จ้านเฉิงอิ้นหันขวับไปทางนั้น แจกันเขรอะฝุ่นตรงมุมผนังมีน้ำพุ่งออกมาไม่หยุด
น้ำพุ่งรุนแรงมาก สาดถูกอาภรณ์ของเขากับหมอซ่งจนเปียกชุ่ม
เขาผุดลุกขึ้นยืน มือสองข้างกำแน่นจนสั่นน้อย ๆ
“นี่ คือน้ำงั้นรึ?”
ทุกคนไม่ได้เห็นน้ำมาครึ่งค่อนปีแล้ว หมอซ่งใช้สองมือกอบน้ำมาดื่ม
หวานเย็นชุ่มชื้น เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!
เขาร้องเสียงดังด้วยความพลุ่งพล่านใจ “ท่านแม่ทัพ เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!”
เหล่าทหารในด่านเจิ้นกวนเฝ้ารอน้ำทุกวัน รอมาครึ่งค่อนปีแล้ว
ขุดหาแหล่งน้ำใต้ดิน ขุดไปสิบกว่าบ่อ ขุดลงไปลึกเกินสามสิบจั้ง[1]แล้วก็เจอแต่ทรายเหลืองแห้ง ๆ ไม่เจอน้ำแต่อย่างใด
หมอซ่งนำชามแตกเป็นรูมารองน้ำให้แม่ทัพ ประคองด้วยสองมือที่สั่นระริก
“ท่านแม่ทัพ ท่านลองชิมดูสิ”
จ้านเฉิงอิ้นใช้มือข้างเดียวรับมาจิบคำหนึ่ง หวานเย็นชื่นใจ เป็นน้ำสะอาด
เขาดื่มรวดเดียวจนหมด!
“สวรรค์ประทานน้ำอมฤต สวรรค์ไม่ได้ต้องการให้กองทัพตระกูลจ้านของข้าพินาศ!”
สิ้นคำ นายทหารหลายนายก็ถลาเข้ามาด้วยความยินดี ใช้สองมือรองน้ำดื่มอึก ๆ ๆ
หมอซ่งรองน้ำให้แม่ทัพอีกชาม ส่งมาให้เขาดื่ม
นายทหารหลายนายนั้นดื่มน้ำไปพลางเอ่ยด้วยความยินดี “ท่านแม่ทัพ เทพยดาบันดาลน้ำอมฤตมาให้ นี่คือนิมิตหมายอันดี ศึกใหญ่ครานี้ พวกเราจะต้องเอาชนะพวกหมานได้แน่นอน!”
เมื่อมีน้ำก็จะสามารถเพาะปลูกได้ อุปสรรคทั้งหลายก็จะสามารถคลี่คลายได้อย่างง่ายดาย!
จ้านเฉิงอิ้นเชิดหน้ายืนตรง มือข้างหนึ่งไพล่หลัง
เขาอายุสิบหกควบม้าเข้าสู่สมรภูมิ อายุสิบเจ็ดสร้างชื่อจนโด่งดัง อายุสิบแปดนำกำลังคนไม่กี่ร้อย สวมเกราะเบาบุกเข้าไปตัดศีรษะแม่ทัพในค่ายของศัตรู
อายุยี่สิบได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์โหว
เขาเป็นแม่ทัพที่อายุน้อยที่สุดในช่วงร้อยปีมานี้ของราชสำนักต้าฉี่ คือหนิงกวนโหวผู้มีชื่อเสียงขจรขจาย
กระทั่งสวรรค์ก็ยังประทานน้ำอมฤตมาช่วยเหลือเขาในช่วงเวลาที่เขาสิ้นหวังที่สุด
กองทัพตระกูลจ้านจะต้องชนะศึกครั้งนี้อย่างแน่นอน
จ้านเฉิงอิ้นออกคำสั่งด้วยความยินดี “ไปหาโอ่งน้ำใบใหญ่มาสองใบ ยกเข้ามาในห้อง รองน้ำจนเต็มแล้วยกออกไปทีละโอ่ง”
“แจ้งทหารในกองทัพว่าให้นำภาชนะใส่น้ำมาต่อแถวรองน้ำ ส่วนชาวบ้านในเมือง ให้แต่ละครัวเรือนส่งตัวแทนหนึ่งคนมารับน้ำ”
เฉินขุย “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”
“เรื่องนี้ไม่อาจแพร่งพรายออกไป”
ทุกคนคุกเข่าลงรับบัญชา!
เฉินขุยออกไปข้างนอกแล้วแจ้งให้ทหารนำถุงน้ำมารองน้ำอย่างรวดเร็ว
ชาวบ้านละแวกนั้นรู้เรื่องก่อน พวกเขาต่อแถวยาวเหยียดอยู่หน้าประตู
ทหารต่อแถวสามแถว ชาวบ้านต่อแถวห้าแถว
แจกันเอนลงมา ข้างล่างคือโอ่งน้ำใบใหญ่ น้ำไหลลงไปในโอ่ง
หลังจากน้ำเต็มโอ่งแล้วก็ถูกคนเคลื่อนย้ายออกไปหน้าประตูจวนแม่ทัพ
กลุ่มละแปดคน รองน้ำเสร็จก็เปลี่ยนเป็นคนกลุ่มใหม่ทันที
ในไม่ช้า คนทั้งเมืองก็ทราบว่าเทพยดาประทานน้ำอมฤตให้จวนแม่ทัพ คนที่มาต่อแถวรอรับน้ำต่อแถวยาวเหยียดไปสามลี้...
*
เย่มู่มู่ใช้สายยางต่อกรกับแจกัน เธอนั่งยองเท้าคาง ดวงตากลมโตจ้องแจกันเขม็ง
หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง...เวลาผ่านไปนานแล้ว น้ำก็ยังไม่เต็มแจกัน!
เธอนั่งยองจนเมื่อยจึงเปลี่ยนไปนอนบนโซฟา
แจกันไม่ได้พ่นขยะออกมาอีก
แต่จุน้ำได้เยอะจริง ๆ!
เธอหาววอดแล้วผล็อยหลับไปท่ามกลางเสียงน้ำไหล
เนื่องจากพ่อแม่เสียไป เธอใช้ชีวิตไปอย่างเลอะ ๆ เลือน ๆ เหมือนจมดิ่งลงสู่ความซึมเศร้า
บางครั้งเธอจะนอนไม่หลับ
บางครั้งก็นอนหลับแล้วตื่นไม่ไหว
วันรุ่งขึ้นตอนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว
โทรศัพท์มือถือของเธอแสดงว่ามีสายไม่ได้รับสิบกว่าสาย
เป็นสายจากนิติบุคคลทั้งสิ้น
เธอรับสาย
“ฮัลโหล คุณเย่ ที่บ้านคุณไม่ได้ปิดก๊อกน้ำใช่ไหมครับ ทางส่วนกลางมีข้อมูลขึ้นมาว่าคุณใช้น้ำไปร้อยกว่าตันภายในวันเดียว!”
“ติดต่อคุณไม่ได้ ส่วนกลางจึงแจ้งตำรวจไปแล้ว การควบคุมการใช้น้ำในชุมชนเข้มงวดมาก คดีฆ่าหั่นศพที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศใช้น้ำแปดสิบกว่าตันไปภายในคืนเดียว คุณทราบใช่ไหมครับ...”
เย่มู่มู่ตกใจจนเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เห็นน้ำยังคงไหลไม่หยุด
แจกันดอกไม้ยังไม่เต็ม พรมแห้งสนิท ไม่มีน้ำซึมออกมาแม้แต่น้อย
แจกันของที่บ้านเธอมีอิทธิฤทธิ์จริง ๆ ด้วย
ความจุมหาศาล!
เย่มู่มู่บอกฝ่ายนิติบุคคลไปว่าเธอลืมปิดก๊อกน้ำ
หลังวางสาย เธอสั่งดิลิเวอรี กินมื้อเช้าควบมื้อเที่ยงไปในคราวเดียว
หลังจากปิดก๊อกน้ำ ระดับน้ำในแจกันก็ลดลงจนเห็นก้นแจกันภายในเวลาสั้น ๆ
หมดแล้วเหรอ?
กล่องสีโปร่งใสกล่องหนึ่งร่วงลงมาจากปากแจกัน
ในกล่องคือข้าวหุงสุกอันแสนล้ำค่าที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนาน
นายกองทั้งสิบพลันตื่นเต้นขึ้นมา
“ท่านแม่ทัพ ข้าวขอรับ เป็นข้าวสวยเม็ดอ้วน ๆ ทั้งนั้น ของพวกนี้มีแต่ชนชั้นสูงในเมืองหลวงเท่านั้นถึงจะได้กิน”
“ไม่สิ ตอนนี้เกิดภัยแล้งมาหลายปี กระทั่งเชื้อพระวงศ์ก็ยังไม่ได้กินข้าวสวยแบบนี้”
ตึง~
ตามมาด้วยข้าวกล่องที่มีเนื้ออีกกล่อง เป็นไก่ชิ้นผัดเผ็ด
เฉินขุยเปิดออกมา กลิ่นหอมของอาหารก็พลันตลบอบอวลไปทั่ว นายทหารทุกคนกลืนน้ำลายเอื๊อก
“มีเนื้อ ท่านแม่ทัพ ท่านดูสิ นี่มันเนื้อไก่!”
“เทพเซียนไม่ได้ทอดทิ้งกองทัพตระกูลจ้าน ส่งทั้งข้าวและเนื้อมาให้พวกเรา”
มีข้าวกล่องตกลงมาอีกครั้ง รวมทั้งสิ้นแปดกล่อง
นายทหารทั้งสิบนายมีสีหน้าตื่นเต้นพลุ่งพล่าน
พวกเขาหิวโหยจนเห็นดาวทอง ไม่ได้กินข้าวมาครึ่งปี ทั้งยังเป็นข้าวสวยที่ประณีตขนาดนี้
ยามนี้พอได้กลิ่นหอมของอาหาร น้ำลายก็ทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง ต่างคนต่างพยายามควบคุมตัวเองสุดชีวิต
จ้านเฉิงอิ้นแบ่งข้าวในกล่องออกครึ่งหนึ่ง แบ่งกับข้าวอีกกล่องออกครึ่งหนึ่ง แล้วส่งให้คนใช้ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตระกูลจ้าน
“อาหลี่ ใช้หม้อใบใหญ่ต้มเป็นโจ๊ก ให้นายทหารทุกท่านกับข้ารับประทานด้วยกัน”
อาหลี่รับไปแล้วนำไปทำเป็นโจ๊ก
ทุกคนดีใจมาก นานเหลือเกินที่ไม่ได้กลิ่นหอมของข้าวสวย
บางคนทนกลิ่นหอมเช่นนี้ไม่ไหว หันหน้าหนีไม่ยอมมองอีก กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ไปแย่งกล่องข้าวมากินเสียก่อน
จ้านเฉิงอิ้นเห็นดังนั้นก็แบ่งข้าวกล่องที่เหลืออยู่เจ็ดกล่องออกเป็นสิบชุด พยายามแบ่งให้ทุกคนได้ทั้งกับและข้าว
จากนั้นก็แจกจ่ายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสิบคน
“เอากลับไปกินที่บ้าน คนในครอบครัวทนหิวมาครึ่งปีแล้ว ให้พวกเขาได้บำรุงร่างกายสักหน่อย”
เหล่านายทหารต่างคุกเข่าปฏิเสธทั้งน้ำตา
“ท่านแม่ทัพ ท่านยังไม่ได้กิน เทพเซียนเดิมก็มอบให้ท่าน ท่านไม่อาจเอามาแบ่งให้พวกข้า”
“ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพ พวกข้าได้กินโจ๊กก็พอใจมากแล้ว”
ราษฎรข้างนอกหิวตายไปครึ่งหนึ่ง
พวกเขาหน้าเหลืองตัวซูบ ท้องป่องผิดปกติ เพราะในท้องเต็มไปด้วยดินขาว [2]
[1] หน่วยความยาวจีน 1 จั้ง เท่ากับ 3.33 เมตร
[2] สมัยโบราณ คนจีนจะกินดินกวนอิมหรือดินขาวในยุคข้าวยากหมากแพงเพื่อให้อิ่มท้อง แต่ก็ทำให้เสียชีวิตในที่สุดเนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยดินได้

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ