บทที่ 909 อับจนหนทาง (2)
……….
โพ้นทะเล
หลังจากผ่านการต่อสู้ที่อันตรายประหนึ่งยืนบนน้ำแข็งเปราะอันยาวนาน สวี่ชีอันค่อยๆ ประคองความสมดุล ความสมดุลที่จะมีชีวิตรอดในการต่อสู้ที่เหมือนการไต่เส้นลวดนี้
ระดับเหนือมนุษย์ล้วนมีข้อดีข้อเสีย กลวิธีของเทพเจ้ากู่หลากหลายและแปลกประหลาด
แต่ฮวงนั้นแปลกแหวก น่ากลัวถึงชีวิต กลับมีจุดอ่อนสูงสุด อย่างเช่นความเร็ว เขาไม่สามารถควบคุมวิชากระโดดสู่เงาให้เคลื่อนที่อย่างไร้ร่องรอยเหมือนอย่างเทพเจ้ากู่
สวี่ชีอันรบรัดกับเทพเจ้ากู่ด้วยความพลิกแพลงของมหาเนตร โดยส่วนมากฮวงได้แต่เฝ้ามองอยู่ข้างๆ
เพื่อเป็นการเพิ่มความสามารถในการพิเคราะห์ไว้รับมือสถานการณ์ที่ล่อแหลม สวี่ชีอันจึงใช้ร่างธรรมแห่งปัญญาในเจดีย์พุทธะ ล้อไฟหมุนไปข้างหน้าและเพิ่มสติปัญญาของเขา
เขารู้สึกว่าฉลาดขึ้นมากจริงๆ แต่พลังกายที่เสียไปในการใช้สมองก็เพิ่มขึ้นด้วย…
การรบรัดเปล่าประโยชน์ เป็นเพียงการเสียเวลาเปล่า อีกทั้งเทพพ่อมดก็หลุดพ้นจากผนึกแล้ว ต้าฟ่งตกอยู่ในอันตราย จะต้องคิดหาวิธีตัดเขาเพียงหนึ่งเดียวของฮวง และช่วยชีวิตท่านโหราจารย์ ข้าจึงจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นเทพยุทธ์ครึ่งก้าว…
แต่หากเข้าใกล้ฮวงก็เท่ากับตายสถานเดียว ทำเช่นไรดี…
สมองของสวี่ชีอันทำงานเกือบถึงขีดสูงสุด ความคับขัน ความวิกฤติและความกังวลเคี่ยวกรำเป็นสามเท่า
สถานการณ์ในตอนนี้คือ หลุมดำกลุ่มหนึ่งลอยไปลอยมา ไล่ตามเขา
ภูเขาเนื้อแห่งหนึ่งซึ่งลึกลับซับซ้อน กลวิธีควบคุมพิลึกและยากที่จะป้องกันกำลังรบเร้าเขา
การต่อสู้จวบจนขณะนี้ เขาทำได้เพียงฝืนรับฝืนสู้ระดับเหนือมนุษย์ทั้งสอง ยังคงต้องพึ่งพิงการช่วยเหลือจากมหาเนตร หากไร้ซึ่งเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างมหาเนตร ก็คงถูกเทพเจ้ากู่และฮวงผลัดกันสั่งสอนให้รู้จักกาลเทศะไปนานแล้ว
ผลกระทบจาก ‘อำพราง’ ของเทพเจ้ากู่ที่เกิดกับข้ามีเพียงหนึ่งวินาที ทุกการเว้นสิบลมหายใจจึงจะสามารถสำแดงผลครั้งหนึ่ง ส่วนไสยศาสตร์กู่อื่นๆ เขายังไม่เคยร่าย แต่คงรับมือไม่ยากเท่าอั้นกู่…
“ความเร็วของฮวงตามข้าไม่ทัน ดูปลอดภัยตั้งแต่แรกเห็น แต่เพียงผิดพลาดครั้งเดียว ข้าก็จบสิ้น…”
“คงสู้ไม่ชนะระดับเหนือมนุษย์สองคนเป็นแน่ ในเมื่อพลังไม่พอ เช่นนั้นก็ต้องคิดหาวิธีอื่น ตำราพิชัยสงครามกล่าวไว้ว่า ‘จู่โจมเมืองมิสู้จู่โจมใจ’ เทพเจ้ากู่มีเทียนกู่ สติปัญญาเด่นเหนือใคร ฉลาดกว่าข้า”
“ฮึม แม้ฮวงจะมีระดับเชาวน์ปัญญาได้มาตรฐาน แต่นิสัยมักมากและฉุนเฉียว มีข้อบกพร่องที่ชัดเจน ซึ่งพอใช้ประโยชน์ได้…”
สวี่ชีอันกวาดมองหลุมดำที่โถมเข้าอย่างรวดเร็ว เขาดีดนิ้วเคลื่อนย้ายตนเองไปยังที่ที่ไกลออกไป ก่อนเอ่ยเสียงดังว่า
“เมื่อครู่ โชคชะตาในร่างกายของข้าส่งสัญญาณแล้ว นี่ทำได้เพียงพิสูจน์ว่า ไม่ก็พระพุทธเจ้าเริ่มกลืนกินที่ราบลุ่มภาคกลาง ไม่ก็เทพพ่อมดหลุดพ้นจากผนึก”
“พวกเจ้ายังอยากสู้กับข้าที่นี่ไปอีกนานเท่าใด”
เทพพ่อมดไม่สะทกสะท้าน แต่ฮวงได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน หลุมดำค่อยๆ รวมตัวกันกลางอากาศทีละน้อย
แววตาของเทพพ่อมดสงบนิ่งและเปี่ยมด้วยปัญญา เขาแผดเสียงอันน่าเกรงขามและทรงพลังว่า
“อย่าให้โดนเขาสะกดจิต ระดับเหนือมนุษย์ต้องการเวลาในการกลืนกินที่ราบลุ่มภาคกลาง แต่ขอเพียงพวกเราสังหารเขา ก็จะสามารถชิงโชคชะตาในร่างกายของเขาได้โดยตรง”
หลุมดำโถมเข้ามาต่อโดยไม่ลังเลอีกต่อไป
และในขณะเดียวกันนี้ เทพเจ้ากู่ได้ร่ายวิชาอำพรางใส่เขาและเจดีย์พุทธะอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ เงาร่าวของสวี่ชีอันกลับแวบหายไปปรากฏตัวห่างออกไปหลายร้อยจั้งเสมือนรู้ล่วงหน้าโดยไม่ต้องทำนาย
จากนั้นไม่นาน ตำแหน่งเดิมที่เขาอยู่ถูกแทนที่ด้วยหลุมดำ
ร่างธรรมแห่งปัญญาของเจดีย์พุทธะไม่เพียงเพิ่มสติปัญญา มันยังเป็นเครื่องส่งสัญญาณ หากเทพเจ้ากู่ร่ายวิชาอำพรางใส่เขากับเจดีย์พุทธะ การเสริมพลังสติปัญญาก็จะหายไป
สวี่ชีอันจึงสามารถรับสัญญาณ และกระโดดเคลื่อนย้ายล่วงหน้า
และเนื่องด้วยเวลาของวิชาอำพรางมีเพียงหนึ่งวินาที โดยพื้นฐานจึงเท่ากับว่าได้สลายผลจากวิชาอำพรางไปแล้ว
“โฮก!”
เสียงคำรามทุ้มต่ำที่เดือดดาลดังออกมาจากหลุมดำ เขาคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง
ในยุคโบราณเขาสามารถเดินผ่าเหล่า แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกันอย่างเทพเจ้ากู่ ก็ยังไม่อยากยั่วโมโหเขา สาเหตุเป็นเพราะฮวงทั้งทรงพลังทั้งหยาบช้า ที่ทรงพลังก็เพราะพลังวิเศษฟ้าประทานที่กระทั่งผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกันยังรู้สึกว่ารับมือได้ยาก
ที่หยาบช้าเป็นเพราะจุดอ่อนของเขาเด่นชัดเกินไป ผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกันมีวิธีรับมือและหลบเลี่ยง
เหมือนจอมยุทธ์สุดๆ
“ข้าช่วยท่านโหราจารย์ไม่ได้ แต่พวกเจ้าก็สังหารข้าไม่ได้ จะชิงโชคชะตาของข้าไปเช่นไร”
สวี่ชีอันเอ่ยเสียงดังว่า “เทพพ่อมดและพระพุทธเจ้ากำลังตอดกลืนต้าฟ่ง เจ้าทั้งสองยังอยู่โพ้นทะเล ต่อให้รีบกลับมาก็ต้องใช้เวลา พวกเจ้าสูญเสียโอกาสในการช่วงชิงวิถีแห่งฟ้าไปแล้ว”
พลังกลืนกินของหลุมดำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน
ขณะนี้ สวี่ชีอันเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหาเทพเจ้ากู่ ระหว่างนั้น ผิวกายของเขาปรากฏลายเส้นที่บิดเบี้ยวและสลับซับซ้อน กล้ามเนื้อทั้งตัวปูดนูนขึ้นเป็นก้อนๆ ในฉับพลัน เปี่ยมด้วยพลังในการเคลื่อนภูผาถมสมุทร
พื้นที่ว่างเปล่าโดยรอบเกิดความบิดเบี้ยว เสมือนไม่อาจแบกรับพลังของเขา เกาะเทพมารด้านล่างเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรง แผ่นดินแยกออกเป็นเส้นสาย
เขาพุ่งศีรษะไปยังเทพเจ้ากู่
ทันทีที่ได้เห็นสถานการณ์ เทพเจ้ากู่จึงทำให้กล้ามเนื้อขยายขึ้นเป็นมัดๆ ดั่งเหล็กกล้า รูอากาศที่อยู่ตรงสันหลังพ่นหมอกโลหิตออกมา ซึ่งก็คือวิชาสังเวยโลหิต
อากาศรอบตัวเขาเองก็เกิดความบิดเบี้ยว ยากที่จะแบกรับพลังของภูเขาเนื้อแห่งนี้
และเมื่อเทียบกับการกระแทกอันป่าเถื่อนจากจอมยุทธ์ซึ่งหยาบช้าอย่างสวี่ชีอัน เทพเจ้ากู่ไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้าปะทะแบบไม่ยอมลดราวาศอกเลย เขากลับอ้าปากคายสาวงามออกมาทีละคน
จำนวนประมาณสิบกว่าคน สาวงามเหล่านี้มีรอยยิ้มอันงดงามล้มบ้านล้มเมือง ทั้งเรือนร่างไร้ซึ่งเส้นใยผ้า หน้าอกหนักแน่น ต้นขาสูงยาว ท้องน้อยเรียบเต่งตึง บั้นท้ายอวบกลมสมบูรณ์…
พวกนางกระตุ้งกระติ้งให้เทพยุทธ์ครึ่งก้าวที่กำลังบุกเข้ามาอย่างโดดเด่นโดยไร้ซึ่งความกลัว และทำท่าทางยั่วเย้าใจคน
ชั่วพริบตาเดียว เสียงนางมารจรดหูสวี่ชีอัน เส้นเลือดสูบฉีด ในสมองหลงเหลือเพียง ของข้าใหญ่มาก เจ้าทนหน่อย…
เทพเจ้ากู่กระตุ้นราคะของเขา
เหมือนกระบวนท่านี้มีไว้สะกดสวี่ชีอันโดยกำเนิด ทำให้เขาสับสนว้าวุ่นได้สำเร็จ ก่อกวนจังหวะจู่โจม เสื่อมสลายจิตใจอันแน่วแน่
เงามืดส่วนล่างสุดของร่างกายเทพเจ้ากู่เกิดการสั่นสะบัด ทักษะ ‘อำพราง’ สะสมพลังรอการปลดปล่อย ขณะนี้เอง แสงดาบสีทองเหลืองพวยพุ่งขึ้นมาจากด้านหลังของสวี่ชีอัน และสะบั้นพวกนางไร้ราคาสะดีดสะดิ้งสิบกว่าคนทิ้ง
ดาบสยบดินแดนที่ซุ่มซ่อนไว้ยาวนานออกโรงแล้ว มันขจัดการเย้ายวนของสาวงามแทนเขาด้วยวิธีขย่ำดอกไม้อันทารุณ
พวกนางกลายเป็นก้อนเลือดเนื้อสีแดงเข้มขยุกขยิก เลือดเนื้อเหล่านี้ขยายขึ้นในฉับพลัน และกลายเป็นหมอกม่วงปิดกั้นท้องฟ้าบดบังตะวัน
“ซีๆ …”
ผิวหนังของสวี่ชีอันเกิดควันสีม่วงอย่างรวดเร็ว และถูกกัดกร่อนสาหัส ลูกตาแสบร้อน วิสัยทัศน์เลือนราง
ตู๋กู่ของเทพเจ้ากู่ไม่ใช่ธรรมดา มันสร้างบาดแผลให้เทพยุทธ์ครึ่งก้าวอย่างง่ายดาย
สวี่ชีอันเหินลมดิ่งลงไปในทันที เขาวิ่งตะบึงบนอากาศ พุ่งตัวออกจากขอบเขตที่ปกคลุมด้วยหมอกพิษ และคว้าดาบสยบดินแดน
จากนั้น เขารวบรวมมวลพลังปราณทั้งหมด เก็บอารมณ์ทั้งหมด ‘หลุมดำ’ ตันเถียนพังทลาย รวมตัวเป็นพลังอันมหาศาลทั่วร่าง
ทว่าในขณะที่เขากำลังจะแกว่งดาบ แขนกลับไม่รับการควบคุมอย่างกะทันหัน ร่างกายแสดงสภาวะทื่อแข็ง
ไม่รู้ว่าสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายเหล่านั้นมีชีวิตขึ้นตั้งแต่เมื่อใด มันลอกคราบกลายเป็นหนอนดำตัวเล็กตัวน้อยทีละตัว พวกมันฝังตัวอยู่ในเลือดเนื้อ พร้อมกับควบคุมบางส่วนที่ตนเองฝังตัวลงไป และแย่งชิงสิทธิ์ในการควบคุมร่างกายกับสวี่ชีอัน
ซือกู่…ความคิดของสวี่ชีอันแวบขึ้นมา ครู่ต่อมา สายตามืดบอด เขาถูกอำพรางอีกครั้ง
นี่ก็คือกลวิธีของเทพเจ้ากู่ ลงมือต่อเนื่อง พิลึกเกินดาคเดา
หลุมดำคว้าโอกาสลอยเข้ามากลืนกินสวี่ชีอันเกือบทั้งตัวอย่างรวดเร็ว
โครม!
ทันใดนั้น สวี่ชีอันซึ่งถูกอำพรางประสาทสัมผัสทั้งห้าและสัมผัสรู้ทั้งหก เป็นฝ่ายเข้าปะทะเทพเจ้ากู่โดยอาศัยสัมผัสทิศทาง เขาแผดเสียงอย่างหนักแน่นว่า
“ฮวง ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะไม่ตายในมือคนไร้ค่าอย่างเจ้า”
ร่างกายอันมหึมาสีแดงเข้มของเทพเจ้ากู่เข้าปะทะอย่างสุดกำลัง พุ่งชนสวี่ชีอันจนร่วงจากท้องฟ้าสู่พื้นดินในทันที เกาะเทพมารสั่น ‘ครืนๆ’ พื้นดินแตกออกเหมือนใยแมงมุม
แม้จะเป็นกายาจิตของเทพยุทธ์ครึ่งก้าวก็ตาม หากโดนเช่นนี้เพียงช่วงสั้นๆ กระดูกอกและซี่โครงคงหักและแทงเข้าอวัยวะในช่องท้องอย่างไม่มีทางเลี่ยง
เทพเจ้ากู่ซึ่งมีกลวิธีของลี่กู่ พลังปราณแทบจะสูงกว่าจอมยุทธ์
ไม่เพียงเท่านี้ จื่อกู่ไต่ออกมาจากผิวกายของเทพเจ้ากู่ประหนึ่งฝูงมด และเจาะเข้าไปในร่างกายของสวี่ชีอัน เมือกพิษหลั่งออกมาเป็นเส้นสาย ย้อมชโลมผิวหนังของเขา
เพียงครู่หนึ่ง ภายใต้หนังหน้าของสวี่ชีอันก็ปรากฏเม็ดเล็กๆ ปูดขึ้นนับไม่ถ้วน มันเลื้อยไต่อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันผิวหนังก็กลายเป็นสีม่วงเข้ม เนื้อหนังเน่าพุพอง
ไสยศาสตร์กู่แขนงหลักต่างๆ ปรากฏอย่างครบถ้วน เขาควบคุมเทพยุทธ์ครึ่งก้าวผู้นี้สำเร็จ
ฮวงร้อนใจเมื่อได้เห็นสถานการณ์ เขาพุ่งศีรษะตรงไปที่เทพเจ้ากู่และสวี่ชีอัน
โชคชะตาในร่างกายของสกุลสวี่มีมหาศาล หากกลืนกินเขา และช่วงชิงวิถีแห่งฟ้าก็เท่ากับชนะไปแล้วครึ่งหนึ่ง เขาจะเบิ่งตามองเทพเจ้ากู่เด็ดลูกท้อไปได้เช่นไรกัน ทั้งนี้ คำพูดของสวี่ชีอันก่อนหน้านี้ก็ไม่มีหลักการเอาเสียเลย
เทพพ่อมดและพระพุทธเจ้ากลืนกินกำลังเริ่มกลืนกินที่ราบลุ่มภาคกลางและยึดครองอาณาบริเวณ เขากลับยังอยู่โพ้นทะเล ห่างไกลจากแผ่นดินจิ่วโจวอย่างไม่มีอะไรเปรียบ
เสียเวลาอีกไม่ได้แล้ว
เสียงที่ยิ่งใหญ่ของเทพเจ้ากู่ดังขึ้นโดยเผยให้เห็นความเข้มขรึมว่า
“อย่าโดนเขายั่วยุ ข้าแบ่งโชคชะตาให้เจ้าครึ่งหนึ่งได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...