ตอนที่ 8 คุณต้องการให้ฉันพูดอะไร
รินลดาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เธอเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจน จนทำให้ต้องอุทานด้วยความแปลกใจ “คุณหมอเจตนิน"
เมื่อเห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา รินลดาก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น “คุณหมอมาทำอะไรที่นี่คะ?”
น้องชายของเธอเป็นโรคออทิสติกและเจตนินก็เป็นหมอประจำของเขา รินลดาและเจตนินได้รู้จักกันระหว่างการรักษาอาการของน้องชาย
เจตนินยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยปาก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ตอบแทน “เขามาเป็นวิทยากรบรรยายที่นี่”
เจตนินเป็นจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียง เขามีความเชี่ยวชาญด้านโรคออทิสติกเป็นพิเศษ
"แล้วคุณล่ะ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่? ไม่สบายหรือเปล่า?” เจตนินถาม
รินลดาคิดถึงท่าทางเด็ดเดี่ยวของแม่แล้วตัวก็สั่นเทาด้วยความกลัว
“ริน!” กานดาวิ่งมาจากอีกฟากหนึ่งของทางเดินอย่างเร่งรีบ รายงานการตรวจร่างกายยังอยู่ในมือ เธอตกใจมากเมื่อพยาบาลแจ้งว่ารินลดาหนีไปแล้ว เธอจึงรีบตามมา และร้องเรียกทันทีที่พบตัว
รินลดาเม้มริมฝีปากแน่น เธอรู้สึกอยากร้องไห้ “แม่-”
เจตนินบอกกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ผอ.กลับไปก่อนก็ได้ครับ ผมขออยู่จัดการเรื่องตรงนี้ก่อน”
"ตามสบายครับ ผมไม่รบกวนแล้ว คุณเจตนินคงมีธุระต้องจัดการ แต่ที่ผมทาบทามคุณให้มาทำงานที่โรงพยาบาลของเรานั้น ผมพูดจริงนะครับ หากคุณมีเงื่อนไขอะไร แจ้งผมมาได้เลย ทางเราจะพยายามจัดการให้ตรงความต้องการของคุณอย่างสุดความสามารถครับ”
เจตนินตอบกลับอย่างอ่อนโยน “ผมจะเก็บไปคิดดูครับ”
“เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า ตรงนี้ไม่เหมาะเท่าไหร่” โรงพยาบาลวุ่นวายไปด้วยผู้คน คงไม่สะดวกที่จะพูดคุยกันตรงนี้
กานดาเองก็รู้จักเจตนินดี บางครั้งที่เธอไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลของลูกชายได้ เจตนินก็มักจะช่วยจ่ายยอดค้างชำระให้เธอ
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงมีความเคารพและเกรงใจเจตนินมาก
เธอจับข้อมือของรินลดาไว้แน่นเพราะกลัวว่าเธอจะหนีไปอีก
ทันทีที่พวกเขาหามุมพูดคุยนอกโรงพยาบาลได้ รินลดาก็คุกเข่าลงต่อหน้ากานดา “แม่คะ หนูขอร้องนะคะ เราสูญเสียกานต์ไปแล้ว ขอหนูเก็บเด็กคนนี้ไว้เถอะนะคะ”
เจตนินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอหมายความว่ายังไง แต่ไม่นานเขาก็เริ่มจะเข้าใจความหมายได้ราง ๆ ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ท้องของเธอ
เมื่อเห็นรายงานตรวจร่างกายในมือของกานดา เขาก็เข้าใจทันทีว่ารินลดากำลังตั้งครรภ์
เขาช็อกและไม่อยากเชื่อ!
เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นี่ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะถาม
รินลดาไม่ค่อยร้องไห้ต่อหน้ากานดา แม้ตอนที่น้องชายของเธอเสียชีวิต เธอก็แอบร้องไห้คนเดียว เธอไม่เคยฟูมฟายต่อหน้ากานดาเลย
กานดาไม่ได้อยากที่จะบังคับรินลดา เธอเพียงแต่นึกภาพอนาคตของลูกไม่ออกถ้าตัดสินใจเก็บเด็กคนนี้ไว้
แต่สัญชาตญาณความเป็นแม่จะทำให้รินลดาแข็งแกร่งขึ้นเอง เมื่อเห็นว่าครั้งนี้รินลดามีความมุ่งมั่นมากและคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เธอเปลี่ยนใจ กานดาถอนหายใจ “งั้นเราก็จะเก็บเด็กคนนี้ไว้ตามที่ลูกต้องการ”
พูดเสร็จเธอก็หันหลังเดินจากไปด้วยความรู้สึกเศร้าใจ และยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับลูกสาว
รินลดาทรุดตัวลง แม้ว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเข้มแข็ง แต่เธอก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เธอไม่อยากร้องไห้แต่ก็กลั้นไว้ไม่ได้ หัวใจของเธอถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งความเสียใจและเจ็บปวด
ก่อนมาที่นี่ เจตนินไปตามหาพวกเธอและได้ข่าวว่าทั้งสองกลับมาที่ประเทศอัคราแล้ว ส่วนน้องชายนั้นเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
เขาไม่รู้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น
เจตนินนั่งลงและมองดูเธอ ครั้งแรกที่เขาพบเธอ เธอเป็นเพียงเด็กสาวแรกรุ่น แต่กระทั่งตอนนั้นเธอก็เป็นเด็กที่มีสติดี ตั้งใจดูแลน้องชายและแม่ของเธออย่างดี
ครั้งหนึ่งเธอมีเงินแค่พอซื้อข้าวสองจานเท่านั้น เธอเลือกที่จะซื้อให้แม่และน้องชายได้กินอิ่ม แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้กินอะไรเลยก็ตาม แต่เธอกลับบอกกานดาว่าเธอกินไปแล้ว
เธอมีความคิดที่โตมากจนทำให้เขารู้สึกสงสาร
เจตนินยื่นมือออกไปหวังลูบหัวเธอเพื่อปลอบโยน แต่ยังไม่ทันที่มือจะแตะถึงตัวเธอ รินลดาก็เงยหน้าขึ้นอย่างระแวง “ที่ผ่านมา ฉันขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือต่าง ๆ เมื่อฉันมีเงิน ฉันจะเอาคืนให้คุณหมอทุกบาททุกสตางค์แน่นอนค่ะ”
มือของเจตนินหยุดค้างอยู่เหนือศีรษะของเธอ เขาค่อย ๆ ดึงมือกลับมาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เอาหน่า ผมช่วยพวกคุณด้วยความเต็มใจ ไม่ต้องคืนหรอก”
รินลดาส่ายหน้า “คุณหมอใจดีมาก ฉันไม่เคยลืมความช่วยเหลือของคุณหมอค่ะ”
ในอนาคตเมื่อฉันหาเงินได้ ฉันจะตอบแทนคุณหมออย่างแน่นอน
เจตนินช่วยฉุดเธอให้ยืนขึ้น “คุณอยู่แถวไหน? ให้ผมไปส่งนะ”
รินลดาเริ่มเป็นห่วงกานดา เธอจึงพยักหน้าตอบรับและบอกที่อยู่ของเธอให้แก่เขา
เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้าน รินลดาผลักประตูให้เปิดออกเพื่อลงจากรถ เจตนินถามเธอว่า “คุณจะกลับไปที่ซลาวาอีกไหม?”
รินลดาหันกลับมามองเขา เธอส่ายหัว “ไม่ค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปล่อยใจให้รักเธอ(จบ)