจึงนิ่วหน้าอ้อนวอนขอร้องน่าเวทนา

“ท่านเจ้าอาณาจักรผู้ยิ่งใหญ่ โปรดช่วยข้าพเจ้าวิงวอนด้วยเถิด”

พวกนางกำลังพูดเรื่องอะไร ราชินีเงือกยกสำนวนโวหารมามากมาย ถ้าท่านไม่เคยเรียนภาษาต่างเผ่าพันธุ์ก็ยิ่งเสียเปรียบ! โอ้เทพยดา เหตุใดข้าคิดที่จะเรียนภาษาต่างเผ่าพันธุ์หลังจากเดินทางข้ามเวลาอีกล่ะ นี่มันแย่มากเลยนะ…แม้ภายนอกสวี่ชีอันดูสงบ แต่ภายในกลับเต็มไปมายาหลากสีสันเปี่ยมชีวิตชีวา

“ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะขอร้องให้เจ้าเอง” จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางหันไปบอกสวี่ชีอัน “นางคิดว่าเจ้าเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่และอยากเสพสมกับเจ้า นางหวังว่าข้าจะเป็นแม่สื่อให้นางได้”

กัดฟันสะกดอารมณ์ไว้ก่อน…สวี่ชีอันมองนางด้วยสายตาเย็นชา

“เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะผลักเจ้าลงพื้นแล้วตีเจ้าต่อหน้าทุกคนเดี๋ยวนี้”

เขาไม่ใช่คนบ้าตัณหา ดังนั้นเขาจึงนึกได้ว่าจิ้งจอกเก้าหางเห็นเขาเป็นตัวตลก

เนื่องจากเผ่าพันธุ์มนุษย์เงือกเป็นเผ่าพันธุ์ที่จริงจังและรักเดียวใจเดียว การเลือกคู่ครองจึงเป็นเรื่องจริงจังอย่างยิ่ง

ราชินีเงือกไม่ใช่หญิงร่านที่เห็นผู้ชายแล้วแข้งขาอ่อน หากนางยอมจำนนต่อผู้แข็งแกร่งง่ายๆ นางคงยอมจำนนต่อมังกรน้ำไปนานแล้ว

นางปีศาจผมขาวชักสีหน้าเล็กน้อยราวกับกำลังหวนนึกถึงความทรงจำอันเลวร้าย นางจ้องมองเขาแล้วพูดเสียงดัง

“ข้าล้อเล่นน่ะ!”

ท่าทางเช่นนี้คล้ายมีกลิ่นหอมลอยลมปนอยู่ แต่กลิ่นหอมลอยลมเป็นอารมณ์อ่อนโยนมีน้ำใจ ไม่มีทางเป็นจิ้งจอกที่แก่นแท้แล้วชอบล้อเลียนผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา

จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางมองดูราชินีเงือกและพูดว่า

“ข้าจะช่วยเจ้าโน้มน้าวเขาเอง”

หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง นางก็นำหัวข้อนี้กลับมาและเสนอให้สื่อสารผ่านกระแสความคิด

ราชินีเงือกพยักหน้าเล็กน้อย

“ทะเลตะวันตกอยู่ที่ไหนและอยู่ห่างจากที่นี่เพียงใด?”

ราชินีเงือกคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“ว่ายน้ำไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเวลายี่สิบวันยี่สิบคืนก็จะถึงอาณาเขตของเขา ข้าเคยไปที่นั่นและการที่เขาเป็นอะไรไปก็ไม่น่าเกี่ยวข้องกับอาณาเขต”

ยี่สิบวันยี่สิบคืน หากมนุษย์เงือกสามารถควบคุมน้ำได้ การเดินทางย่อมไม่ล่าช้าเกินไป แม้ข้าจะเหินฟ้าเต็มกำลังก็อาจใช้เวลาประมาณสิบวัน แต่มันอยู่ไกลเกินไป…สวี่ชีอันพยักหน้า

สถานที่นั้นไม่อยู่ใน ‘ช่องทางปลอดภัย’ ที่อยู่ในความควบคุมของจิ้งจอกเก้าหาง

หลังจากพูดคุยกันสองสามคำ สวี่ชีอันก็ยกเรื่องพวกนี้ไว้ทีหลังและถามถึงจุดประสงค์ในการเดินทางไปทะเลครั้งนี้

“เจ้ารู้จักผู้แข็งแกร่งในระดับเหนือมนุษย์แถบโพ้นทะเลหรือไม่ ถ้าเป็นระดับขั้นสองหรือระดับขั้นหนึ่งก็ยิ่งเป็นการดี” สวี่ชีอันเอ่ยปากถาม

ราชินีเงือกส่ายหัว

“แถบโพ้นทะเลมีระดับขั้นสองหรือสูงกว่าน้อยมาก รวมไปถึงลูกหลานเทพมารที่อยู่ในระดับขั้นสองด้วย”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางก็ลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัว

“ตามข้อมูลที่บรรพบุรุษเผ่าพันธุ์มนุษย์เงือกทิ้งไว้เมื่อหลายปีก่อน เทพมารผู้ทรงพลังได้มายังโพ้นทะเล สังหารลูกหลานเทพมารผู้แข็งแกร่งและปล้นเอาจิตวิญญาณของพวกเขาไป จนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่มีเทพมารที่มีพลังสูงกว่าขั้นสองตนใดหลงเหลืออยู่เลย”

“แม้อาจมีลูกหลานเทพมารระดับนี้เกิดขึ้นในภายหลัง แต่ข้ายังหาไม่พบ”

เช่นเดียวกับนาง นางเป็นดาวรุ่งน้องใหม่ที่มีอายุไม่ถึงพันปี

ราชินีเงือกเหลือบมองสวี่ชีอันกับจิ้งจอกเก้าหาง “ข้าไม่เคยเห็นฆาตกรในตำนานมาก่อน แต่ข้าคิดว่ามันยังมีชีวิตอยู่และเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ท่านต้องระวังยามออกทะเล

“โดยเฉพาะท่านเจ้าอาณาจักร เพราะท่านก็เป็นลูกหลานเทพมาร ท่านเป็นเหยื่อของเขา”

สิ่งเหล่านี้เป็นความลับโบราณที่เผ่าพันธุ์มนุษย์เงือกควบคุมอยู่ ตามปกตินางไม่เคยพูดถึง แต่คราวนี้เจ้าอาณาจักรหมื่นปีศาจและจอมยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์มีน้ำใจกับเผ่าพันธุ์มนุษย์เงือก ดังนั้น นางจึงบอกทุกอย่างที่รู้และเตือนพวกเขาด้วยความมีน้ำใจ

สวี่ชีอันกับจิ้งจอกเก้าหางมองหน้ากัน ผู้มาก่อนถอนหายใจ

“สถานการณ์ของฮวงนั้นพิเศษมาก เกิดอุบัติเหตุที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนกับร่างกายจนตัวเขาหลับลึก และใช้พรสวรรค์แต่กำเนิดที่เขามีได้เพียงบางส่วนเท่านั้น การล่าลูกหลานเทพมารก็น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อปลุกร่างกายให้ตื่น”

หลังจากรู้ว่า ‘ฮวง’ เป็นเทพมาร ในตอนนั้นสวี่ชีอันก็เปลี่ยนคำเรียกชื่อเป็น ‘เขา’

บุคคลระดับสุดยอดทุกคนล้วนมีตัวตนดั่งเทพเจ้า

จิ้งจอกเก้าหางพยักหน้า

“เจ้าเองก็อาจหาญมากกว่าเดิมเหมือนกัน เขาพยายามจะฟื้นคืนสู่จุดสูงสุดและกลับสู่ระดับสุดยอด”

“เขากลืนกินเทพมารผู้ทรงพลังทั้งหมดทั้งมวลในโพ้นทะเลแล้ว แต่ยังไม่สามารถฟื้นคืนสู่ระดับสุดยอดได้ ดังนั้นเขาจึงตั้งเป้าไปที่ท่านโหราจารย์ โดยคิดว่าพลังงานทางจิตวิญญาณของผู้เฝ้าประตูจะช่วยให้เขากลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ทั้งหลายทั้งปวงดังเดิมได้”

“ครั้งที่แล้ว เจ้าอาจเอาชนะเขาได้ด้วยกำลังอันดุร้าย แต่ครั้งต่อไปเขาจะบดขยี้เจ้า”

สวี่ชีอันขมวดคิ้วและรู้สึกปวดหัว

ลำพังระดับสุดยอดทั้งสามคนในแผ่นดินใหญ่จิ่วโจวยังไม่เพียงพออีกหรือ หาก ‘ฮวง’ ในโพ้นทะเลกลับคืนสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง จะเป็นสถานการณ์ที่ระดับสุดยอดหลักทั้งสี่คนในที่ราบลุ่มภาคกลางแก่งแย่งแข่งขันกัน

เสินซูกับข้าคงทำได้เพียงเอามือป้องหัวตัวเองแล้วนั่งยองๆ พลางตะโกนว่า “ใต้เท้า โปรดเมตตาด้วย”…สวี่ชีอันคิดว่าเรื่องนี้คงทำให้เขาต้องกล้ำกลืนฝืนทนไม่น้อย

ราชินีเงือกตกอยู่ในอาการงุนงงหลังฟังคำสนทนาของทั้งสองคน

บทที่ 850 ไปนอน 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง