บทที่ 856 ฮวง! โลกช่างกลมเสียเหลือเกิน
……….
ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าราวกับมหาสมุทร มหาสมุทรเป็นสีฟ้าเฉกเช่นท้องฟ้า
ไร้ซึ่งลมและเมฆ
ผิวทะเลมีคลื่นเล็กน้อย ดวงอาทิตย์อันร้อนแรงแขวนอยู่เหนือศีรษะ ลมทะเลที่ปะทะเข้ามาก็ร้อนผะผ่าว
เรือขนาดยาวห้าจั้ง สูงหนึ่งจั้งแล่นฝ่าคลื่น โดยทิ้งไว้เพียงระลอกน้ำที่กระเพื่อมไว้เบื้องหลัง
บนดาดฟ้ากว้าง จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเจ้าเสน่ห์กำลังนอนตะแคงเล่นหางที่มีขนปุกปุยเส้นหนึ่ง หลังจากตากแดดจ้ามาหลายวัน เขี้ยวเล็บสวยงาม และใบหน้าขาวสะอาดสวยหยาดเยิ้มยังคงขาวนวลละเอียดอ่อน
สวี่ชีอันนั่งขัดสมาธิบนดาดฟ้า นางเงือกที่ตัวอ่อนปวกเปียกคอยรับใช้อยู่ข้างๆ อย่างว่านอนสอนง่าย และช่วยเขาแกะเปลือกหอยสีแดงเปล่งปลั่งแวววาวแต่ละตัวที่ดูราวกับหินโมรา
เปลือกหอยชนิดนี้เรียกว่า ‘หอยเพลิงแดง’ เจริญเติบโตบริเวณภูเขาไฟใต้ทะเลในทะเลใต้ พวกมันกินพลังวิญญาณเปลวไฟเป็นอาหาร เป็นธาตุสิ่งมีชีวิตที่พบเจอได้ยาก
เปลือกนอกของหอยเพลิงแดงแฝงไปด้วยพลังระเบิดสูงมาก หลังจากถูกขยี้ละเอียดจะเกิดพลังระเบิดที่พอจะเทียบกับกระสุนปืนใหญ่ได้
แต่สิ่งที่ดึงดูดสวี่ชีอันคือเนื้อของมัน หอมหวานนุ่มลิ้น ละลายในปาก ไม่มีกลิ่นคาว รสชาติยอดเยี่ยม
“อยู่ๆ ก็ไม่อยากจากไปแล้ว โพ้นทะเลโภคทรัพย์อุดมสมบูรณ์ อาหารรสชาติดี สิ่งที่ควรมีก็มีพร้อม”
สวี่ชีอันกินเนื้อหอยเพลิงแดงตัวสุดท้ายลงไป เขามองดูเปลือกหอยที่กองเป็นภูเขาอยู่ตรงหน้า และลูบท้องด้วยความพอใจ
“ขอบคุณราชินีเจินจูมาก ภายหน้ามีปัญหาอันใดก็มาหาข้าได้เลย”
เขารับปากอย่างง่ายๆ
เป็นผู้นำทางเหมือนกัน แต่ราชินีเงือกกับจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางกลับไม่เหมือนกัน จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางคุ้นชินกับเส้นทางเรือเท่านั้น ทุกครั้งที่ออกทะเลก็ไปมาอย่างเร่งรีบ และแสวงหาสิ่งของอย่างมีจุดหมาย
แต่ราชินีเงือกเป็นชาวโพ้นทะเล ไม่เพียงแต่รู้รูปแบบของโพ้นทะเลเป็นอย่างดี ยังรู้ว่าที่ไหนมีอาหารรสเลิศด้วย
สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวแค่ครู่หนึ่ง พลังก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
นางปีศาจผมเงินเอาคำพูดของคนอื่นมาพูดด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าสามารถเชื่อเขาได้ มนุษย์เพศผู้ตัวเหม็นผู้นี้ไม่เคยผิดคำสัญญากับสตรีมาก่อน พูดได้ทำได้”
ข้าเคยผิดคำสัญญากับบุรุษมาก่อนหรือ ใครเลยจะไม่รู้ว่าฆ้องเงินสวี่ยึดถือคำพูดดั่งทองพันชั่ง…สวี่ชีอันพูดแขวะในใจ
เจินจูแสดงออกว่าดีใจมาก และโปรยรอยยิ้มบริสุทธิ์งดงามออกมา
นางย่อมมีความคิดที่จะเอาใจยอดผู้แข็งแกร่งในเผ่ามนุษย์ผู้นี้ มุ่งหวังจะได้รับมิตรภาพจากเขา ตามระบบการแบ่งระดับขั้นของเผ่ามนุษย์ ระดับสุดยอดเทียบเท่ากับเทพมารที่แข็งแกร่งที่สุด และต่ำกว่าระดับสุดยอดลงมาหนึ่งขั้น แม้แต่ในบรรดาเทพมารก็ไม่ใช่ผู้ที่อ่อนแอ
แน่นอนว่าเจินจูยังไม่ค่อยเข้าใจตำแหน่งของจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งในระดับขั้นหนึ่ง มิเช่นนั้นคงจะสัมผัสกับความน่ากลัวของสวี่ชีอันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
นางปีศาจผมเงินกล่าวเตือนได้เหมาะเจาะกับเวลา
“แต่เจ้าก็ต้องระแวดระวังตลอดเวลา มิเช่นนั้นไม่แน่ว่าผ่านไปไม่กี่ปี เจ้าต้องอุ้มลูกเลือดผสมกลับไปยังเกาะมนุษย์เงือกด้วย”
เจ้าเกาะคลื่นพิโรธนั่งฟังเงียบๆ อยู่ตรงกราบเรือ จากการสังเกตมาหลายวัน เขาค้นพบว่ามนุษย์เพศผู้คนนี้อาจเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกับจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง
สิ่งนี้สามารถดูได้จากท่าทีของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางกับราชินีเงือก
เจ้าเกาะคลื่นพิโรธระแวดระวังเป็นอย่างมาก แต่ที่มีมากไปกว่านั้นคือความดีใจ พันธมิตรยิ่งแข็งแกร่ง โอกาสในการสืบเสาะเกาะเทพมารก็มีมากขึ้น
สวี่ชีอันลุกเดินไปยังกราบเรืออีกด้าน ทอดสายตามองทะเลไร้ขอบเขต สิ่งที่ยากจะต้านทานไหวในขณะออกทะเลก็คือ ทิวทัศน์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย จืดชืดจนทำให้คนบ้าคลั่งได้
จากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ยิ่งลงไปทางใต้ก็ยิ่งร้อนอบอ้าว เขาประเมินการว่าเข้าใกล้เส้นศูนย์สูตรแล้ว
รอภายภาคหน้าหากมหาเคราะห์สงบลง และยังมีชีวิตอยู่ จะพาพวกหลินอันออกทะเลเที่ยวเล่น พาราชินีเงือกที่เป็นผู้นำทางผู้นี้ไปด้วย ไปถึงที่ไหนก็กินของอร่อยที่นั่น…สวี่ชีอันมีความสุขกับชีวิตในอนาคตของเขาอยู่พักหนึ่ง
แม้จะพอใจกับความตื่นเต้นดีอกดีใจ แต่พอคิดว่าหากพาพวกนางไปด้วย ก็จะทำให้เกิดความไม่สะดวกอย่างมาก
เช่นตอนที่เขาเสียบบุปผา ปลาน้อยตัวอื่นๆ จะมาล้อมดูหรือไม่ ตอนที่เขาเกี้ยวพาราสีกับหลินอันปลาน้อยตัวอื่นๆ จะพอใจหรือไม่
มีความเป็นไปได้มากกว่านั้นคือ ข้ากับปลาน้อยแต่ละตัวต่างเคารพซึ่งกันและกัน อีกทั้งต้องถลำอยู่ในทุ่งอสูรอันน่ากลัวตลอดวัน…เขาทอดถอนใจอย่างไร้สุ้มเสียง และละความคิดที่จะพาปลาน้อยออกทะเลไป
ขณะนี้ในขอบเขตสายตาที่มองเห็นของบรรดาระดับเหนือมนุษย์บนเรือ มีจุดสีดำเล็กๆ ปรากฏบนลูกคลื่นสีฟ้าบนผิวทะเลที่อยู่ไกลๆ
ขณะที่ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายค่อยๆ ลดลง สวี่ชีอันก็เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ที่มุ่งหน้าเข้ามาคือใคร ไม่ใช่สิ คือทายาทของเทพมารอะไร
พวกเขาคือ…เต่าเทพนินจา!
อีกทั้งยังเป็นเต่าเทพนินจาที่ขี่พาหนะที่ภายนอกดูคล้ายกับปลาโลมา สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนก็คือเต่าเทพนินจาเหล่านี้เป็นสีดำไม่ใช่สีเขียว
นอกจากนี้ สวี่ชีอันยังสังเกตเห็นว่าเต่าเทพนินจาหลายตัวมีบาดแผลบนตัว บ้างก็มีรอยร้าวปกคลุมบนกระดองเต่า บ้างก็ผิวหนังหนาแน่นบนตัวปริออก ตัวที่สาหัสที่สุดไม่มีแม้แต่แขน
มนุษย์มังกรคลื่นพิโรธเดินมายืนเคียงไหล่สวี่ชีอัน และส่งกระแสจิต
“พวกเขาคือ ‘เผ่าพยากรณ์’ ที่มาจากเกาะเต่าเทพในทะเลตะวันออก ว่ากันว่าเป็นสายเลือดเทพมารที่เชี่ยวชาญการพยากรณ์ท่านนั้น สายเลือดนี้มีพลังต่อสู้ที่อ่อนแอมาก ในเผ่าไม่มีระดับเหนือมนุษย์เลย”
พูดมาถึงจุดนี้มนุษย์มังกรก็หัวเราะเยาะทีหนึ่ง
“ไม่นึกเลยว่าจะกล้ามาสืบเสาะเกาะเทพมารด้วย”
เขาเริ่มใช้ภาษาเทพมารตะโกนออกไป
“ผู้อาวุโสใหญ่เผ่าพยากรณ์ พวกท่านถูกใครโจมตีหรือ”
เดิมทีเต่าเทพนินจากลุ่มนั้นคิดจะหลบเลี่ยงเรือที่ไม่รู้จัก พอเห็นคลื่นพิโรธเอ่ยปากทักทาย ดูเหมือนผู้เฒ่าเต่าเทพที่เป็นหัวหน้าจะรู้จักเจ้าเกาะมนุษย์มังกร จึงรีบบังคับพาหนะเข้ามาประชิด
“เจ้าเกาะคลื่นพิโรธนี่ พวกท่านก็ไปสืบเสาะ ‘เกาะเทพมาร’ ด้วยหรือ”
ผู้เฒ่าเต่าเทพที่เป็นหัวหน้าได้รับบาดเจ็บภายนอกเล็กน้อย ดูเหมือนจะอายุมากแล้ว ผิวหนังจึงหย่อนยาน
เจ้าเกาะคลื่นพิโรธพยักหน้าเล็กน้อย
ผู้เฒ่าเต่าเทพโบกมือติดต่อกัน และกล่าว
“อย่าไปเลย ที่นั่นอันตรายมาก”
เจ้าเกาะคลื่นพิโรธคิดว่าเขาหมายถึงกลิ่นอายเทพมารที่ทำให้คนบ้าคลั่งได้ จึงกล่าวออกมา
“ข้ารู้ ก่อนที่พวกท่านจะมาถึงที่นี่ข้าเคยค้นหามาแล้ว ข้ารู้ว่าจะหลบเลี่ยงกลิ่นอายมารได้อย่างไร”
ใครจะรู้ล่ะว่าผู้เฒ่าเต่าเทพยังคงโบกมือและส่ายหน้า
“ข้าไม่ได้หมายถึงสิ่งนี้ หลายวันหลายคืนก่อน มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวมาจากนอกเกาะเทพมาร เขากินมายาทเทพมารที่รวมตัวอยู่นอกเกาะไปจำนวนไม่น้อย และขับไล่ทายาทเทพมารออกไปร้อยลี้ ใช้อำนาจคุกคามไม่ให้พวกเราเข้าใกล้เกาะเทพมาร มิเช่นนั้นเห็นหนึ่งคนก็จับกินหนึ่งคน”
‘เทพมารที่ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวหรือ!’ คลื่นพิโรธ จิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ราชินีเงือกต่างก็มองหน้ากัน
เป็นเพราะสวี่ชีอันไม่เข้าใจภาษาเทพมาร จึงขับออกจากวงสนทนาชั่วคราว
เจ้าเกาะคลื่นพิโรธกล่าวอย่างลังเล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง