จ้านเฉิงอิ้นยัดกล่องข้าวใส่อกพวกเขา “เดี๋ยวท่านเทพก็ประทานอาหารให้ข้าอีกนั่นแหละ พวกเจ้ารับไว้เถอะ”
นายทหารทั้งสิบคนมองหน้ากัน อยากบ่ายเบี่ยง แต่แล้วก็นึกถึงคนในครอบครัวที่หิวโหยจนเหลือเพียงลมหายใจรวยริน
รู้สึกว่าในอกหนักอึ้งนับพันชั่ง!
อู๋ซานหลางที่ในครอบครัวมีลูกชายอายุยังน้อยใกล้จะหิวตายรับมาคนแรก
เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เอ่ยทั้งน้ำตาคลอหน่วย “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ข้าสามารถเอากลับไปส่งที่บ้านก่อนได้หรือไม่ ภรรยากับลูกข้าหิวจนใกล้จะไม่ไหวแล้ว”
จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า “รีบเอาไปส่งเถอะ!”
อู๋ซานหลางกอดกล่องข้าววิ่งกลับบ้านไปก่อน
นายทหารอีกเก้านายซ่อนกล่องข้าวไว้ในอก นำอาหารกลับไปส่งที่บ้าน
จ้านเฉิงอิ้นกำชับให้พวกเขากลับมาเร็วหน่อย จะได้มากินโจ๊กด้วยกัน
อย่าดูแคลนข้าวกับอาหารหนึ่งกล่องเชียว ถ้านำไปต้มเป็นโจ๊ก คนทั้งครอบครัวรับประทานอย่างประหยัดก็สามารถเก็บไว้กินได้สองวัน ช่วยให้ไม่อดตายในช่วงหลายวันนี้
หากผสมใบไม้เปลือกไม้ลงไปยังสามารถเก็บไว้ได้นานกว่านั้น
ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป นายทหารทั้งสิบก็กลับมา แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียด ขอบตาแดงเรื่อ
หลังนั่งลง อาหลี่ก็ยกหม้อโจ๊กเข้ามา
ข้าวครึ่งกล่องนำไปต้มเป็นโจ๊ก ยังมีกับข้าวอีกครึ่งกล่อง
โจ๊กไม่ข้นและไม่ใสเกิน กำลังพอดี
เมื่อรวมกับกับข้าว กลิ่นหอมก็พลันอบอวล
อาหลี่หยิบถ้วยใบเล็กสิบเอ็ดใบออกมาตักแจกจ่ายให้คนละใบ วางลงตรงหน้าเหล่านายทหาร
จ้านเฉิงอิ้นเห็นอย่างนั้นก็กล่าวกับเขาว่า “อาหลี่ กินด้วยกันเถอะ! ท่านไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว”
อาหลี่กินดินขาว ยามนี้ท้องเริ่มป่องออกมาแล้ว
เขาน้ำตาไหล ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาตรงหางตา
“ท่านแม่ทัพ ไม่ต้องหรอก ท่านกับทุกท่านตรงนี้เป็นแม่ทัพนายกอง ต้องพึ่งพาพวกท่านขับไล่ศัตรู ควรกินให้มากหน่อย”
จ้านเฉิงอิ้นตักโจ๊กที่เหลือในหม้อใส่ถ้วยเล็ก แล้ววางลงตรงหน้าเขา
เขาประคองโจ๊กร้อนกรุ่น ดีใจจนน้ำตาไหล เดินจากไปพร้อมขอบตาแดงเรื่อ
แต่ละคนได้รับหนึ่งถ้วยเล็ก
แม้จะกินไม่อิ่ม แต่ก็เลิศรสมากพอ โจ๊กที่ใช้ข้าวสวยต้มยังหอมหวนชวนกิน
กินเสร็จก็เลียถ้วย ในโพรงปากยังทิ้งกลิ่นหอมเอาไว้
ทุกคนวางถ้วยลงอย่างตัดใจไม่ได้
ครุ่นคิดว่าในเมื่อเทพยดาทราบว่าพวกเขาขาดแคลนเสบียงและน้ำ สามารถอธิษฐานขอให้ประทานน้ำและเสบียงมาอีกหน่อยได้หรือไม่
ข้าวแปดกล่องไม่พอให้แบ่งกันจริง ๆ!
ยังมีทหารอีกสองหมื่นนายกับราษฎรแปดหมื่นคนที่กำลังลำบากแสนเข็ญเพราะขาดแคลนน้ำและอาหาร
เมื่อคนเราถูกบีบคั้นจนถึงที่สุด ไม่ว่าสิ่งใดล้วนกล้าทำ
ระหว่างทางกลับมา เฉินขุยเห็นสตรีจากสองครอบครัวกำลังร่ำไห้แลกเปลี่ยนลูกกันเพื่อนำไปกินเป็นอาหาร
ยังมีคนเฒ่าคนแก่ในครอบครัวฆ่าตัวตาย เรียกลูกหลานมากินตัวเอง เพื่อให้คนในครอบครัวมีชีวิตรอดต่อไป
เรื่องราวน่าสลดบนโลกมนุษย์แต่ละเรื่องนี้...
พวกเขาไม่กลัวสู้รบจนตัวตาย แต่กลัวการเห็นชาวบ้านอดอยากจนต้องบอกให้คนในครอบครัวมากินเนื้อหนังมังสาของตัวเอง
เจ็บปวดประหนึ่งใช้มีดกรีดหัวใจ
ถ้าสามารถอ้อนวอนต่อท่านเทพให้ประทานน้ำและอาหารลงมามากกว่านี้ได้ โศกนาฏกรรมบนโลกมนุษย์ก็คงจะไม่มีมากมายถึงเพียงนี้!
จ้านเฉิงอิ้นกำหมัดทั้งสองแน่น!
เขาไม่รู้ว่าอาหารและน้ำมาจากไหน
ทั้งไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกมีเทพยดาอยู่จริง ๆ
ถ้ามีจริง คนในครอบครัวเขาที่อุทิศตัวเพื่อแผ่นดินเหล่านั้นก็คงไม่ถูกฮ่องเต้พระราชทานความตาย
กองทัพตระกูลจ้านของเขาก็คงจะไม่เหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนแบบนี้!
แต่ด้วยความอับจนปัญญา ความโกรธเกรี้ยวคับแค้นใจทั้งหมดทั้งมวลก็ได้แต่อ้อนวอนขอร้องสิ่งเหนือธรรมชาติมาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ยากลำบากในปัจจุบัน!
เขาวิงวอนให้เทพยดาประทานน้ำและอาหารช่วยเหลือราษฎรในเมือง
เขายินดีสร้างวัด กราบไหว้บูชาไปชั่วลูกชั่วหลาน
ต่อให้ต้องสละความชอบทางทหาร อุทิศตนสวดภาวนา ก็หวังว่าเทพยดาจะช่วยเหลือราษฎรในใต้หล้า!
เขากางกระดาษจรดพู่กัน เขียนคำอธิษฐานลงไป
“ข้าแด่ท่านเทพ!”
“แคว้นต้าฉี่ รัชศกชูหยวนปีที่สาม จ้านเฉิงอิ้นแม่ทัพตระกูลจ้าน หนิงกวนโหวขุนนางขั้นหนึ่ง ประจำการที่ด่านเจิ้นกวนทางตะวันตกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ในระยะพันลี้ฝนไม่ตกมาเนิ่นนาน แผ่นดินแตกระแหง แม่น้ำเหือดแห้ง ต้นไม้เหี่ยวตาย พันลี้ร้างผู้คน แรงอาฆาตคลุ้งฟ้า!
“ขอท่านเทพโปรดประทานน้ำและอาหาร ช่วยเหลือทหารสองหมื่นนายและราษฎรแปดหมื่นคนในด่านเจิ้นกวน ข้าหวาดหวั่นเหลือประมาณ ท่านเทพโปรดเมตตามนุษย์ผู้ทุกข์ยาก ข้ายินดีสร้างวัด อุทิศตนสวดภาวนา สักการะบูชาไปชั่วลูกชั่วหลาน!”
เขียนเสร็จ เขาก็ไปขอธูปสามดอกมาจากอาหลี่แล้วจุดไฟเผา
ชูธูปคำนับไปทางแจกันสามครั้ง แล้วปักธูปลงในแจกัน
ตามด้วยเผาคำอธิษฐานตามลงไป
*
เย่มู่มู่กินข้าวเสร็จเตรียมเก็บกวาด ทันใดนั้นพลันมีควันลอยออกมาจากในแจกัน
กลิ่นควันคุณภาพต่ำนั้นรมจนเธอกระอักกระไอ
เธอหักตะเกียบ จับจ้องแจกันด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
ถ้ามันกล้าขนขยะมาอีกได้ตายแน่!
ฉับพลันนั้นก็มีขี้เถ้าดำปี๋ก้อนหนึ่งลอยออกมาจากปากแจกัน
ตกลงบนพรมปูพื้นสีขาว ทิ้งรอยดำไว้เป็นทางยาวสายหนึ่ง
ขี้เถ้าดำ ๆ ก้อนนั้นยังคงกลิ้งมาข้างหน้า
นี่คือพรมที่คุณแม่รักมากที่สุดสมัยยังมีชีวิตอยู่ จ่ายค่าขนส่งแพงหูฉี่ซื้อมาจากตะวันออกกลางเชียวนะ!
ยังกระแทกถูกศีรษะของเฉินขุย
ทุกคนเห็นเนื้อแช่แข็งเต็มโต๊ะแล้วก็ตื่นเต้นยิ่งนัก
“เนื้อขอรับ ท่านแม่ทัพ นี่มันเนื้อแช่แข็ง”
“เนื้อวัว ยังมีเนื้อแพะ ที่เยอะที่สุดคือเนื้อหมู! ท่านแม่ทัพ อธิษฐานขอท่านเทพได้ผลจริง ๆ ด้วย! ประทานอาหารให้พวกเราจริง ๆ!”
มีเนื้อร่วงลงมาสามร้อยกว่าชั่ง ทั้งยังมีสิ่งของร่วงลงมาไม่หยุด
“เกี๊ยว หุนทุนคืออันใดกัน ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน? เอ๊ะ มีหมั่นโถวกับซาลาเปาด้วย!”
“เจ้าสิ่งที่อยู่ในขวดแก้วหลิวหลีสีเขียวนี้คืออันใดกัน? ผีจิ่ว[2]...คือสุรางั้นรึ?”
“ทำไมยังมีน้ำชา แต่ไฉนต้องบรรจุไว้ในขวดสำหรับดื่มด้วย ขวดนี้ทำมาจากวัสดุอันใดกัน ไยจึงไม่เคยเห็นมาก่อน?”
“ท่านแม่ทัพ เกลือบริสุทธิ์ เกลือบริสุทธิ์สีขาวล้วนละขอรับ!”
ครั้นได้ยินว่ามีเกลือ ทุกคนก็วางสิ่งของในมือลงแล้วล้อมเข้าไปดู
“เกลือนี้ขาวมากจริง ๆ ไม่มีสิ่งเจือปนเลยงั้นรึ?”
“เกลือละเอียดประณีตมาก เป็นเม็ด ๆ ชัดเจน เทพเซียนบนสวรรค์ใช้เกลือปรุงอาหารที่วิเศษถึงเพียงนี้เชียว?”
“เทพเซียนบรรจุสุราไว้ในขวดแก้วหลิวหลี ช่างฟุ้งเฟ้ออะไรเช่นนี้!”
นายทหารทั้งสิบคุ้ยดูสิ่งของไม่หยุด หลายสิ่งหลายอย่างล้วนเกินขอบเขตความรู้ของพวกเขา
พวกเขาแยกสิ่งของที่ท่านเทพประทานให้มาตามประเภท
บะหมี่แห้งห้าสิบห่อ
ประเภทเนื้อสัตว์สามร้อยยี่สิบชั่ง
ผีจิ่วในขวดแก้วหลิวหลียี่สิบสี่ขวด
ผลไม้สามชนิด มีผิงกั่ว[3]สิบสองผล สาลี่แปดผล ลูกไม้สีเหลืองยาว ๆ ที่ส่วนปลายงอนไม่รู้ว่าคือผลอันใดอีกสิบลูก!
เกี๊ยวสามถุง หุนทุนห้าถุง ซาลาเปาหมั่นโถวสิบถุง ผักอบแห้งอีกสิบถุง
ผักดองสิบสองซอง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่สิบสี่ซอง
ยังมีน้ำมันอีกหนึ่งขวดเล็ก เกลือหลายถุง เครื่องปรุงสิบซอง...
สิ่งของจำนวนไม่ใช่น้อย ๆ แต่ก็ยังไม่พอให้ทหารและราษฎรทั้งเมืองบริโภค
ด้วยเหตุนี้ จ้านเฉิงอิ้นจึงเขียนคำขอบคุณให้ท่านเทพ
“ขอบคุณท่านเทพที่ประทานอาหารมาให้ อิ้นเรียกร้องมากเกินไป ทำให้ท่านเทพต้องลำบากแล้ว”
“อิ้นเกรงใจยิ่งนักที่รบกวนท่านเทพ อิ้นจะจุดธูปบูชาวันละสามดอกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
เขาเขียนจบก็โยนลงไปในแจกัน
โยนไปแล้วค่อยตระหนักว่าลืมเผานี่นา!
[1] หุนทุน ลักษณะคล้ายเกี๊ยว ใช้แป้งแผ่นบางห่อไส้ (มักเป็นไส้หมู) ต้มกินพร้อมกับน้ำซุป
[2] ผีจิ่ว แปลว่า เบียร์ ขณะที่จิ่ว แปลว่า สุรา
[3] ผิงกั่ว แปลว่า แอปเปิล

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ