ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 890

บทที่ 890 การประชุมกลุ่ม (1)

……….

พระโพธิสัตว์หลิวหลีอดใจรออยู่ครู่หนึ่ง เสียงอู้อี้ดังก้องขึ้นมาจากก้นเหวลึกที่มองไม่เห็น

“ข้าไม่รู้!”

แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่มายาวนานเช่นเทพกู่ยังไม่รู้ว่าจะเลื่อนขั้นสู่เทพยุทธ์อย่างไร…พระโพธิสัตว์หลิวหลีลองหยั่งเชิง

“ท่านมองเห็นอนาคตหรือไม่”

เสียงอู้อี้ของเทพกู่ตอบกลับมา

“เจ้าจะเชื่อรึ!”

เอ่อ…พระโพธิสัตว์หลิวหลีไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร ทำได้เพียงนิ่งเงียบ

เทพกู่เอ่ยต่อ

“มันใกล้เคียงกับมหาเคราะห์ เกี่ยวข้องกับระดับสุดยอดและเทพยุทธ์ครึ่งก้าว ข้ามองไม่เห็นอนาคตหรอก ทำได้แค่ตรวจสอบตนเท่านั้น”

ตรวจสอบตนรึ! พระโพธิสัตว์หลิวหลีกล่าวด้วยความเคารพ

“บอกได้หรือไม่?”

เทพกู่ไม่ปฏิเสธ

“ข้ามีบทสรุปในอนาคตอยู่สองอย่าง หากไม่ได้แทนที่วิถีแห่งฟ้า เมื่อร่างตายมรรควิถีก็จะมลายสิ้น”

‘เรื่องนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว เป็นเคล็ดวิชาสอดแนมอนาคตแบบใดกัน’…หลิวหลีคิดในใจ จากนั้นนางก็ฟังเทพกู่อธิบาย

“มหาเคราะห์ครั้งนั้น ข้าคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าตนจะนิทราหลับใหลอยู่ในซินเจียงตอนใต้ตลอดไป ด้วยเหตุนี้จึงเลิกต่อสู้เพื่อวิถีแห่งฟ้า แล้วมาหลบอยู่ในซินเจียงตอนใต้ ข้าจึงรอดพ้นจากคราวเคราะห์”

‘มิน่าเล่าเทพกู่ถึงมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ แน่นอนว่ามันเป็นเคล็ดวิชาลับของเทียนกู่ที่สำคัญ’…หลิวหลีใช้ความคิดโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

แต่ในไม่ช้า ใบหน้าเย็นชาของนางก็แทนที่ด้วยความประหลาดใจ

เพราะจู่ๆ นางก็ตระหนักได้ว่า ข้อมูลที่เปิดเผยโดยเทพกู่ดูเหมือนจะทั่วๆ ไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันมีจุดสำคัญซ่อนไว้

มหาเคราะห์ครั้งนี้ จะมีระดับสุดยอดมาแทนที่วิถีแห่งฟ้าได้สำเร็จ

มหาเคราะห์ของเทพมารบรรพกาลครั้งนั้น ไม่มีเทพมารตนใดมาแทนที่วิถีแห่งฟ้าจนกลายเป็นศูนย์รวมใจแห่งดินแดนจิ่วโจว ดังนั้นเทพกู่จึงหลับใหลอยู่ในซินเจียงตอนใต้ตั้งแต่คราวนั้นเป็นต้นมา

ครั้งนี้เทพกู่ไม่มีทางหนีแล้ว

“อาจเป็นไปได้ว่าเทพยุทธ์ถือกำเนิด แล้วระดับสุดยอดจะดับสูญ”

ดูเหมือนเทพกู่จะมองทะลุผ่านจิตใจของหลิวหลี จึงค่อยๆ เอ่ยเสริม

พระโพธิสัตว์หลิวหลีพยักหน้าก่อนขมวดคิ้ว

“แม้แต่ท่านและพระพุทธเจ้าไม่รู้ว่าจะเลื่อนขั้นสู่เทพยุทธ์อย่างไร นับประสาอะไรกับสวี่ชีอัน เทพยุทธ์จะถือกำเนิดจริงหรือ”

“ข้าต้องสอดแนมอนาคตอีกที!”

เทพกู่ตอบ

พระโพธิสัตว์หลิวหลีประนมมือโค้งคำนับ

นางยืนรออยู่บนขอบหน้าผาอย่างเงียบๆ

ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าสวี่ชีอันออกไปหรือยัง รวมถึงไม่รู้ว่าหัวหน้าเผ่ากู่จะกลับมาตรวจสอบอีกหรือไม่ แต่พระโพธิสัตว์หลิวหลีก็ไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด

นางที่ควบคุมร่างธรรมธุดงค์มั่นใจมากพอ

หลังจากออกจากเหวลึกจี๋เยวียน เหล่ากลุ่มคนก็มุ่งหน้าไปยังที่ตั้งรกรากเผ่ากู่ ระหว่างทาง สวี่ชีอันเอ่ยว่า

“เชิญทุกท่านไปเมืองหลวงกับข้าก่อน มีเรื่องต้องหารือ”

ทุกคนมองแม่ย่าเทียนกู่ ถือไม้เท้ามะเกลือเอ่ยขึ้นช้าๆ

“พวกเจ้ากลับเผ่าไปแจ้งสมาชิกในเผ่าให้เร่งเก็บข้าวของเตรียมย้ายขึ้นทางเหนือ อีกหนึ่งเค่อเรามารวมตัวกันที่เผ่าลี่”

ผู้นำทุกคนแยกย้าย

สวี่ชีอันติดตามหลงถูกลับไปยังเผ่าลี่กู่ หลงถูเจ้าของส่วนสูงสองเมตรกล่าวว่า

“ฆ้องเงินสวี่รอสักครู่ ข้าจะเรียกคนในเผ่ามารับคำสั่งก่อน”

สวี่ชีอันพยักหน้า จากนั้นเขาก็มองหลงถูเท้าเอว สูดลมหายใจเข้าจนหน้าอกยกขึ้น และระเบิดคำออกมาเสียงลั่น…

“โฮก!”

เสียงคำรามชวนหนวกหูดังก้องทั่วที่ราบตลอดจนแนวขอบท้องฟ้า

ทันใดนั้น สมาชิกเผ่าลี่กู่ที่กำลังทำนา ตกปลาในแม่น้ำ ล่าสัตว์ในภูเขาต่างวางมือจากงาน แล้วมุ่งหน้ามายังที่อาศัย

ที่นี่สื่อสารกันด้วยเสียงคำรามรึ? สวี่ชีอันนิ่งอึ้ง

ไม่ถึงสิบนาที สมาชิกเผ่ามากกว่าพันคนมารวมตัวกันนอกคฤหาสน์ ทั้งชายหญิงลูกเล็กเด็กแดง

ดวงตาคมปลาบของหลงถูกวาดมองบรรดาสมาชิกเผ่า กล่าวว่า

“อสูรกู่ในหุบเหวจี๋เยวียนถูกสวี่ชีอันจัดการเรียบร้อยแล้ว”

สมาชิกเผ่าลี่กู่ส่งเสียงเชียร์

“แต่ไร้ประโยชน์ เทพกู่กำลังจะปีนออกมาจากหุบเหวนรก”

รอยยิ้มสมาชิกลี่กู่ค่อยๆ เลือนหาย

“แต่ไม่เป็นไร พวกเรากำลังจะเดินทางขึ้นเหนือไปยังต้าฟ่งเร็วๆ นี้”

สมาชิกเผ่าลี่กู่ส่งเสียงเชียร์

“แต่พวกเราต้องสละดินแดนอันมั่งคั่งแห่งนี้”

รอยยิ้มสมาชิกลี่กู่ค่อยๆ เลือนหาย

“แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเราค่อยไปกอบโกยในต้าฟ่ง”

สมาชิกเผ่าลี่กู่ส่งเสียงเชียร์

จริงๆ แล้วเผ่ากู่มีแค่หกเผ่าก็ไม่เลว เจ็ดเผ่าแออัดเกินไป…มุมปากของสวี่ชีอันกระตุกเบาๆ สมองเขาเต็มไปด้วยคำตำหนิ

เขาก้มหน้าลง กางชิ้นส่วนหนังสือปฐพีส่งข้อความ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง