ช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ในเมืองตงไห่ สถานการณ์ของตระกูลซูกับตระกูลหัวไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แม้ว่าเดิมทีพวกเขาจะเป็นตระกูลยักษ์ใหญ่แห่งเมืองตงไห่ แต่ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาธุรกิจของพวกเขาเสียหายไปไม่น้อย
แต่ว่าพวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะตอนนี้ไม่มีตระกูลฉีแล้ว
ก่อนหน้านี้ฉินจุนเคยเตือนพวกเขาแล้วว่า ทั้งสามตระกูลนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้าหากตอนนั้นตระกูลฉินยังอยู่ บางทีพวกเขาก็อาจจะหวาดกลัว แต่นี่แค่เศษซากเล็ก ๆ ของตระกูลฉิน จะทำอะไรได้?
ดังนั้น เพราะเป็นแบบนี้ ตระกูลฉีจึงถูกทำลายไปแล้ว
พวกเขาสองตระกูลยังไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น พอเช้าวันต่อมาก็ได้ข่าวแล้วว่าคนของตระกูลฉีทั้งหมดขึ้นเครื่องบินอพยพไปต่างประเทศหมดแล้ว พวกเขารวดเร็วมาก แม้แต่ธุรกิจของตระกูลฉีตั้งมากมายก็ไม่เอาแล้ว ละทิ้งทุกอย่างจากแผ่นดินเกิด แม้แต่ทรัพย์สินกว่าหลายร้อยล้านก็ทิ้งหมด
โทรศัพท์ไปหาก็ไม่สามารถติดต่อคนของตระกูลฉีได้เลย เหมือนกับว่าพวกเขาได้สาบสูญไปจากโลกใบนี้แล้ว
มีที่สองตระกูลมั่นหมายกันไว้ มาตอนนี้แม้แต่ลูกสะใภ้ก็ไม่เอาแล้ว
พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตระกูลฉี ก็ทำเอาอีกสองตระกูลที่เหลือตกตะลึง
หลังจากนั้นผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาถึงได้รู้ว่าท่านผู้เฒ่าตระกูลฉีเสียแล้ว!
การที่ตระกูลฉีถูกทำลาย ทำให้พวกเขาสองตระกูลไม่กล้าลงมือทำอะไร อยู่แต่ในบ้านแทบไม่กล้าออกไปข้างนอก คอยกำกับดูแลธุรกิจจากทางไกล
ถึงแม้จะออกข้างนอก ก็สวมหน้ากากอนามัยใส่แว่นดำ ไม่พูดคุยกับใคร และก็ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับใคร
พอจู้หมิงมาถึงคฤหาสน์ตระกูลซู ก็กดกริ่งที่หน้าประตู แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่มีใครตอบกลับ
“คุณมาหาใคร?”
ในเวลานี้ตระกูลซูมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา มีบอดี้การ์ดมากกว่าสิบคนในรั้วบ้าน เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายใดๆ
“ฉันมาหาคุณชายรองของตระกูลซู ซูจินเลี่ย !”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังออกมา
“จู้หมิง?นายมาทำอะไร”
“คุณชายซูลำดับที่สอง ผมมีเรื่องสำคัญจะมาแจ้งให้ท่านทราบ มันเกี่ยวกับตระกูลฉิน!”
ทางอีกด้านหนึ่งของเครื่องอินเตอร์คอมออกอาการลังเลไปพักหนึ่ง “นายเข้ามาก่อนมา!”
พูดจบ บอดี้การ์ดสองคนก็มาเปิดประตูเล็กให้จู้หมิง พอจู้หมิงเดินเข้ามาถึงพบว่า บอดี้การ์ดที่นี่ต่างพกปืนกันทุกคน แต่ละคนต่างเฝ้าระวังเตรียมพร้อมมาก ๆ ดูเหมือนว่าตระกูลซูจะหวาดวิตกมาก ๆ
พอเดินเข้ามาในบ้าน คนของตระกูลซูต่างอยู่ครบ ทุกคนเบื่อกับการนั่งเล่นโทรศัพท์ที่บ้าน
สีหน้าของซูจินเลี่ยเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ช่วงนี้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ลำบากมาก ๆ
“จู้หมิง นายมีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา”
จู้หมิงเอ่ย “วันนี้ผมเจอคุณชายฉินลำดับที่สองแล้ว!”
สีหน้าของซูจินเลี่ยเปลี่ยนไปทันที “คุณชายฉินลำดับที่สอง?ฉินเฟยหยู ?นายมาพูดพล่ามเรื่องไร้สาระอะไร ฉินเฟยหยูตายไปตั้งนานแล้ว!”
จู้หมิงส่ายหน้า “ผมเห็นเองกับตา เหมือนว่าฉินเฟยหยูจะได้รับบาดเจ็บ วันนี้ฉินจุนเพิ่งรักษาให้หายขาด พอเจอผมเขายังทักทายผมอยู่เลย ถึงแม้ว่าไม่ได้เจอกันมาสิบปี แต่ผมไม่มีทางจำฉินเฟยหยูไม่ได้แน่นอน”
สมัยนั้นคุณชายฉินลำดับที่สองมีชื่อเสียงมาก ๆ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปสิบปีแล้ว ท่าทางน่าเกรงขามของเขาก็ไม่ได้ลงลด แถมถึงแม้จะเป็นชายวัยกลางคนแล้วแต่รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่
พอได้ยินจู้หมิงพูดแบบนี้ สีหน้าของซูจินเลี่ยก็ยิ่งย่ำแย่หนักกว่าเดิม
ไม่คิดเลยว่าตระกูลฉินมีคนมีชีวิตอยู่อีก แค่ฉินจุนคนเดียวก็ยากที่จะต่อกรแล้ว ตอนนี้ฉินเฟยหยูก็มาปรากฏตัวอีก!
“นายมาที่นี่ก็เพื่อจะมาบอกข่าวร้ายนี่กับฉันน่ะเหรอ?” สีหน้าของซูจินเลี่ยเคร่งขรึม
จู้หมิงเอ่ย “ไม่ใช่แน่นอนครับ มีข่าวดีด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง