บทที่ 852 มังกรแคระจอมบ้าคลั่ง
……….
“หมู่เกาะอาเอ่อร์ซูเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของผู้สืบเชื้อสายเทพมารที่ใหญ่ที่สุด ที่นั่นมีดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ มีสวนผลไม้ให้เก็บเกี่ยวตลอด มีสัตว์ให้ล่ามากมาย รวมถึงฝูงปลาทะเลและกุ้งทะเล”
“ที่แห่งนั้นปกครองโดยลูกหลานเทพมารทั้งหกเผ่า แบ่งออกเป็นลูกหลานของ ‘หลวน’ ราชาแห่งท้องฟ้า ลูกหลานของ ‘หลง’ ราชาแห่งผืนสมุทร ลูกหลานของ ‘ผีหมู่’ ราชาแห่งพื้นดิน ลูกหลานของ ‘จิน’ ราชาแห่งพงไพร ลูกหลานของ ‘ยักษ์สามหัว’ ราชาแห่งสงคราม ลูกหลานของ ‘ปีศาจแฝงฝัน’ ราชาแห่งมายา”
ราชินีเงือกร่ายยาว
“ตอนนั้นปรมาจารย์เต๋าขับไล่ลูกหลานเทพมารออกจากแผ่นดินจิ่วโจว บรรดาเทพมารจึงต้องอาศัยอยู่ต่างแดน สำหรับพวกที่อ่อนแอจะอยู่ใกล้แผ่นดินจิ่วโจวเหมือนเกาะเงือก เกาะหนอนไหม ส่วนพวกที่บำเพ็ญจนเก่งกล้าต้องย้ายออกต่างแดนเพื่อหาที่ลงหลักปักฐานในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่”
“ปรมาจารย์เต๋าอาจทนต่อปลาเล็กปลาน้อยบางชนิดที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งได้ ทว่าไม่ยินยอมให้ลูกหลานเทพมารที่แข็งแกร่งเพ่นพ่านอยู่ในน่านน้ำใกล้ชายฝั่งเด็ดขาด”
“หลังจากสืบทอดกันมานับหลายปี ลูกหลานเทพมารรวมตัวกันตามสถานที่แห่งแล้วแห่งเล่า คล้ายกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในสมัยโบราณ”
“เนื่องจากหมู่เกาะอาเอ่อร์ซูอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ สภาพอากาศเย็นสบาย เหมาะสมกับการดำรงชีพ ในสมัยก่อน หมู่เกาะแห่งนี้จึงเป็นเป้าหมายในการแย่งชิงของเหล่าลูกหลานเทพมาร หลังจากโรมรันพันตูผ่านชั่วระยะหนึ่ง ในที่สุดก็เหลือเพียงหกเผ่านี้เท่านั้น
“ชนเผ่าทั้งหกที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะอาเอ่อร์ซูยังคงไม่ยอมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมักจะคิดรวบอีกฝ่ายรวมเข้าด้วยกัน จนกระทั่งผู้ทรงพลังที่เรียกว่า ‘ฮวง’ ปรากฏกาย…”
เจินจูรู้จักชื่อ ‘ฮวง’ จากปากผู้แข็งแกร่งรอบๆ กายนางในเผ่า
“พระองค์กลืนกินผู้นำทั้งหกเผ่าในขณะนั้น ทำให้ชนเผ่าแต่เดิมที่มีแต่ผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ทั้งหลายตกต่ำลง จนปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนไว้ไม่ได้ เพื่อต่อต้านความโลภของศัตรูที่อยู่ใกล้เคียง ทั้งหกเผ่าจึงละทิ้งความเกลียดชังและรวมตัวกันเป็นพันธมิตร”
“ต่อมา เมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งนานวันสายเลือดก็ยิ่งบางลง เลือดผสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หมู่เกาะอาเอ่อร์ซูค่อยๆ เปลี่ยนผ่านไปสู่ราชวงศ์ อ้อ พวกเราชาวเงือกทุกคนจะแอบขึ้นฝั่งเงียบๆ ทุกสิบปี เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ในจิ่วโจว”
“สถานการณ์ในหมู่เกาะอาเอ่อร์ซูก็เหมือนกับเผ่ามนุษย์อย่างพวกเจ้า พวกเขามีการจัดตั้งราชวงศ์ โดยมีชนเผ่าหลักทั้งหกเผ่าปกครองชนเผ่าผสมต่างๆ รวมถึงชนเผ่าเล็กๆ แห่งอื่นที่อยู่รอบนอก…
“ตอนนี้ผู้ปกครองหมู่เกาะอาเอ่อร์ซูคือ ผู้นำเผ่า ‘หลง’ หากเทียบขั้นกับเผ่ามนุษย์ของพวกเจ้าก็เท่ากับวิถีแห่งความรู้แจ้งขั้นสาม”
ระดับรู้แจ้งขั้นสามงั้นรึ จุ๊ๆ ค่อนข้างอ่อนนะ…สวี่ชีอันฟังด้วยสนใจเป็นอย่างยิ่ง
สถานการณ์ในหมู่เกาะอาเอ่อร์ซู สรุปคร่าวๆ ได้ว่าเป็น อารยธรรมของผู้สืบเชื้อสายเทพมาร
นางจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางบอกว่าที่ต่อไปเป็นสถานที่ที่น่าสนใจมาก หมายถึงหมู่เกาะอาเอ่อร์ซู เพราะอารยธรรมของลูกหลานเทพมารกำเนิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้
แต่สิ่งมีชีวิตใดที่มีสติปัญญา ย่อมให้กำเนิดอารยธรรมอย่างแน่นอน
ความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมนั้นสัมพันธ์กับความสามารถของสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดในระดับหนึ่ง
ยิ่งอ่อนแอเท่าใด สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญามักมีแนวโน้มอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ตามด้วยระบบและอารยธรรมจะถือกําเนิด จากนั้นก็จะรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ
กลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นตัวแทนก็คือเผ่าพันธุ์มนุษย์
ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าใด อารยธรรมก็จะถดถอยมากขึ้น จะเต็มไปด้วยผู้โง่เขลาและการนองเลือด
กลุ่มชาติพันธุ์ตัวแทนที่ยังคงอยู่ก็คือเทพมาร
เทพมารมีพลังย้ายพลังถมทะเล พวกเขาไม่ต้องการชาติพันธุ์สักนิด ต้องการเพียงข้าทาสและหากไม่มีชาติพันธุ์ก็จะไม่มีการพัฒนาอารยธรรม
ส่วนเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นตรงกันข้าม ทั้งอ่อนแอและจำเป็นต้องรวมกลุ่มกัน เมื่อเกิดกลุ่มชาติพันธุ์ เมื่อวันเวลาผ่านไปก็จะสร้างอารยธรรมให้แก่เผ่าพันธุ์
“ลูกหลานเทพมารกำลังอ่อนแอลงไม่ใช่หรือ?” สวี่ชีอันจับประเด็น
“ใช่”
เจินจูพยักหน้ายืนยันคำตอบ
“แม้ว่าผู้สืบเชื้อสายเทพมารที่มีสายเลือดบริสุทธิ์จะมีผู้สืบทอดก็ตาม แต่พลังสายเลือดก็จะอ่อนแอลงจากรุ่นสู่รุ่น จวบจนทุกวันนี้ เผ่าเงือกเริ่มให้กำเนิดราชินีเงือกระดับสองไม่ได้อีกแล้ว เว้นแต่จะเปลี่ยนวิธี โดยผ่านระบบที่สร้างโดยมนุษย์อย่างพวกเจ้า”
สวี่ชีอันมองนางจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่กำลังงีบหลับอย่างเกียจคร้านอยู่บนฟูกนุ่ม
“ระหว่างรุ่นหนึ่งและสองจะมีความแตกต่างกันไม่มากนัก แต่หลังจากสามและสี่เป็นต้นไป ระยะห่างจะยิ่งกว้างขึ้น ยิ่งสืบทอดต่อไปนานเท่าใด ผู้สืบทอดก็จะอ่อนแอลงเท่านั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเหนือกว่าบรรพชน”
สวี่ชีอันขมวดคิ้ว
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”
สิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับแนวคิดการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเอาเสียเลย
ปีศาจจิ้งจอกถอนหายใจ
“ไม่ต้องถามหรอกว่าเหตุใด การถามก็เป็นกฎของฟ้าดิน”
สวี่ชีอันจึงไม่ได้ถาม
เทพมารถือกำเนิดตั้งแต่ช่วงสร้างโลก เทพมารทุกท่านล้วนเกิดมาจากฟ้าดิน จึงมีลักษณะที่ลอกเลียนแบบไม่ได้? แต่ถ้าลอกเลียนแบบไม่ได้ ก็สืบทอดสายเลือดไม่ได้สิ…เทพมารอาจเป็นหมัน…รุ่นสองอ่อนแอกว่ารุ่นแรกสามารถเข้าใจได้ เพราะไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์ แต่ถ้ารุ่นสามที่เกิดจากรุ่นสองที่มี ‘คุณลักษณะเดียวกัน’ ทั้งสอง ตามทฤษฎีแล้ว สายเลือดที่ไม่ผ่านการเจือปนจากนอกเผ่า เช่นนั้นก็ควรแข็งแรงเหมือนรุ่นแรก
ทว่าตามความเป็นจริง แม้ผู้สืบเชื้อสายเทพมารจะเป็นเลือดบริสุทธิ์ แต่ละรุ่นก็จะอ่อนแอกว่ารุ่นก่อน เรื่องนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผล…ถ้าหากยืดขยายเวลาออกไปเป็นพันปีหรือหมื่นปี ผู้สืบเชื้อสายเทพมารอาจเป็นเหมือนกับมนุษย์ที่ไม่ได้มีพลังตั้งแต่กำเนิด พอนึกถึงเทพมารที่จู่ๆ ก็เกิดบ้า ไล่ฆ่ากันเอง ที่แห่งนี้มีแต่เรื่องลี้ลับแฮะ…สวี่ชีอันรู้สึกสงสัย
การล่มสลายของเทพมารอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางลืมตามองเขาอยู่ห่างๆ
“สมมติฐานบางอย่างเกี่ยวกับจุดจบเทพมาร!” สวี่ชีอันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางปีศาจผมเงินก็เหยียดกายลุกขึ้นนั่ง ดวงตาเปล่งประกาย
“สมมติฐานอะไรกัน?”
สวี่ชีอันเหลือบมองนาง
“ไยข้าต้องบอกเจ้า?”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางตวัดตามองเขา ดวงตาสดใสกลอกกลิ้งแล้วยกยิ้มเยาะ
“คนอื่นแลกเปลี่ยนอย่างลับๆ ฆ้องเงินสวี่เสนอทั้งทีต้องแลกเปลี่ยนอย่างสมน้ำสมเนื้อสิ”
นางเปลี่ยนท่าทางราวกับ ‘ข้ามีความลับสุดยอด’ พร้อมกระซิบ
“เรื่องเกี่ยวกับลูกหลานเทพมารที่ร่อนเร่อยู่ต่างแดนแต่ในที่สุดก็กลับมาจิ่วโจวในสมัยโบราณ มันเป็นการค้นพบที่น่าอัศจรรย์ มันเหมือนกับได้พบสัจธรรมของโลกใบนี้และเห็นธรรมชาติของโลก”
จบคำ สวี่ชีอันจึงพยักหน้า
“โลกมันกลม”
…ใบหน้างดงามของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางชะงักค้างอย่างเห็นได้ชัด นางนิ่งอึ้งอยู่หลายวินาที ก่อนกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยความโมโห
“เจ้าซ่อนผู้พิทักษ์หยวนไว้ที่ใด?”
นี่เจ้าหวาดระแวงผู้พิทักษ์หยวนด้วยรึ…สวี่ชีอันฉีกยิ้มตาหยี
“ข้าไม่ได้รู้แค่ว่าโลกกลมนะ ข้ายังรู้อีกว่ามันเป็นลูกบอล”
อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าโลกจิ่วโจวแม้จะเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง แต่มีขนาดใหญ่กว่าโลกในชาติที่แล้วหลายเท่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง