หลินเยวี่ยเหยาโกรธจนจะตาย ฉินจุนบ้าเกินไปแล้ว !
คิดว่าหัวหน้าหลิวไม่มีคุณวุฒิงั้นหรอ ?
นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ปรมาจารย์ฉินหรอ ?
รู้จักคนแค่ไม่กี่คน เปิดคลินิกเล็กๆได้ก็อวดดีแล้ว คนแบบนี้ต่อไปคงไม่มีอนาคตที่ดี
ดีอยู่อย่างที่นายนี่แก้ปัญหาเรื่องงานของตนเองได้แล้ว ในที่สุดแม่ก็ไม่ต้องจู้จี้แล้ว หลินเยวี่ยเหยาก็โล่งใจไปหนึ่งเปราะ
……
หลังจากส่งแม่ลูกป้ารองกลับบ้านแล้ว ฉินจุนก็ได้รับโทรศัพท์จากจู้หย่ง
“อาจู้ ? ”
ในสายโทรศัพท์จู้หย่งลังเล แต่สุดท้ายก็ถามคำถามที่ทำให้ฉินจุนไม่พอใจที่สุด
“เสี่ยวจุน หลินหลินกับประธานเมิ่งแห่งตระกูลเมิ่งกรุ๊ป เป็นอะไรกันหรอ ? ”
เหอะๆ……
ฉินจุนแทบสำลักน้ำลายตัวเอง อาจู้กำลังกังวลอะไรอยู่หรอ ?
“อาจู้ ทำไมถามแบบนี้หละ ? ”
จู้หย่งถอนหายใจและกล่าวว่า “นายไม่รู้ว่าช่วงนี้ตระกูลจู้กรุ๊ปแล้วก็บริษัทยาเหวินเหอของเรา ข่าวนี้กำลังได้รับความสนใจ พูดถึงหลินหลิน……พูดถึงหลินหลินกับเมิ่งเหวินกัง ว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ครอบครัวของเรารุ่งเรืองขึ้นมา ”
ฉินจุนยิ้มเยาะ ข่าวลือแบบนี้ คงเป็นจู้หมิงที่เป็นคนปล่อยออกมาสินะ ?
“อาจู้ไม่ต้องกังวลใจไป ผมรับรองกับคุณได้ หลินหลินกับเมิ่งเหวินกังไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน พวกเขาเคยเจอหน้ากันยังไม่ถึงสามครั้งเลย คุณวางใจเถอะ ”
ได้ยินฉินจุนพูดแบบนี้แล้วจู้หย่งถึงได้โล่งอก
“อย่างนั้นก็ดี เสี่ยวจุนว่างๆก็ไปหาหลินหลินบ้าง ยัยเด็กนี่บ้างานจะตายแล้ว ฉันกลัวร่างกายเธอจะทรุดลง ”
“ได้ครับ อาจู้ไม่ต้องห่วง ผมจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้ ”
ไม่ได้ติดต่อกับจู้หลินหลินได้สักพักแล้ว เดิมทีคิดว่ามีความใส่ใจของตระกูลเมิ่งกรุ๊ปแล้ว ชีวิตเธอคงจะมีความสุขดี แต่พอได้ฟังอาจู้พูดมาแบบนี้แล้ว ดูเหมือนยัยสาวน้อยจะกดดันอยู่มากทีเดียว
ฉินจุนมาถึงบริษัทยาเหวินเหอก็ตรงไปที่ห้องทำงานผู้บริหารทันที
ตลอดทางพนักงานทุกคนต่างยุ่งกันหมด มีเพียงแค่เลขาของจู้หลินหลินที่เคาน์เตอร์มาต้อนรับฉินจุน
“คุณฉิน ขออภัยด้วยจริงๆ ช่วงนี้ประธานจู้ค่อนข้างยุ่ง คุณคงต้องรอสักพัก ”
ฉินจุนขมวดคิ้วและถาม “ทำไมถึงได้ยุ่งขนาดนี้ ? ”
เลขาถอนหายใจ หน้าตาหมดหนทาง “ไม่ใช่เพราะบริษัทยาตระกูลจู้หรือไงหละ ! ”
บริษัทยาตระกูลจู้ เป็นธุรกิจของจู้หมิง แม้ว่าในตอนนี้จู้หมิงจะไม่สามารถอ้างตัวว่าเป็นคนตระกูลจู้ได้อีก แต่ว่าธุรกิจนี้ยังคงอยู่ เพียงเพราะว่าไม่ได้รับโครงการของซวนหยวนกรุ๊ป สถานการณ์ในตอนนี้จึงไม่ดีเท่าไหร่
“เดิมทีบริษัทยาเหวินเหอกับบริษัทยาตระกูลจู้นั้นเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ทำธุรกิจร่วมกันมากมาย ยาที่ขายดีที่สุดของเราชื่อว่า ถังโย่ว เป็นยาต้านเบาหวานชนิดหนึ่ง ได้ผลดีมาก จึงเป็นที่นิยมในท้องตลาด ”
“แต่ต่อมาตระกูลจู้กรุ๊ปเลิกคบหากับพวกเราไป พวกเขาก็ไปยื่นจดสิทธิบัตรยาถังโย่วนี้ ต่อไปเราก็ไม่สามารถผลิตยานี้ได้อีกแล้ว ส่งผลให้ต้องผิดสัญญากับใบสั่งซื้อจำนวนมาก และพนักงานทุกคนก็กำลังเจรจากับผู้จัดจำหน่ายต่างๆ อาจจะต้องชดเชยเงินจำนวนไม่น้อย ”
ฉินจุนขมวดคิ้ว เขารู้จักยาถังโย่วของตระกูลจู้กรุ๊ป ผลิตภัณฑ์นี้มีมาตั้งแต่10ปีก่อนแล้ว ประสิทธิผลดีมาก เหตุผลที่ตระกูลจู้กรุ๊ปอยู่รอดมาได้ในช่วง10ปีที่ผ่านมาก็เพราะยาตัวนี้
และสูตรยาชนิดนี้ก็ถูกคิดค้นโดยคุณอาจู้
หลังจากคิดค้นสิ่งนี้ อาจู้ก็ไม่ได้เก็บเอาไปคนเดียว แต่เขายังส่งต่อให้กับคนในครอบครัวไปเริ่มทำการผลิต
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจู้หมิงจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ เขาชิงไปจดสิทธิบัตรเสียก่อนแล้ว ?
เพราะว่าตอนแรกเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นใครที่เป็นคนคิดค้นยานี้ออกมาไม่ได้มีเขียนไว้ในหนังสือรับรองเป็นลายลักษณ์อักษร จู้หมิงไปพูดว่าเขาเป็นคนคิดค้นยานี้ ใครก็คงทำอะไรไม่ได้
แม้ว่าจู้หย่งจะไปฟ้องเขาตอนนี้ สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง