บทที่ 853 เรื่องสำคัญ
……….
ลักษณะจิตวิญญาณบิดเบี้ยวและไม่สมบูรณ์…หลังจากเห็นสภาพร่างกายของมังกรแคระ ผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ทั้งสามคนที่หัวเรือและท้ายเรือต่างตกตะลึง จนมิอาจเก็บซ่อนสีหน้าประหลาดใจไว้ได้
หากความผิดปกติของมังกรคะนองน้ำเป็นเพียงอุบัติเหตุ จากการตระเวนในมหาสมุทร มังกรแคระเกิดกลายพันธุ์คล้ายกัน ซึ่งทำลายโชคของสวี่ชีอัน นางจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางและเจินจู ด้วยเหตุนี้ทั้งสามจึงตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี อาจเกิดเรื่องใหญ่
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางม้วนมังกรแคระเข้ามาใกล้ ดวงตาสดใสหรี่ลงมองพื้นผิวชวนตาลาย
“สวี่หนิงเยี่ยน!”
ภายใต้เสียงอ่อนนุ่มของนางแฝงไว้ด้วยความจริงจัง
สวี่ชีอันเข้าใจความหมายที่นางจะสื่อในทันที จึงหงายมือที่คว่ำอยู่ จากนั้น ‘งูดำ’ ตัวหนาเท่าหัวแม่มือโผล่ออกมาจากแขนเสื้อ
งูดำพุ่งเข้าหานางปีศาจผมขาว ระหว่างนี้ร่างงูก็ขยายออกเป็นมังกรเกล็ดดำตัวยาวหกฉื่อหนาเท่าถังน้ำ ขนาดตัวสองในสามของมันพาดอยู่บนเรือ ส่วนหนึ่งในสามเลยลงไปในทะเล
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางสูดลมหายใจเข้าลึก อดกลั้นต่ออาการวิงเวียน มองดูลักษณะของพวกเขาอย่างตั้งใจ
หลังจากเปรียบเทียบแล้ว นางพบว่าพื้นผิวทั้งสองยุ่งเหยิงและบิดเบี้ยวเหมือนกัน แต่แก่นจิตวิญญาณกลับต่างกัน
“ลักษณะบนหน้าอกเขามีลักษณะเป็นดิน ส่วนขาเป็นแก่นแท้ทางจิตวิญญาณที่แสดงถึงความแข็งแกร่ง และส่วนหางดูเหมือน…อากาศ?”
นางปีศาจผมขาวอาศัยความรู้อันมากมายของนางเกี่ยวกับเทพมาร ตีความสัญลักษณ์ของพลังทีละอย่าง
“ร่างกายไม่เหมือนมังกรน้ำสักนิด แต่นิสัยที่บิดเบี้ยวฟั่นเฟือนเหมือนกัน พวกเขาอาจเจอสิ่งผิดปกติในที่เดียวกัน”
สวี่ชีอันรวบรวมเบาะแสและสรุปผล
หลังจากนั้น เขาก็กวาดตามองราชินีเงือกและนางจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ฉีกยิ้มตาหยี
“ดูเหมือนทางนอกชายฝั่งจะมีสถานที่ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
ก่อนหน้านี้สวี่ชีอันถามว่า ลูกหลานเทพมารจะรับเอาแก่นจิตวิญญาณที่ไม่อยู่ในสายเลือดตนได้จากที่ใด คำตอบที่นางจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางและราชินีเงือกให้คือ ไม่เคยได้ยิน ไม่มีอยู่จริง
นางปีศาจผมขาวยังคงรับไม่ได้เรื่องการสะสมจิตวิญญาณรวบรวมได้ในอนาคต แต่ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้านาง
“ไม่ใช่เรื่องดีเสียหน่อย”
เจินจูส่ายหน้า คิ้วเรียวบางขมวดมุ่น ความคิดดังก้องในหัวสวี่ชีอัน
“โม่อวี้ก็ดี หน่วยลาดตระเวนผู้นี้ก็ดีล้วนสติฟั่นเฟือน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นราคาที่ต้องจ่าย”
โม่อวี้เป็นมังกรน้ำที่สวี่ชีอันขัดเกลาให้กลายเป็นหุ่นเชิด
ท่าทางขมวดคิ้วของนาง อ่อนโยนเป็นพิเศษจนชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะตกหลุมรัก
แน่นอนว่า รูปร่างหน้าตาก็ระดับหนึ่ง ตัวแบ่งผู้ชนะที่แท้จริงนั้นคือรูปลักษณ์และลักษณะนิสัยต่างหาก ยกเว้นเทพดอกไม้บนหิ้งผู้นั้น สวี่ชีอันถอนหายใจ พลางเปลี่ยนความคิดเข้าเรื่องจริงจังทันที
“นานแค่ไหนแล้วที่เจ้าไม่ได้มาเกาะอาเอ่อร์ซู?” เขามองเจินจู
ราชินีเงือกเอียงศีรษะเล็กน้อย พูดอย่างไม่แน่ใจนัก
“ประมาณสามหรือสี่รอบฤดูเหมันต์”
แนวคิดเรื่องเวลาของลูกหลานเทพมารไม่แม่นยำเท่าเผ่าเงือก เจินจูก็ไม่ได้ตั้งใจจดจำเวลานัก
“อาณาเขตของโม่อวี้อยู่ทางทะเลตะวันตก ซึ่งอยู่ห่างไกลจากหมู่เกาะอาเอ่อร์ซู หากสถานการณ์เช่นนี้เพิ่งเกิดขึ้น ตามทฤษฎีแล้ว โม่อวี้ไม่มีทางกลายพันธุ์พร้อมกับหน่วยลาดตระเวนจากเกาะอาเอ่อร์ซูหรอก”
สวี่ชีอันวิเคราะห์
เจินจูเอ่ยเสียงเบา “ผู้นำเกาะอาเอ่อร์ซูเป็นลูกหลานของ ‘หลง’ โม่อวี้เองก็เป็นลูกหลานหลง ระหว่างพวกเขาอาจมีการติดต่อกันก็ได้”
สิ่งนี้เชื่อมโยงกับความจริงที่ว่าโม่อวี้และผู้ปกครองหมู่เกาะอาเอ่อร์ซูเดินทางไปที่ไหนสักแห่งด้วยกันแล้วพบกับอุบัติเหตุ ทำให้จิตวิญญาณเทพมารที่มีลักษณะเป็นสัญลักษณ์ภายนอกทางจิตวิญญาณแปดเปื้อนจนบิดเบี้ยวและว้าวุ่น
เป็นเรื่องปกติและค่อนข้างสมเหตุสมผล เมื่อ ‘ผู้นำเกาะ’ ผู้นั้นออกไปผจญภัย โดยพากลุ่มลาดตระเวนติดตามไปด้วย ดังนั้นจึงอธิบายได้ว่าเหตุใดมังกรแคระจึงกลายพันธุ์เหมือนมังกรน้ำขั้นสาม
นางปีศาจผมขาวนึกย้อนถึงศพมังกรแคระที่เจอตอนแรก พลางเอ่ยเสียงขรึม “เช่นนั้น เจ้านั่นก็สติฟั่นเฟือนเช่นเดียวกับโม่อวี้ หลังกลับเข้าเกาะอาเอ่อร์ซูจึงเข่นฆ่าคนบนเกาะโดยไม่เลือกหน้าเลยอย่างนั้นหรือ?”
ขณะสวี่ชีอันดึงมังกรกลับคืน พลันเอ่ย “รีบไปดูลาดเลาสถานการณ์ที่เกาะอาเอ่อร์ซูดีกว่า”
ราชินีเงือกและนางจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเผยสีหน้าอยากรู้อยากลอง
เรื่องการส่งต่อจิตวิญญาณของเทพมารนั้นเกี่ยวข้องกับพวกนางอย่างใกล้ชิด
สวี่ชีอันได้กลิ่นกลิ่นอาย ‘เรื่องสำคัญ’ พลังเทพมารก็เรียกอีกอย่างว่าการสะสมจิตวิญญาณ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างสายเลือด
ก่อนหน้ามีมังกรคะนองน้ำโม่อวี้ ต่อมามีมังกรแคระ ทั้งคู่แปดเปื้อนด้วยจิตวิญญาณที่ไม่ใช่ของตน
นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ
…
ท่ามกลางมหาสมุทรอันมืดมิดไร้เขตแดน เงาทะมึนหลายร่างถือหอกง่ามไว้ในมือ สะบัดหางยาวแหวกว่ายอย่างคล่องแคล่วในทะเลลึก
แขนขาทั้งสี่ของพวกเขาเหมือนดั่งไม้พาย ตั้งแต่หางตลอดจนกระดูกสันหลังเป็น ‘เส้น’ คดโค้ง ฟองอากาศผุดขึ้นจนหนาชั้นระหว่างว่ายน้ำ
นอกเหนือจากโครงสร้างที่ออกแบบมาสำหรับว่ายน้ำ พวกเขายังเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการควบคุมน้ำ ตั้งแต่ใช้กระแสน้ำช่วยเพิ่มความเร็ว ไปจนถึงทำให้เกิดคลื่นยักษ์คร่าชีวิตศัตรู
แม่ทัพ ‘เจียว’ หัวหน้าหน่วยลาดตระเวน สั่งการทหารเผ่าหลงสิบสองนายระหว่างว่ายน้ำว่า
“จงฟังให้ดี ตามข้อมูลที่ได้รับมาจากเผ่าหลวน เจ้าชั่วช้านั่นอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ หนึ่งในพรรคพวกของเราตายด้วยน้ำมือของมัน มันยังมีความสามารถในการหายตัวด้วย ดังนั้นจงระวังโดนลอบโจมตี”
เสียงของเขาไหลผ่านกระแสน้ำทะเล เข้าหูทหารเผ่าหลงทั้งสิบสองนายด้านหลังอย่างชัดเจน
การปล่อยให้เสียงแพร่กระจายผ่านน้ำทะเลอย่างไหลลื่น โดยไม่ตกหล่น ก็เป็นความสามารถในการควบคุมน้ำอย่างหนึ่งเช่นกัน
เมื่อชาวเผ่าหลงสิบสองนายได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะกำหอกง่ามในมือ
พวกเขาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ นั่นก็เพื่อตามล่าคนต่ำช้าในเผ่าเดียวกัน เจ้าชั่วนั่นไล่ฆ่าผู้คนทั่วทุกแห่งในเกาะอาเอ่อร์ซู สร้างความหวาดกลัวในหมู่สิ่งมีชีวิตบนเกาะ
แถมมีพวกเสื่อมทรามเช่นเขาอีกมากมาย
เพื่อกำจัดพวกชั่วช้าเหล่านี้ เผ่าทั้งหกต้องบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก
‘เจียว’ มีรูปร่างสูงกำยำ ตัวใหญ่กว่าผู้ใต้บังคับบัญชาการด้านหลัง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่มั่นใจว่าตนจะหลบหลีกจากการลอบโจมตีของคนชั่วช้าได้
“พี่น้องเอ๋ย พวกเราเป็นลูกหลานเผ่า ‘หลง’ เป็นนักรบผู้กล้าหาญในเผ่า การปกป้องเกาะอาเอ่อร์ซู บ้านเกิดเมืองนอนคือหน้าที่ของพวกเรา ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของพวกเราจากรุ่นสู่รุ่น”
“บรรพบุรุษของเราปกป้องเกาะ ทำให้เรามีที่อยู่อาศัยและดำรงเผ่าพันธุ์ บัดนี้ เราเองก็ต้องปกป้องบ้านเกิดเพื่อคนรุ่นหลัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง