บทที่ 854 ดินแดนเก่าของเทพมาร
……….
“เขาคือผู้ต่ำทรามของเผ่าชน”
หัวหน้ากลุ่ม ‘เจียว’ เอ่ยตอบ
“ผู้ต่ำทราม” เจินจูทวนคำนี้ และเอ่ยถามเบาๆ ว่า
“เพราะเหตุใดจึงเป็นผู้ต่ำทราม เหตุใดจึงต่ำทราม”
ครั้งนี้ มนุษย์มังกรรูปร่างสูงใหญ่เงียบขรึมโดยไม่ได้ให้คำตอบอยู่พักใหญ่
ราชินีเงือกเขม็งใบหน้าอันสวยงาม เอ่ยกราดว่า
“ตอบข้ามา”
ไม่ว่านิสัยอ่อนแออีกเท่าใด ก็ยังเป็นลูกหลานเทพมารระดับเหนือมนุษย์ ราชินีเผ่า
“โฮก”
มังกรน้ำสีดำที่ม้วนพันอยู่บนศีรษะผู้คนแผดเสียงออกมาอย่างถูกเวลา จนขู่ขวัญมนุษย์มังกร
ร่างกายของบรรดามนุษย์มังกรสั่นผวา เหมือนขุนนางที่โกรธจักรพรรดิเป็นฟืนไฟ หมอบคลานติดพื้นไม่กล้าผงกศีรษะ ‘เจียว’ เอ่ยตามความจริงโดยไม่กล้าปกปิดว่า
“ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดพวกเขาจึงต่ำทราม เดิมพวกเขาเป็นกองกำลังปกป้องเมืองมังกร หลังจากออกไปภายนอกตามผู้นำ ก็ต่ำทรามเสียแล้ว”
เมืองมังกรเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะอาเอ่อร์ซู และก็เป็นเมืองเพียงแห่งเดียว
ออกไปสำรวจภายนอก…สวี่ชีอันมองมังกรน้ำสีดำที่อยู่กลางอากาศครู่หนึ่ง ราชินีเงือกจับจ้องผู้ชายคนนี้อยู่ตลอด และเอ่ยถามแทนเขาในทันใด
“โม่อวี้ติดตามไปด้วยหรือไม่ ไปสำรวจที่ใดกัน”
‘เจียว’ เอ่ยอย่างสั่นงกงัก
“ก่อนหน้านี้ไม่นาน ท่านผู้นำกล่าวว่าพบแหล่งสมบัติแห่งหนึ่งโดยไม่รู้ว่าได้ข่าวมาจากที่ใด ดังนั้นจึงชักชวนใต้เท้าโม่อวี้ไปสำรวจด้วยกัน”
“ใต้เท้าโม่อวี้เป็นสหายที่สนิทที่สุดของท่านผู้นำ ทุกคนล้วนเป็นลูกหลานของมังกร เกาะมังกรและหมู่เกาะอาเอ่อร์ซูเป็นพันธมิตรกันเสมอมา”
“ท่านผู้นำนำกองกำลังในองครักษ์ใกล้ชิดและใต้เท้าโม่อวี้ไปสำรวจด้วยกัน เดินทางรวมยี่สิบกว่าคืนวัน แต่หลังจากเขากลับมา กลับเหลือเพียงคนเดียว องครักษ์ใกล้ชิดและใต้เท้าโม่อวี้สูญหายไม่พบร่องรอย
“ท่านผู้นำบอกพวกเราว่า ใต้เท้าโม่อวี้ตายในการสำรวจ องครักษ์ใกล้ชิดที่ติดตามก็ต่ำทรามไปหมด ทำให้พวกข้าต้องเพิ่มการระมัดระวังอย่างเข้มงวด พอกล่าวจบก็ปิดประตูรักษาบาดแผลทันที”
“อย่างที่คาด ไม่กี่คืนวัน ทั่วทุกแห่งภายในเกาะก็เกิดเหตุสังหารหมู่ขึ้น ผู้ต่ำทรามเหล่านั้นกลับมาแล้ว และเปิดฉากสังหารอย่างเลือดเย็นที่บ้านเกิด”
พวกเขากลับมาเพราะความหมกมุ่นที่จะกลับบ้านเกิดกำลังรบเร้า…เจินจูมองไปยังมังกรน้ำสีดำอย่างอดไม่ได้ โม่อวี้เองก็ยึดติดกับความหมกมุ่นของนางเกินไป ดังนั้นจึงมายังเกาะมนุษย์เงือก และสังหารหมู่คนในเผ่าพันธุ์ของนาง
ราชินีเงือกบอกเล่าการมอบหมายของหัวหน้ากลุ่มมนุษย์มังกรให้สวี่ชีอันอย่างไม่ตกหล่น
สำรวจแดนสมบัติหรือ พี่น้องและองครักษ์ใกล้ชิดล้วนต่ำทรามทั้งหมด แต่เขากลับสามารถกลับมาอย่างปลอดภัย ฝีมือไม่เลวเลยจริงๆ…สวี่ชีอันเอ่ยว่า
“พวกเราไปหาเจ้าเกาะอาเอ่อร์ซูผู้นั้นกัน”
ระหว่างที่มหาเคราะห์กำลังมาถึง แดนสมบัติแห่งหนึ่งเกิดขึ้นอย่างไม่มีหลักฐานยืนยันเช่นนี้ มันช่างทำให้วางใจไม่ลงเสียจริง ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร สวี่ชีอันก็ต้องไปสำรวจในท้ายที่สุด
จิ้งจอกเก้าหางและราชินีเงือกพยักหน้าเบาๆ
ทั้งสามลอยขึ้นกลางอากาศ แล้วเหยียบลงบนแผ่นหลังของมังกรน้ำ สวี่ชีอันล้วงชิ้นส่วนเศษหนังสือปฐพีออกมาใส่เข้าไปในกระจกประหนึ่งสมบัติ จากนั้นขี่มังกรดำหายไปในขอบฟ้าสีคราม เหลือมนุษย์มังกรสิบสามคนไว้ลาดตระเวนป้องกัน
“หัว หัวหน้ากลุ่ม พวกเรารีบกลับไปรายงานท่านผู้นำกัน”
มนุษย์มังกรคนหนึ่งเอ่ยเสียงดัง
ท่านผู้นำไม่ต้องการให้เจ้ารายงานแล้ว…‘เจียว’ มองลูกน้องด้วยความสงสารครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า
“อย่าร้อนใจ ค่อยๆ กลับไปเถิด”
…
ท้องฟ้าใสสะอาดเหมือนถูกซักล้าง เมฆขาวนวลลอยละล่องอย่างช้าๆ
มังกรน้ำสีดำไม่ได้บินสูงมากไปนัก รักษาระดับความสูงที่สายตาของผู้ขี่จะไม่ถูกชั้นเมฆบดบัง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดด้านล่างก็ไม่ใช่สีฟ้าที่ซ้ำซากอีกแล้ว หมู่เกาะอาเอ่อร์ซูปรากฏในทัศนวิสัยของทั้งสามคน
เมื่อมองลงไปจากที่สูง เกาะหลักของมันเป็นรูปครึ่งวงกลม และมีเกาะเล็กเกาะน้อยประดับอยู่รอบๆ ครึ่งวงกลม จนเกิดเป็นหมู่เกาะ
ภายในเกาะมีที่ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์กว้างใหญ่ มีป่าเขาสูงต่ำเขียวชอุ่ม มีทะเลสาบสีครามราวอัญมณี…เป็นอย่างที่ราชินีเงือกกล่าวจริงๆ ดินแดนนี้เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การอยู่อาศัย
เมื่อกวาดมองออกไป สวี่ชีอันมองเห็นสิ่งปลูกสร้างที่หยาบลวกมากมายตั้งอยู่ทุกหนแห่งภายในเกาะอย่างกระจัดกระจายเหมือนดวงดาว
เกิดเป็นหมู่บ้านน้อยใหญ่หลายแห่ง
แต่ที่ตำแหน่งใจกลางเกาะหลักเอียงไปทางเหนือ มีเมืองแห่งหนึ่งที่เหมือนกันมาก ขนาดของมันพอๆ กับเขตที่มีประชากรหลายแสนคนของต้าฟ่ง
สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์มันคงไม่มีอะไร แต่ในสถานที่ที่ลูกหลานเทพมารอาศัยรวมกัน คงเป็นชุมชนกว้างใหญ่ที่ไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน
“จุ๊ๆ ขนาดเท่านี้มันสะดุ้งใจคนไปหน่อยนะ” สวี่ชีอันเอ่ยทอดถอนใจ
ลูกหลานเทพมารแตกต่างจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ พวกมันแข็งแกร่งตั้งแต่เกิดมา เป็นกำลังต่อสู้โดยกำเนิด
“นี่มันสำคัญอะไร จำนวนเผ่าพันธุ์มนุษย์มากจนนับไม่ถูก คัดเลือกผู้บำเพ็ญหลายแสนคนได้อย่างง่ายดาย” จิ้งจอกเก้าหางเอ่ยเยาะว่า
“เจ้าอย่าหวาดกลัวลูกหลานเทพมารมากไปนัก ลูกหลานเทพมารในตำนานจิ่วโจวแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ ที่กล่าวมามันคือสายเลือดเทพมารในสามชั่วอายุ แต่หลังจากเทพมารรุ่นนี้เป็นต้นไป สายเลือดเบาบางไปนานแล้ว”
ระหว่างพูด สวี่ชีอันควบคุมมังกรน้ำสีดำให้ลงไปยังเกาะหลัก
‘หง่าง เหง่ง…’
ทันใดนั้นเอง เสียงระฆังขนาดมหึมาดังขึ้นมาจากบนกำแพงเมืองที่เรียบหรู เสียงแล้วเสียงเล่า กึกก้องไปทั่วท้องฟ้าทะเลสีคราม
เสียงระฆังแจ้งเตือน
ตามด้วย นกยักษ์สีฟ้าครามสยายปีกยาวสิบเมตรตัวหนึ่งกระพือปีกบินขึ้นมาจากป่าเขา พัดลมโหมกระหน่ำมาทางมังกรน้ำสีดำ
ขนปีกของนกสีฟ้าครามเป็นสีครามบริสุทธิ์ ท่วมไปด้วยแสงใต้ดวงอาทิตย์ ขนหางเป็นสีครามปนทอง สิ่งนี้ทำให้มันสูงสง่าขึ้นหลายเท่าจากภายนอก
“จิ๊บ คารวะใต้เท้าโม่อวี้”
นกสีครามเอ่ยออกมาเป็นคำพูดมนุษย์ และมีเสียงใสรื่นหู
มันเป็นนกเพศเมีย
ดวงตาสีดำอันปราดเปรียวของมัน จ้องมองโม่อวี้ด้วยความระแวดระวังอย่างละเอียดถี่ถ้วน
เมื่อท่านผู้นำกลับมา เขาเคยบอกข้าว่าใต้เท้าโม่อวี้ตายระหว่างการสำรวจ แต่บัดนี้กลับปรากฏตัวที่หมู่เกาะอาเอ่อร์ซู
เมื่อเห็นว่าใต้เท้าโม่อวี้ไม่พูดไม่จา นกสีครามจึงมองไปที่เจินจู และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่คงความเคารพที่มีต่อผู้แข็งแกร่งเอาไว้ว่า
“คารวะองค์ราชินี”
สายตาของนางกวาดผ่านตัวสวี่ชีอัน จากนั้นมองไปยังจิ้งจอกเก้าหาง…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง