ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 885

บทที่ 885 กำราบสามดินแดน

Ink Stone_Fantasy

ทันทีที่นางถามคำถามนี้ นางก็รู้คำตอบ ชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นในใจนาง สวี่ชีอัน!

ทอดตามองทั่วจิ่วโจว คนผู้เดียวที่มีความแค้นเคืองกับสำนักพ่อมด ทว่ากลับผงาดฟ้าจนถึงขั้นเทพพ่อมดไม่อาจกำราบได้ ก็คือจอมยุทธ์ที่เพิ่งเลื่อนเป็นขั้นหนึ่งผู้นี้

ตงฟางหว่านหรงย่อมเคยเห็นสวี่ชีอันเคาะประตูบ้านนางด้วยตัวเองมาแล้ว

“คราวที่แล้วข้าเห็นเขามาทวงหนี้ แต่กลับถูกพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่เข้าขัดขวาง” ตงฟางหว่านหรงแสดงความกังวลสงสัย

ขนาดตอนนั้นพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ยังเข้ามาขวาง ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เทพพ่อมดหลุดพ้นจากผนึกนานแล้ว ย่อมต้องมีพลังมากกว่าเมื่อครั้งที่เพิ่งหลุดพ้นจากผนึกแน่นอน

ทั้งเทพพ่อมดกับพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังอยู่ในเมืองจิ้งซาน ต่อให้สวี่ชีอันเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่ควรเกรงกลัวสวี่ชีอันขนาดนี้

“อีกอย่าง ข้าได้ยินผู้อาวุโสอูต๋าเป๋าถ่าบอกมาสักพักแล้วว่า จอมยุทธ์ออกทะเลไปอีกคนแล้ว” พ่อมดอีกคนพูดเสริม

เรื่องนี้ตัดความเป็นไปได้ว่าสวี่ชีอันคือศัตรู

ใช่แล้ว นอกจากนี้สวี่ชีอันยังเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งด้วย สำหรับพวกเขาแล้ว สวี่ชีอันเหนือกว่าจริงๆ แต่สำหรับเทพพ่อมดกับพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่แล้ว สวี่ชีอันอาจไม่แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น

หากสวี่ชีอันเป็นศัตรูก็ไม่ควรมีความเคลื่อนไหวเช่นนี้

“หรือจะเป็น…พระพุทธเจ้า?”

พ่อมดคาดเดาอย่างกล้าหาญ

ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็เห็นเหล่าผู้สวมผ้าคลุมรอบตัวหันมารุมล้อมจ้องมอง

เหล่าเพื่อนร่วมสำนักต่างพ่นคำพูดจำพวก ‘หยุดพูดเรื่องไร้สาระซะ’ ‘มีเหตุผลหน่อย’ ‘ปากอีกาเรอะ’ ‘บ้าไปแล้ว’ เป็นต้น

“แต่ถ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า ใครกันล่ะที่ทำให้เทพพ่อมดกับพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่หวาดกลัวได้” ตงฟางหว่านหรงกระซิบ

มีรายงานเรื่องราวการต่อสู้ในอรัญตาระหว่างผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์แห่งต้าฟ่งกับสำนักพุทธเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมากลับไปยังสำนักพ่อมดนานแล้ว

ว่ากันว่าพระพุทธเจ้าหลุดจากผนึกได้ก่อนเทพพ่อมด

แม้ผู้บำเพ็ญในระบบพ่อมดจะไม่เต็มใจยอมรับ แต่ดูเหมือนพระพุทธเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าเทพพ่อมด

ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง เหล่าพ่อมดรอบตัวเขาล้วนมีสีหน้าไม่สู้ดี

สักพักหนึ่ง พ่อมดก็กระซิบถามตัวเองว่า

“พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่เรียกพวกเราไปเมืองจิ้งซานเพื่อช่วยเทพพ่อมดต่อต้านพระพุทธเจ้ามิใช่หรือ?”

ถ้าเป็นเช่นนี้ย่อมมีคนตายเป็นจำนวนมากแน่นอน

ขณะที่เหล่าพ่อมดกำลังคิดหนัก บ้างก็ประหลาดใจบ้างก็หวาดกลัว พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ซ่าหลุนอากู่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นบูชาข้างรูปปั้นเทพพ่อมดก็ลุกขึ้นยืนทันที

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังพ่อมดอันได้แก่ เจ้าแห่งวัสสานน่าหลันเทียนลู่ ถัดมาคือปรมาจารย์แห่งปราชญ์วิญญาณสองคน อีเอ๋อร์ปู้กับอูต๋าเป๋าถ่าต่างก็ลุกขึ้นยืนเคียงข้างพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ไล่ๆ กัน เหล่าเหนือมนุษย์ทั้งสี่คนของสำนักพ่อมดต่างก็หันหน้ามองทางทิศใต้พร้อมกัน

“ช่างมีชีวิตชีวามาก”

เสียงแจ่มชัดดังก้องกังวานในค่ำคืนมืดมิด

สีหน้าของพี่น้องสองสาว ตงฟางหว่านหรงกับตงฟางหว่านชิงเปลี่ยนไป เสียงนี้คุ้นเคยอย่างยิ่ง พวกนางเคยได้ยินมาแล้วหลายครั้ง

จู่ๆ เหล่าพ่อมดก็หันกลับมามองอีกครั้งและเห็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีครามลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าภายใต้จันทราเต็มดวงสีเงิน

สวี่ชีอัน!

‘เป็นเขาจริงๆ’…ตงฟางหว่านหรงหน้าซีดลงเล็กน้อย นางไม่คาดคิดว่าคนที่ทำให้พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่หวาดกลัวและระดมกำลังพลจำนวนมากขนาดนี้ได้จะเป็นสวี่ชีอันจริงๆ?

นางหันไปมองน้องสาวอีกครั้งและเห็นว่าน้องสาวก็มีสีหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับนาง คือทั้งตกใจและสับสน

‘สวี่ชีอันรึ?!’

พ่อมดหลายพันคนต่างหันไปมองท้องฟ้าเบื้องหลังและเห็นชายหนุ่มอยู่สูงขึ้นไปบนฟากฟ้า

ตอนนี้มีใครในจิ่วโจวไม่รู้จักจอมยุทธ์ในตำนานผู้นี้บ้าง?

ถึงอย่างไร เขาก็เป็นคนที่ทำให้เทพพ่อมดกับพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่เกรงกลัวจนต้องเรียกพ่อมดทั้งหมดมารวมตัวกันในเมืองจิ้งซานโดยไม่ลังเล เขาผู้นี้คือสวี่ชีอัน

เขาสมควรได้รับความเกรงกลัวเช่นนี้หรือไม่?

จอมยุทธ์ขั้นหนึ่งสามารถบีบบังคับสำนักพ่อมดของเราได้ถึงขนาดนี้เชียวรึ?

พ่อมดไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ พวกเขาหันมองซ้ายขวา มองหาคนอื่นที่อาจเป็นศัตรูและเงี่ยหูฟังอย่างเงียบกริบ เพื่อดูว่าพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่กับจอมยุทธ์ในตำนานจะพูดอะไร

“ซ่าหลุนอากู่ นับตั้งแต่ข้าสังหารเจิ้นเต๋อไป เจ้าก็เพ่งเล็งข้ามาตลอด เมื่อวานข้าต่อสู้กับพระพุทธเจ้าที่ชายแดนเล่ยโจว สำนักพ่อมดของเจ้าก็ยังเติมฟืนใส่กองไฟไม่หยุดหย่อน เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้วันที่ได้ชำระบัญชีกัน!”

เสียงของสวี่ชีอันชัดเจนและสงบนิ่ง ทว่าดังก้องอยู่ในหูพ่อมดทุกคน

พ่อมดหลายพันคนล้วนได้ยินชัดเจน ตั้งแต่แรกแล้วพวกเขาแน่ใจอย่างหนึ่งว่า จริงๆ แล้วสวี่ชีอันมาที่นี่เพื่อแก้แค้น เพราะหลายครั้งหลายคราก่อนหน้านี้พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่เคยทำให้เขาต้องขุ่นเคือง

แต่ทว่าเหล่าพ่อมดไม่อาจเข้าใจเรื่องราวถัดมาได้

‘เขาว่ากระไรนะ ประมือกับพระพุทธเจ้าที่ชายแดนเล่ยโจวรึ? สวี่ชีอันกับพระพุทธเจ้าสัปยุทธ์กันที่ชายแดนเล่ยโจวจริงรึ? เขาไม่ได้เป็นแค่จอมยุทธ์ขั้นหนึ่งใช่หรือไม่? เมื่อไหร่กันที่จอมยุทธ์ขั้นหนึ่งสามารถต่อสู้กับจอมยุทธ์ระดับสุดยอดได้’…คำถามนี้ผุดขึ้นในใจพ่อมดทุกคน

ต่อให้ผู้แข็งแกร่งขั้นหนึ่งจะไม่ใช่ขั้นที่สามารถบรรลุกันได้ง่ายๆ ในสายตาผู้บำเพ็ญธรรมดาสามัญทั่วไป แต่ถ้าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแล้วย่อมต้องเป็นเทพเจ้าในสายตาผู้คนแน่

ใครก็ตามที่มีความรู้และประสบการณ์ย่อมรู้ว่าที่ตรงนี้ยังมีช่องว่างที่ไม่ว่าจะเพียรพยายามเท่าไรก็ไม่สามารถผ่านไปได้

“ตูม”

ท้องฟ้ายามค่ำคืนปกคลุมไปด้วยเมฆหนาทึบเข้าบดบังจันทราเต็มดวงจนมืดมิด

ทว่ากลับมีพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ยืนอยู่บนขอบแท่นบูชา อ้าแขนกว้างสื่อสารกับพลังแห่งฟ้าดิน

ลำแสงสายฟ้าหนาเท่าถังเก็บน้ำฟาดลงมาโจมตีจอมยุทธ์กลางเวหา ฟ้าดินขับไล่เขา ต่อต้านเขา ปรารถนาจะสังหารเขา ให้เขายอมรับความพ่ายแพ้

พ่อมดตัวสั่นสะท้านภายใต้พลังแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ในขณะที่เหล่าพ่อมดมั่นใจขึ้นเล็กน้อย

นี่คือพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา

ฟ้าดินกลายเป็นสีขาวสว่างจ้าทันที ขณะที่ลำแสงสายฟ้าบิดเบี้ยวฟาดลงมาอย่างดุเดือด

แม้ต้องเผชิญหน้าสวรรค์ลงทัณฑ์อันสาหัสสากรรจ์ยิ่ง สวี่ชีอันกลับทำเพียงยกมือขึ้นแตะมันเบาๆ ทันใดนั้น ฟ้าดินก็กลับคืนสู่ความมืดมิดและเมฆดำก็พลันสลาย

ในฝ่ามือสวี่ชีอันมีลูกอัสนีบาตทรงกลมที่พื้นผิวรอบนอกล้อมรอบไปด้วยสายฟ้าขณะที่แกนกลางเป็นสีขาว

“ซ่าหลุนอากู่ ตอนนี้เจ้าแย่กว่าเก่าอีกนะ!”

เขายกฝ่ามือขึ้นดับอัสนีบาตลูกนั้น แล้วเกร็งหลังชักแขนขวากลับไป ผิวหนังของเขาสว่างขึ้นดารดาษไปด้วยลายเส้นซับซ้อนและลึกซึ้งจนทำให้ผู้คนเวียนหัว

พื้นที่รอบหมัดของเขาบิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันไม่สามารถรับแรงกดดันอันหนักหน่วงได้ และกำลังจะแตกหัก

สวี่ชีอันต่อยออกมากลางอากาศ พลังหมัดของเขาทำให้เกิดเสียงระเบิดรุนแรง

การโจมตีของจอมยุทธ์นั้นย่อมไม่โอ้อวด

แต่พ่อมดที่อยู่เบื้องล่างเห็นด้วยตาตัวเองว่าพื้นที่ด้านหน้าพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่นั้นพังทลายลงราวกับกระจก ได้ยินแต่เสียงอู้อี้ในอากาศว่างเปล่า

ดังที่เราทุกคนรู้กันดีว่าพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ขั้นหนึ่งสามารถใช้พลังแห่งฟ้าดินเพื่อปัดเป่าศัตรูได้ สิ่งนี้ทำให้เขาอยู่ยงคงกระพันแต่กำเนิด

เว้นแต่จะมียอดฝีมือระดับเดียวกันเข้าขัดเกลาฟ้าดิน ไม่เช่นนั้นคงเป็นเรื่องยากหากพวกเขาคิดทำร้ายพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่

ตอนอยู่สถานะสูงสุด ซ่าหลุนอากู่เคยใช้กระบวนท่านี้จัดการท่านโหราจารย์กับเว่ยเยวียนมาแล้วและยังไม่เคยล้มเหลว

“พู่ว…”

แต่คราวนี้ ความสามารถตามระบบพ่อมดขั้นแรกดูเหมือนจะล้มเหลว ซ่าหลุนอากู่พ่นละอองโลหิตออกมา ร่างกายงุ้มงอ ขาสองข้างแยกออกจากกันลื่นไถลไปตามพื้น

โลหิตสีแดงสดเปรอะเลอะหนวดเคราดกหนาของเขา

ท่าทีของพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่เริ่มย่ำแย่รวดเร็ว ดวงตาของเขาแดงก่ำ ราวกับชายชราน้ำมันหมด

ซ่าหลุนอากู่นั่งขัดสมาธิทั้งที่โลหิตไหลซึมเปรอะเลอะทั่วร่าง เขารีบกำจัดพลังปราณที่รุกเร้าร่างกายออกไปและเยียวยารักษาอาการบาดเจ็บ

เขาไม่ได้พยายามโต้กลับด้วยวิชาสาปสังหาร เพราะมันถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่อาจทำร้ายเทพยุทธ์ครึ่งก้าวได้

ความโกลาหลพลันบังเกิด

พ่อมดด้านล่างได้เห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาตัวเอง แต่ไม่มีใครกล้าเชื่อ

หมัดเดียว หมัดเดียวสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อพ่อมดขั้นหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง