ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 97

เสียงนั้นน่าสยดสยองมากเสียจนทำให้สวี่ชีอันขนลุกซู่ทั้งแผ่นหลังในทันใด และต้องหันกลับไปมองยังทะเลสาบซังผอโดยอัตโนมัติ

หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลที่เฝ้ายามโดยรอบไม่สามารถหันไปมองยังพิธีได้ ทว่าสวี่ชีอันกลับล้ำเส้น

เขามองเห็นจักรพรรดิหยวนจิ่งค่อยๆ เสด็จขึ้นไปยังพระแท่นสามก้าวพร้อมกับคุกเข่าลง พระองค์สวมฉลองพระองค์สีเหลืองอร่ามลายมังกร เห็นขุนนางและนายทหารหลายร้อยนาย รวมทั้งพระราชโอรส พระราชธิดา รวมถึงเว่ยเยวียนกับบุตรชายของเขาทั้งสองกำลังชมพิธีจากริมฝั่ง

เขามองเห็นวิหารตั้งตระหง่าน ทหารรักษาวังและขันที

ชั่วขณะที่เขาหันกลับ เสียงนั้นก็หายไปแล้ว

หูแว่วงั้นหรือ

ข้าไม่ได้เจอฝูเซียงมาสามวันแล้ว ทว่าดวงตายังไม่พร่ามัวนี่หว่า

สวี่ชีอันสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่กล้ามองอีกต่อไป และหันกลับมาถาม “พวกเจ้ารู้จักเรื่องราวที่เกี่ยวกับซังผอมากแค่ไหนหรือ”

จูกว่างเสี้ยวและซ่งถิงเฟิงให้คำตอบ แต่ไม่มีเรื่องสลักสำคัญ มันก็แค่ ‘สถานที่ตรัสรู้ขององค์จักรพรรดิผู้สถาปนา’ ‘กระบี่บรรณาการจากเต่าดำ’ ‘สถานที่บวงสรวงของราชวงศ์’ และอื่นๆ ที่สวี่ชีอันรู้นานแล้ว

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับมีวิญญาณร้ายเกาะอยู่บนหลังและกระซิบข้างหู

สวี่ชีอันทำคอแข็งค่อยๆ หันกลับไป และมองเห็นฉากการบวงสรวงอีกครั้ง แต่เสียงนั้นก็หายไปในชั่วพริบตาขณะที่เขาหันกลับ

ความหวาดกลัวที่มองไม่เห็นเข้าครอบงำจิตใจของเขาและทำให้ขนลุกไปทั่วร่าง

ทะเลสาบซังผอเป็นที่ที่องค์จักรพรรดิผู้สถาปนาต้าฟ่งตรัสรู้ เป็นสถานที่บวงสรวงบรรพบุรุษของราชวงศ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเสียงร้องขอความช่วยเหลือน่าสยดสยองที่ผ่านเข้าหู…สวี่ชีอันตัวสั่นสะท้านท่ามกลางสายลมอันหนาวเหน็บ

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’

สวี่ชีอันกลัวจับใจ ขวัญกระเจิงจนอยากวิ่งหนีออกไปให้ไกล เขาข่มตัวเองให้สงบนิ่งและหยิบกระจกหยกออกมาโดยไม่สนใจสหายร่วมหน่วยรอบข้างอีกต่อไป

‘สาม: พวกเจ้ารู้จักซังผอมากแค่ไหน บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ เพราะมันสำคัญมาก’

‘สอง: โอ้ หมายเลขสามตอบแล้วแฮะ เจ้าอยู่ในพิธีบวงสรวงที่ซังผอจริงๆ หรือ’

สวี่ชีอันไม่ได้ใส่ใจกับหมายเลขสอง เขารออยู่ครู่หนึ่งและเห็นข้อความจากหมายเลขสี่

‘สี่: ซังผอเป็นสถานที่ที่องค์จักรพรรดิผู้สถาปนาต้าฟ่งได้ทรงตรัสรู้ หลังจากการสถาปนาต้าฟ่ง ก็ตั้งเมืองหลวงที่ซังผอ อย่างไรก็ตามตำนานเรื่องเล่าของเต่าดำยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ที่ชัดเจนและไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก ทว่ากระบี่เทพมีอยู่จริง ซึ่งกระบี่ที่องค์จักรพรรดิผู้สถาปนาใช้ในตอนนั้นก็ยังคงประดิษฐานอยู่ในพระวิหารบนแท่นศิลาสูงกลางทะเลสาบ’

เมื่อหมายเลขสี่พูดจบ นักบวชเต๋าจินเหลียนจึงกล่าวเสริม

‘เก้า: นั้นเป็นอาวุธวิเศษที่เป็นสัญลักษณ์ชะตากรรมของต้าฟ่งทีเดียว’

‘สี่: แท้จริงแล้วระหว่างการสู้รบที่ด่านซานไห่ในปีนั้น จักรพรรดิหยวนจิ่งเข้าไปอัญเชิญอาวุธวิเศษในพระวิหารและมอบให้แก่อ๋องสยบแดนเหนือด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ที่เอาชนะในสมรภูมิซานไห่ได้ นอกจากกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งของเว่ยเยวียนแล้ว ก็อย่าลืมความสามารถในการรบของอ๋องสยบแดนเหนือเด็ดขาด’

ในวิหารมีกระบี่เทพงั้นหรือ

หรือเป็นกระบี่เล่มนั้นที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือจากข้าอยู่

ก่อนอื่นยังไม่ต้องคิดถึงขั้นที่ว่ากระบี่มีความคิดจิตใจของตัวเองหรือไม่ มันจะขอความช่วยเหลือจากเขาไปเพื่ออะไร

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’ น้ำเสียงนั้นทวีความโหยหวนขึ้นทันใด ราวกับไม่พอใจที่สวี่ชีอันเมินเฉย

เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังก้องอยู่ในหู สั่นประสาทของสวี่ชีอัน ทำเอาเขาวิงเวียนเล็กน้อย และเกิดอาการสับสน

เขาหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับพิมพ์ข้อความลงไป ‘สาม: ยังมีอีกหรือไม่ ข้าต้องการข้อมูลที่ครอบคลุมมากกว่านี้ ตราบใดที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ข้าอยากรู้ทั้งหมด ไม่ว่าจริงหรือเท็จ’

หลังจากส่งสารไปแล้ว เขาก็หันกลับไปมองและพยายามทำให้เสียงกระซิบข้างหูนั้นเงียบลงไป

ทว่าครั้งนี้กลับไม่เป็นผล เขาหันกลับไปโดยที่เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือนั้นยังคงอยู่

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย’

เส้นเลือดบนหน้าผากของสวี่ชีอันปูดขึ้นเพราะเสียงนั้นทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจของเขาราวกับเข็มเหล็ก

‘สี่: พอเจ้าพูดขึ้นมาข้าก็นึกถึงตอนที่สังคายนาบันทึกประวัติศาสตร์เมื่อนานมาแล้ว ข้าเคยอ่านเจอบันทึกท่อนหนึ่งที่กล่าวว่า ที่ซังผอได้รับการคุ้มกันจากห้ากองทัพประจำเมืองหลวง มีการป้องกันอย่างแน่นหนาอย่างทุกวันนี้ และห้ามผู้ใดก็ตามเข้าใกล้โดยไม่ได้รับอนุญาต ใช่แล้ว ‘ผู้ใดก็ตาม’ เพราะเมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว องค์รัชทายาทในตอนนั้นแล่นเรืออยู่ที่ซังผอ ไม่ทันระวังจึงลงไปในทะเลสาบ หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากองครักษ์ พระองค์ก็ประชวรด้วยโรคหวาดผวาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หกเดือนต่อมาก็พบว่าพระองค์สิ้นพระชนม์จากการจมน้ำที่ซังผอ ราชวงศ์เชื่อว่าเป็นเพราะองค์รัชทายาทที่ทำให้วิญญาณของบรรพชนโกรธแค้นจึงถูกลงโทษ และเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก จึงสั่งห้ามเข้าออกซังผอและใช้เป็นสถานที่บวงสรวงบรรพบุรุษเท่านั้น’

องค์รัชทายาทตกลงไปในทะเลสาบจนกลายเป็นโรคหวาดผวา…พระองค์ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือเช่นเดียวกับข้าหรือไม่…ข้าจะก้าวซ้ำรอยเดิมแล้วถูกพบว่าจมน้ำตายในซังผอไหมเนี่ย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้สวี่ชีอันจึงหน้าซีดราวกับตกอยู่ในโรงเก็บน้ำแข็ง

ซังผอต้องมีความลับบางอย่างที่ทำให้บรรพชนโกรธแค้น ทว่าองค์รัชทายาทผู้โชคร้ายไม่รู้เรื่องนี้ มิฉะนั้นพระองค์คงไม่มีวันลงไปพายเรือในซังผอเป็นแน่

ซึ่งก็สามารถเดาได้ว่าความลับดังกล่าวน่าจะมีเพียงองค์จักรพรรดิในอดีตเท่านั้นที่ล่วงรู้

ทว่าเพราะเหตุใดองค์จักรพรรดิผู้รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังจึงไม่สั่งปิดซังผอ และรอจนเกิดโศกนาฏกรรมกับองค์รัชทายาทขึ้นเสียก่อนถึงจะมีพระราชโองการลงมา

สวี่ชีอันผู้เชี่ยวชาญในการอนุมาน มีข้อสงสัยผุดขึ้นในใจทีละข้อๆ

‘หก: หมายเลขสามเหตุใดจึงถามเช่นนี้’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง