คุณหมอหลี่ส่งเสียงอย่างไม่พอใจ “แบบนี้มันเรียกว่าอะไรกัน?ผมไม่ได้หมายความว่าให้คุณมองดูคนตายไปแบบไม่ช่วยอะไรแน่นอน แต่ที่แน่ ๆ คือคุณไม่สามารถมารักษาคนไข้ของผมโดยไม่ดูความสามารถของตัวเองแบบนี้?ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมา ใครจะเป็นคนรับผิดชอบผมหรือว่าคุณ?”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีปากมีเสียงกันอยู่นั้น ทันใดนั้นคุณปู่อู๋ก็พอพรรคพวกเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างสง่าผ่าเผย ดูมีออร่าไม่ใช่คนธรรมดา
ท่านผู้เฒ่าท่านนี้ดูจากการแต่งกายและท่าทางก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดา ท่าทางดูเอาเรื่องมาก ๆ เหมือนจะมาหาเรื่องยังไงอย่างนั้น
“เมื่อครู่ คุณหมอท่านไหนเป็นคนรักษาหลานสาวของผม?”
พอคุณหมอหลี่ได้ยินเข้าก็คิด จบแล้ว เขามาเอาเรื่องแน่ ๆ
เขาจึงรีบเดินเข้าไปอธิบาย “คุณผู้ชายครับ ผมเป็นหมอกุมารเวช แต่ว่าผมเพิ่งเข้างานมาเมื่อกี้นี้เอง คนที่เป็นคนรักษาหลานของคุณคือเธอครับ!มีเรื่องอะไรก็ให้เธอรับผิดชอบเลยครับ!”
หลินเยวี่ยเหยาหน้าซีดเผือดทันที เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเธออุตส่าห์ช่วยหมอกุมารเวชรับเคส สุดท้ายกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอก็ทำได้แค่กลั้นใจรับผิดชอบ
“คุณผู้ชายคะ เด็กผู้หญิงเมื่อสักครู่นี้ฉันเป็นคนรักษาเองค่ะ มีอะไรฉันจะรับผิดชอบเองค่ะ”
คุณปู่อู๋ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “แต่ผมได้ยินมาว่า เป็นชายหนุ่มที่รักษาเธอนะ”
“เอ่อ……” หลินเยวี่ยเหยาค่อนข้างลำบากใจ เด็กผู้หญิงเมื่อครู่นี้ฉินจุนเป็นคนช่วยรักษาจริง ๆ แต่เขาเป็นแค่หมอในคลินิกธรรมดา ไม่ใช่หมอในโรงพยาบาลอย่างพวกเธอ หนังสือรับรองอะไรก็ไม่มี ถ้าหากเมื่อใดเกิดเรื่องขึ้นมา เกรงว่าจะต้องรับผิดชอบหนักกว่าเดิม
หลินเยวี่ยเหยาเอ่ย “ไม่มีคนอื่นแล้วค่ะ มีแค่ฉัน ฉันเป็นคนรักษาเอง”
เธอเพิ่งจะพูดจบไม่ทันไร ฉินจุนก็เดินออกมาจากห้องทำงานของเธอ
“ผมเอง”
สีหน้าของหลินเยวี่ยเหยาเปลี่ยนไปทันที “พี่ออกมาทำไม!” ออกมาตอนนี้มันไม่เรื่องว่าหาเรื่องให้ตัวเองหรือยังไง ตอนนี้หลินเยวี่ยเหยาทำงานในโรงพยาบาลราบรื่นมากพอจะมีลู่ทาง ถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาจริง ๆ หัวหน้าก็คงไม่ได้จะลงโทษหรือต่อว่าอะไรเธอมาก แต่กับฉินจุนมันไม่เหมือนกัน เขาไม่มีสิทธิและอำนาจใด ๆ ถ้าหากว่าอีกฝ่ายเอาเรื่องขึ้นมาไม่ยอมปล่อย เขาก็มีแต่ตายกับตาย
แต่ทว่าพอคุณปู่อู๋เห็นฉินจุนเข้า ก็รีบเดินมากุมมืออย่างนอบน้อมพร้อมกับเอ่ย
“คุณหมอเทพครับ เมื่อสักครู่ลูกชายผมมันไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำตัวเสียมารยาทกับคุณหมอ หวังว่าคุณหมอจะให้อภัยนะครับ”
ขณะที่พูดไป อู๋เทียนก็เดินออกมาจากด้านหลัง ก้มหน้าก้มตาด้วยสีหน้าทำตัวไม่ถูก
“คุณหมอเทพ เมื่อครู่ผมทำตัวไม่ดี ต้องขอโทษคุณหมอจริง ๆ ได้โปรดให้อภัยผมด้วยครับ”
ภายในพริบตา ทุกคนก็ต่างงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?
ไม่ได้มาเพื่อเอาเรื่องกันหรอกเหรอ ทำไมดันพากันมาขอโทษแทนล่ะ?
สองคนนี้ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่คนธรรมดานะ ทำไมถึงมาก้มหัวให้กับชายหนุ่มวัยรุ่นแบบนี้?
ฉินจุนรู้ว่ามันจะต้องมีเรื่องแบบนี้ “เด็กน้อยอาการกำเริบอีกแล้วใช่ไหม”
คุณปู่อู๋รีบเอ่ยตอบกลับไป “ใช่ครับ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลข้าง ๆ เหล่าคุณหมอต่างไม่มีใครทำอะไรได้ เราจึงมาเชิญคุณหมอช่วยไปดูอาการ!”
ฉินจุนก็ไม่มีเวลามาพูดอะไรกับพวกเขามากมาย “นำทางเลย” เราต้องรีบทำเวลาเพื่อช่วยชีวิต ก่อนหน้านี้ฉินจุนเพียงแค่ช่วยรักษาอาการหายใจลำบากของเด็กน้อย แต่ว่าอาการปวดที่ท้องของเธอเขายังไม่ได้ทำการรักษา ยังไม่ทันจะได้ฝังเข็ม อู๋เทียนก็อุ้มเด็กน้อยออกไปแล้ว
อาการป่วยของเด็กน้อยคนนั้นรุนแรงมาก ถ้าหากไม่รีบรักษาให้ทันเวลา ก็อาจจะเกิดอาการอื่น ๆ ตามมาได้
ฉินจุนกับคุณปู่อู๋และคนอื่น ๆ รีบก้าวอย่างรวดเร็วมาที่โรงพยาบาลข้าง ๆ หลินเยวี่ยเหยาและคนอื่น ๆ ต่างสบสายตากัน เพราะเนื่องจากพวกเขาไปที่โรงพยาบาลข้าง ๆ พวกเธอจึงไม่ได้ตามไป แต่ว่าหลินเยวี่ยเหยานั้นเป็นกังวลมาก ๆ
ฉินจุนพอมีความสามารถอยู่บ้างเธอรู้ดี ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นที่โรงพยาบาลนี้ อย่างน้อยเธอยังสามารถช่วยเหลือได้ ถ้าหากมันแย่จริง ๆ ก็วานคนไปหาอาจารย์หมอฉิน อาจารย์หมอฉินจริง ๆ ท่านจะต้องช่วยแก้ปัญหาได้แน่นอน
แต่นี่ไปที่โรงพยาบาลข้าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นถิ่นของคนอื่นแล้ว เธอก็พูดอะไรไม่ได้
แล้วแบบนี้จะทำอย่างไร!
……
หลังจากฉินจุนตามคุณปู่อู๋มา ก็เห็นเด็กน้อยนอนบิดตัวงออยู่บนเตียงคนไข้ ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด เหงื่อออกเต็มตัวไปหมด ที่หน้าผากมีหยดเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด ดูแล้วอาการปวดที่ท้องน่าจะรุนแรงเกินทนไหว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง