ซูเหวินฉีขมวดคิ้ว ทันใดนั้นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“หวังจื่อ อย่าทำเหมือนว่าเราสนิทกันได้ไหม ฉันเป็นอะไรกับคุณ? คุณอย่ามานั่งตรงนี้”
ซูเหวินฉีไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด เดิมทีบริษัทแต่งตั้งให้ซูเหวินฉีเป็นแบบประธานที่มีอำนาจ ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับหวังจื่อเธอก็ยิ่งไร้ซึ่งความปรานีใดๆ
สีหน้าหวังจื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า
“เหวินฉีผมก็แค่หวังดี ทำไมคุณต้องเป็นแบบนี้ด้วย? คุณกำลังจะมีคอนเสิร์ตที่ตงไห่ใช่ไหม? แต่ผมได้ยินมาว่าขั้นตอนการแสดงของพวกคุณยังไม่ได้รับการอนุมัติ พอดีเลยวันนี้ผมเชิญผู้บริหารซุนของเมืองตงไห่มาทานอาหาร คุณก็ไปกันด้วยสิ?”
หวังจื่อไม่ได้โกรธเรื่องท่าทีที่ไม่แยแสของซูเหวินฉีเลย เขาสืบมาก่อนแล้วว่าสถานที่สำหรับการแสดงของซูเหวินฉียังไม่ได้รับการอนุมัติ เนื่องจากซูเหวินฉีไม่ใช่นักร้องท้องถิ่น ดังนั้นสนามกีฬาจึงให้สิทธิ์กับนักร้องท้องถิ่นก่อน
แม้ว่าซูเหวินฉีจะมีชื่อเสียงมาก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เขามั่นใจว่าซูเหวินฉีมีปัญหาที่ต้องแก้ไข ดังนั้นเขาจึงยกเรื่องนี้มาบีบเธอ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเหวินฉีก็ขมวดคิ้ว และแค่นหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“เรื่องของฉัน คุณก็ยังสืบมาซะชัดเจนเชียวนะ!”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารอบตัวเธอมีสายของหวังจื่อ เขาถึงได้รู้ข่าวแบบนี้ไวนัก
จริง ๆ แล้วคอนเสิร์ตที่จะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้ของซูเหวินฉีมีปัญหานิดหน่อย และต้องการจะไปปรึกษากับผู้บริหารซุนอยู่ของตงไห่อยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้ผู้บริหารซุนเลย แม้แต่โอกาสให้เข้าพบก็ยังไม่มี
หวังจื่อเป็นคนตงไห่ และพ่อของเขาก็เป็นผู้ใจบุญที่มีชื่อเสียงในตงไห่ ดังนั้นจึงมีอำนาจเหนือกว่าผู้บริหารซุนอยู่บ้าง
ซูเหวินฉีเงียบไป ดูเหมือนกำลังลังเล
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ หวังจื่อจึงยิ้มออกมา เขารู้ว่าซูเหวินฉีติดเบ็ดแล้ว
ยังไงซูเหวินฉีก็เป็นคนดัง นอกจากเธอจะหาเงินให้ตัวเองแล้ว ก็ยังมีกลุ่มคนอีกจำนวนมากที่อยู่ภายใต้การดูแลของเธอ ถ้าคอนเสิร์ตนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ คนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเธอก็อาจจะไม่มีเงินเดือนไปหลายเดือน ซูเหวินฉีใจอ่อนต้องยอมตกลง
เมื่อได้ยินดังนั้นฉินจุนจึงถามขึ้นมา
“ทำไมเหรอ คอนเสิร์ตมีปัญหาเหรอ?”
ซูเหวินฉีพยักหน้า ตอนแรกที่เธอออกไปหาฉินจุนเพื่อหาอะไรกินตอนกลางดึกก็เพื่อต้องการพักผ่อนเสียหน่อย และมีเวลาว่างของตัวเอง แต่ตอนนี้ก็ไม่มีแล้วทันทีที่หวังจื่อปรากฏตัว เขาเอาเรื่องกวนใจมาให้เธออีกแล้ว
น่ารำคาญจริงๆ!
หวังจื่อถามต่อ “เป็นไงเหวินฉี คุณคิดว่ายังไง? ผมนัดกับผู้บริหารซุนไว้ตอน 2 ทุ่ม ที่ห้องส่วนตัวชั้นบน คุณยังมีเวลาคิดอีก 20 นาที ว่าจะกินข้าวกับเขาต่อที่นี่ หรือจะขึ้นไปดื่มกับฉันสักสองสามแก้วข้างบน”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงขี้เล่นของหวังจื่อ ซูเหวินฉีก็ขมวดคิ้ว “คุณกำลังคุกคามฉันหรอ? คุณคิดว่าฉันจะขึ้นไปดื่มกับคุณเพราะเรื่องคอนเสิร์ตเนี่ยนะ? คุณคิดว่าฉันเป็นคนยังไง? ไสหัวไป!”
ฉินจุนได้ยินคำพูดนั้นจึงพูดขึ้น
“ก็แค่คอนเสิร์ตไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมจะช่วยคุณแก้ปัญหาเอง”
หลังจากที่ฉินจุนพูดจบ หวังจื่อก็หัวเราะออกมาทันที
“คุณช่วยเธอแก้ปัญหานี้? คุณกำลังโม้อะไรเนี่ย! ตอนนี้ในเดือนนี้ เป็นช่วงเวลาที่วงการบันเทิงมาแรง ดาราระดับหนึ่งและสองต่างก็กำลังแย่งเพื่อตารางงานกัน คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของฉันทำการกุศลให้ตงไห่มากมายขนาดนั้น ฉันก็ไม่ได้เข้าพบผู้บริหารซุนหรอก!”
ฉินจุนเยาะเย้ย “ก็แค่ผู้บริหารซุน วิเศษมากเหรอ?”
หวังจื่อตกตะลึงครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะเยาะเย้ย
“ฉันไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกับคุณจริง ๆ สินะ คุณโม้ซะฉันตามไม่ทันเลย คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? ก็แค่คนธรรมดา ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเหวินฉี แม้แต่ร้านนี้คุณก็เข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“ยังจะมาเหิมเกริมอีกเหรอ? ถ้าไม่เห็นแก่หน้าของเหวินฉี ฉันให้บอดี้การ์ดมาเตะแกออกไปนานแล้ว! ฐานะแกคืออะไร? กะอีแค่แมงดาเกาะผู้หญิงกิน ยังจะตอแหลอีกเหรอ?!”
เมื่อได้ยินหวังจื่อเริ่มพูดมากขึ้นเรื่อย ๆ ซูเหวินฉีก็ตบโต๊ะทันที
“คุณจะจบไหม!”
ฉินจุนก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมาทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ฐานะฉัน?”
“จะบอกให้นะ แม้แต่พ่อคุณเจอผมก็ต้องสุภาพกับผม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง