ย้อนกลับไปตอนนั้น เค้าก็เป็นเพียงแค่สุนัขรับใช้ฉินจุนก็เท่านั้น เค้าทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาหลังจากที่ตระกูลฉินล้มลง เค้าก็โชคดีมากขึ้น โชคดีที่เค้าไม่เห็นด้วยกับฉินจุน ไม่อย่างนั้นตระกูลของพวกเค้าก็คงจะได้รับผลกระทบด้วย
เมื่อเห็นฉินจุนในตอนนี้ เค้าก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนของชีวิต
“ฉินจุน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ นายมีลูกแล้วเหรอ?”
พวกเค้าแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นฉินจินเข้ามาพร้อมกับเด็กสาวที่คอนข้างโตแล้ว
ฉินจุนพูดว่า “ไม่ใช่ นี่คือน้องสาวของฉัน”
“โอ้ เล่นเอาซะฉันตกใจหมดเลย คุณคิดว่าหลังจากที่นายออกจากโรงเรียนไปแล้ว นายก็ไปแต่งงานมีลูกไปซะแล้ว”
“หึหึ มันมีหลายคนที่ไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย พวกเค้าก็เลยแต่งงาน นี่มันก็ค่อนข้างนิยมกันในชนบท แต่ในตอนนี้ผู้ชายก็มีแรงบันดาลใจและความมุ่งในอาชีพการงาน อายุสี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดนี่มันก็ยังน้อยเกินไปที่จะแต่งงานนะ ”
ยวีเฉียงพูดอย่างมีมารยาทมาก แต่ในความเป็นจริงคำพูดเต็มไปด้วยการประชด เค้าแสร้งทำเป็นคนดี
เมื่อเร็วๆมานี้หน้าที่การงานของเค้าก็ดีมาก ดังนั้นเค้าก็เลยจงใจที่จะพูดออกมาแบบนี้
“ยังไงก็เถอะ จุนฉิน วันนี้เพื่อร่วมชั้นเรียนของเราจะมีการนัดรวมตัดกันนะ แต่ก็ไม่มีใครติดต่อนายได้เลย วันนี้ฉันก็บังเอิญเจอนายพอดี นายจะมาเจอพวกเราหน่อยไหมหละ?”
ฉินจุนขมวดคิ้ว “ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายสิบปีแล้ว ฉันไม่หละกัน พวกนายไปกันเถอะ”
ฉินจุนปฏิเสธ พวกเค้าทั้งหมดเป็นเพื่อนร่วมชั้นในสมัย ม. ต้น เค้าเองก็ไม่มีความทรงจำอะไรกับเพื่อนๆพวกนี้มากนัก ดังนั้นเค้าก็เลยไม่อยากที่จะไปเจออะไรมาก
ยวี่เฉียงก็ตื้อไม่หยุด “ไปเถอะน่า พวกเค้าก็เพื่อนกันทั้งนั้น ยังไงก็ตาม เพื่อนเก่าที่นายสนิมมากก็มาด้วยนะ วันนี้ดูเหมือนว่าเค้าจะมาด้วย”
“เอ่อ……”
ฉินจุนลังเลเล็กน้อย เพื่อนสมัย ม ต้นของเค้าที่จริงกันจริงๆก็มีเพียงแค่เหรินลู่คนเดียวก็เท่านั้น
ในสมัยเรียน ครอบครัวของเหรินลู่ก็ไม่เลวเลย เค้าไม่เป็นต้องหมกมุ่นอยู่กับคนรวยอะไรมาก ดังนั้นเค้าก้บฉินจุนจึงเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่หลังจากนั้นพวกเค้าทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว
ยวี่เฉียงกระตือรือร้นมาก เค้าโอบไหล่ของฉินจุนแล้วพูดว่า “ไปเถอะน่า มันไม่ง่ายเลยนะที่เพื่อนสมัย ม. ต้ร ของเราจะกลับมารวมตัวกัน ขาดนายไปคนนึงมันก็จะไม่สนุกหละสิ”
ฉินจุนพยักหน้า “ก็ได้”
เค้าเองก็ไม่ได้เจอเหรินลู่มากว่าสิบปีแล้ว ตอนนี้ก็ไม่รู้เลยว่าเหรินลู่เป็นยังไงบ้าง
หลังจากตัดผมเสร็จแล้ว ฉินจุนก็โทรหาป้าเฟิงและขอให้ป้าเฟิงมารับญาญ่ากลับไป
หลังจากที่เห็นว่าป้าเฟิงและญาญ่ากลับไปแล้ว ยวี่เฉียงก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“เมื่อวานฉันเห็นมุกตลกอันนึงมันตลกมาก มันบอกว่าการกลับมารวมตัวของเพื่อน ถ้าจะให้สนุก ก็ต้องสวมหมวกกันน็อคเมื่อขี่จักรยานไฟฟ้า นายเดาสิว่าทำไมกัน?”
อ้ายหลิงตกตะลึงครู่หนึ่งและส่ายหัว “ไม่รู้อะ ทำไมเหรอ?”
ยวี่เฉียงก็ยิ้ม “เพราะกลัวว่าจะมีเพื่อนร่วมงานที่ขับ BMW มาหนะสิ มันน่าอายมากเลยนะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ที่รักนี่ตลกชะมัด”
ทั้งสองก็ร้องเพลงด้วยกัน นี่มันก็ทำให้ฉินจุนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลย
การที่ยวี่เฉียงพูดแบบนี้ เค้าต้องการที่จะล้อเลียนฉินจุน เค้าเพิ่งจะขับรถBMWเข้ามาและมีรถจอดก็มีแค่จักรยานเท่านั้น มันเห็นได้ชัดเลยว่าฉินจุนไม่มีรถขับ
นั่นเป็นเหตุผลที่ ยวี่เฉียงพูดตลกออกมาแบบนี้ มันก็เพื่อแสดงความเหนือกว่าของเค้า
อ้ายหลิงยังแสดงท่าที่มันใจเป็นอย่างมาก การกลับมาเจอกันของเพื่อนสมัย ม ต้น มันไม่ใช่แค่นั้น
เมื่อก่อนทุกคนก็อยู่บนจุดเริ่มต้นเดียวกัน แต่หลังจากที่ผ่านไปหลายปี ความแตกต่างระหว่างพวกเค้ามันก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งมากขึ้น
บางคนก็ได้เป็นเจ้านาย ในขณะที่บางคนยังคงทำงานไปวันๆ ความรู้สึกที่แตกต่างกันนี้มันคือประเด็นหลักของการกลับมาเจอกันของเพื่อนร่วมชั้นเรียน
จะว่ากันตามจริง ฉินจุนก็รู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เค้าเองก็ไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องพวกนี้มากนัก
มันราวกับเจ้าชายผู้มั่งคั่งที่ไม่สนกลอุบายของพวกคนสามัญชน
คนธรรมดาคนหนึ่งพยายามที่จะทำให้คุณเห็นว่าเค้าสวมใส่เสื้อผ้าใหม่ ความจริงแล้วมันไม่มีใครใส่ใจหรือสนใจอะไรกับสิ่งเหล่านี้เลย
หลังจากที่อ้ายหลังทำผมเสร็จ ทั้งสามคนก็ออกจากร้านตัดผมไป
ทันทีที่เขาออกไป ยวี่เฉียงก็หยิบกุญแจรถ BMW ที่ห้อยอยู่ที่เอวของเค้าออกมาแล้วกดมัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง