ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 905

บทที่ 905 ศัตรูสองด้าน

……….

ท่านโหราจารย์เป็นวิถีแห่งฟ้าจริงๆ รึ?!

ไม่แปลกใจเลยที่แม่ย่าแห่งเทียนกู่บอกว่า ถ้าท่านโหราจารย์ตาย ทุกคนก็จบ…สวี่ชีอันคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย ตอนนี้เบาะแสและรายละเอียดทุกอย่างจากเมื่อครั้งอดีตพลันหลั่งไหลเข้ามาพร้อมกัน

แต่เขาควบคุมสัญชาตญาณในวิชาชีพได้เป็นอย่างดี กำจัดความคิดกวนใจออกไป ทุ่มเทให้กับการต่อสู้และเหวี่ยงดาบไท่ผิงไปทางฮวง

แม้ว่าเจ้าดาบหักตัวกระจ้อยจะยังไม่ตื่น แต่หลังจากดูดซับประตูสวรรค์เข้าไป ความแข็งแกร่งของมันย่อมเกินกว่าของวิเศษธรรมดา เมื่อผสานรวมพลังปราณอันทรงพลานุภาพกับความแข็งแกร่งของเทพยุทธ์ครึ่งก้าวเข้าไป การจะตัดเขายูนิคอร์นของฮวงออกสักเขาย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

อย่างไรเสีย เทพมารโบราณผู้กลืนกินฟ้าดินเป็นอาหารย่อมไม่รู้เรื่องสภาพร่างกายอันแข็งแกร่งของดาบเล่มนี้

ขณะที่ดาบยาวสีทองเข้มกำลังจะตัดเขายาวออก ทัศนวิสัยของสวี่ชีอันพลันดับวูบ เขามองอะไรไม่เห็น จิตเดิมของเขาสูญเสียความสามารถทั้งการได้ยิน การดมกลิ่น การสัมผัสและการรับรู้สภาพแวดล้อม

อั้นกู่มองอะไรไม่เห็น!

เขาคุ้นเคยกับกระบวนท่านี้อย่างยิ่งเพราะเขาเคยทำมาก่อน แต่ครั้งนั้นมิได้ทรงพลังขนาดนี้

เมื่อเทพกู่ทำให้สัมผัสรับรู้ของสวี่ชีอันมืดบอด ฮวงกลับตอบรับอย่างเยือกเย็น เขายูนิคอร์นทั้งหกเขาบนหัวพลันขยายออก กลายเป็นพายุหมุนเข้ากลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง

ในเวลานี้ สวี่ชีอันมืดบอดไปหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งลางสังหรณ์บอกวิกฤตของจอมยุทธ์ด้วย อึดใจต่อมา เขาอาจเป็นเหมือนผีเสื้อกลางคืนที่บินเข้าสู่เปลวไฟและตกลงไปในพายุหมุนของฮวง

แต่เวลานี้ เงามืดในร่างกายของเขาบังเกิดสิ่งแปลกปลอมขึ้นแล้วกลับละลายหายไป…หลอมละลายล้มเหลว วิชากระโดดสู่เงาของเขาถูกขัดจังหวะ

เป็นเทพกู่อีกแล้ว!

พายุหมุนที่กำลังขยายตัวกลืนกินสวี่ชีอันลงไปทันที และแล้วเทพยุทธ์ครึ่งก้าวก็หายไปไร้ร่องรอย

บนท้องฟ้าห่างไกลจากฮวงและเทพกู่ พลันปรากฏร่างของสวี่ชีอันขึ้น เจดีย์พุทธะสีทองวิจิตรงดงามลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา มีกำไลข้อมือถักจากผมเป็นเชือกผูกยอดหอคอยไว้

หลักการใช้กำไลข้อมือเบื้องต้นคือดวงตาต้องมองเห็นพื้นที่ก่อน จากนั้นจึงใช้ลูกตาใหญ่ตัดพื้นที่เพื่อส่งตัว

เมื่อประสาทสัมผัสทั้งห้าและประสาทสัมผัสทั้งหกของสวี่ชีอันมืดบอด เขาก็สูญเสีย ‘คุณสมบัติ’ การใช้ลูกตาใหญ่ แต่ยังใช้การจิตเจดีย์ได้อยู่ เพราะจิตเจดีย์ไม่ได้ถูกอั้นกู่ทำให้มืดบอด

โชคดีที่ข้าระมัดระวังและคาดการณ์ไว้แล้ว…สวี่ชีอันผ่อนลมหายใจออก รู้สึกกริ่งเกรงเล็กน้อย

แม้การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ แต่กลับรายล้อมไปด้วยวิกฤตมากมาย ทำให้เขาได้กลิ่นอันตรายที่ไม่เคยรู้สึกมานาน อันตรายระยะเผาขน

ไม่ควรประมาทความแข็งแกร่งของระดับสุดยอดทั้งสองตนนี้เลย เรื่องดีอย่างเดียวในตอนนี้คือจิตใจพวกมันต้องบอบช้ำอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แม้เรื่องนี้จะไม่อาจทำลายรากฐานของระดับสุดยอดได้ ทั้งยังต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะฟื้นตัว ดังนั้นปัญหาเฉพาะหน้าของสวี่ชีอันตอนนี้คือเวลา

นอกจากนี้ เขายังผิดหวังอย่างยิ่ง ที่ดูเหมือนท่านโหราจารย์จะไม่สามารถทำให้เขาเลื่อนขั้นเป็นเทพยุทธ์ได้

นอกเหนือจากการพาท่านโหราจารย์กลับมาแล้ว เขายังต้องการทดสอบตาเฒ่าเหรียญปากผีด้วยตัวเองอีก หากตาเฒ่ามีความสามารถในการเลื่อนขั้นเป็นเทพยุทธ์จริง คราวนี้ต้องไม่พลาด

ทว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวัง

สวี่ชีอันเดาว่าเทพกู่กับผนึกของฮวงส่งผลกระทบต่อท่านโหราจารย์

“ฮวง เจ้าไม่อยากกลืนกินแก่นแท้จิตวิญญาณของผู้เฝ้าประตูหรอกหรือ? ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”

สวี่ชีอันถามเป็นเชิงยั่วยุ “เจ้าอดทนไม่กินของอร่อยที่มาส่งถึงหน้าบ้านตัวเองได้รึนี่?”

สูงทะมึนดั่งขุนเขา ดวงตาสีเหลืองอำพันของฮวงฉายแววโกรธเกรี้ยว เขาย่อมหงุดหงิดร้อนรนอยู่แล้ว เพราะเขาเกลียดชังสวี่ชีอันอย่างยิ่ง เขาถลันไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัวและอยากเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเข้าต่อสู้เพื่อกลืนกินเจ้าเด็กผู้นี้ลงไป ให้มันมอดไหม้เป็นกองเถ้าถ่าน

เขาทำเสียงฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพ่นลมหายใจออกด้วยความหดหู่ พลางหันหน้าไปมองเทพกู่

“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้เด็กคนนี้?”

ถ้าเขาไม่รู้ว่าท่านโหราจารย์เป็นอวตารของวิถีแห่งฟ้า ฮวงก็ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำความเข้าใจพฤติกรรมของสวี่ชีอันตอนอยู่โพ้นทะเล

ตอนนี้ เขารู้โดยสัญชาตญาณว่าสวี่ชีอันต้องมีเหตุผลลึกซึ้งในการมาช่วยท่านโหราจารย์

เทพกู่ส่งเสียงดังปานฟ้าถล่มแต่หาตัวตนไม่เจอ

“ข้าแค่บอกว่า สังหารท่านโหราจารย์ ทำลายล้างเทพยุทธ์!”

‘การทำลายล้างเทพยุทธ์กับท่านโหราจารย์ ไม่ใช่สิ วิถีแห่งฟ้าเกี่ยวข้องกับการก่อกำเนิดเทพยุทธ์ สวี่ชีอันออกทะเลช่วยเหลือท่านโหราจารย์เพื่อให้เขาได้เลื่อนขั้นเป็นเทพยุทธ์’…ฮวงเข้าใจเรื่องนี้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าสงครามที่คิดรุกล้ำที่ราบลุ่มภาคกลางยังไม่ทันเริ่มก็เกิดการต่อสู้หลักเพื่อตัดสินมหาเคราะห์ในโพ้นทะเลขึ้นมาก่อน

“เมื่อครู่เด็กคนนี้เข้ามาใกล้ข้า แต่ท่านโหราจารย์กลับไม่ตอบสนอง” ฮวงพูด

“ท่านโหราจารย์ถูกผนึกแล้ว” เทพกู่ตอบ หลังจากพูดแล้วเขาก็มองสวี่ชีอันแล้วพูดช้าๆ

“เจ้าคิดว่าแค่ถืออาวุธเวทมนตร์จัดการพื้นที่มิติไว้ในมือแล้วเจ้าจะอยู่ยงคงกระพันงั้นรึ?”

ทัศนวิสัยของสวี่ชีอันพลันดับวูบ เขาเจ็บปวดอย่างยิ่งบริเวณคอ เจ็ดยอดกู่ที่เชื่อมต่อกับเส้นประสาทตรงไขสันหลังของเขาเพื่อทำให้เกิดความตระหนักรู้ในตัวเองอย่างรวดเร็ว ไม่อยู่ในการควบคุมของเขาอีกต่อไป และเริ่มต่อสู้ดิ้นรนเพื่อครอบงำร่างกายของเขา

พลังทั้งเจ็ดอันเป็นสัญลักษณ์ของกู่ทั้งเจ็ดประเภทได้รุกล้ำเข้าไปในสมองและเส้นประสาทแขนขาของสวี่ชีอัน พยายามเข้าครอบครองร่างกายของเทพยุทธ์ครึ่งก้าวผู้นี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง