Pream Part
.
ซิดนีย์ ออสเตรเลีย
.
.
“จริงเหรอ”
‘พรีม...เธอโอเคใช่ไหม’
“อืม”
ถึงจะตอบอีกฝ่ายไปแบบนั้น แต่เมื่อวางสายจากเพื่อนเพียงคนเดียวที่ไทยแล้วฉันก็ไม่เป็นอันทำงาน ในหัวคิดแต่เรื่องที่แม่รู้เรื่องที่ฉันท้องแล้ววนไปวนมาอยู่แบบนั้น…
เมื่อกี้นับดาวโทรมาบอกเรื่องที่แม่เข้าไปโวยวายที่บ้านพี่มาเฟีย เพราะเข้าใจว่าพี่มาเฟียคือพ่อของลูกของฉัน ฉันไม่แปลกใจแล้วที่แม่โทรมาเป็นสิบ ๆ สาย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเวลาที่ซิดนีย์เร็วกว่าไทย และตอนที่โทรมานั้นก็เป็นเวลาที่ฉันกำลังพักผ่อน ทีแรกฉันจะโทรกลับหาแม่เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องอะไรร้ายแรง แต่นับดาวโทรเข้ามาก่อนเหมือนรู้จังหวะ และเรื่องที่นับดาวบอกทำให้ฉันไม่กล้าโทรกลับไปหาแม่อีกเลย
ฉันยอมรับว่าตัวเองกำลังหนีปัญหา เพราะอันที่จริงฉันหนีมันตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจมาอยู่ที่ออสเตรเลียแล้ว
“เป็นอะไรพิมมี่ ดูไม่สดชื่นเลย” ซาร่า พี่เลี้ยงที่ดูแลงานของฉันช่วงแรกเอ่ยทักขึ้น ซาร่าเป็นลูกครึ่งออสเตรเลียและจีน นิสัยดี และเจ้าระเบียบมาก งานทุกอย่างต้องเนี๊ยบและไม่มีข้อผิดพลาด ถ้ามีอะไรผิดพลาดจะหงุดหงิดไปทั้งวันจนใคร ๆ ก็เข้าหน้าไม่ติด
“ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยค่ะ” ฉันโกหกออกไป เพราะถึงซาร่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี แต่เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว ฉันไม่สามารถบอกเรื่องทุกอย่างให้คนอื่นฟังได้
“แพ้ท้องหนักเหรอวันนี้”
“ค่ะ วันนี้เจ้าแฝดค่อนข้างดื้อ” ฉันพยักหน้ารับ ไม่ได้โยนความผิดให้ลูก แต่เมื่อเช้าแฝดดื้อมากจริง ๆ เล่นเอาฉันแทบไม่มีแรงออกมาทำงาน แต่พอได้กินของโปรดอย่างน้ำส้มและคุ๊กกี้ก็ยอมสงบลงได้บ้าง
“แบบนี้ลางานไหม” เสียงทุ้มของใครอีกคนที่ดังขึ้นทำให้ฉันและซาร่าหันกลับไปมอง ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นบอสหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้านั่นเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว และเดี๋ยวสาย ๆ หน่อยก็คงหายสนิทเหมือนทุกวัน” ฉันตอบอีกฝ่ายออกไป เพราะอาการแบบนี้เป็นอาการปกติ ไม่ได้หนักจนถึงขั้นต้องลางาน แรก ๆ ก็ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่พอนาน ๆ ไปก็เริ่มชินที่จะลุกขึ้นมาอาเจียนทุกเช้า หนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป แต่วันนี้ดูเหมือนว่าจะหนักที่สุดตั้งแต่ที่ฉันมาอยู่ที่นี่ และเพราะอาการแพ้ท้องหนักเมื่อเช้านี้นี่เองที่ทำให้ฉันยังไม่ได้โทรกลับไปหาแม่จนนับดาวโทรเข้ามาก่อน...
“อืม อย่างนั้นเดี๋ยวซักสิบเอ็ดโมงคุณเข้าไปที่ห้องผมหน่อยนะ มีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องไม่ดี ไม่ต้องกังวล”
“ฉันยังไม่ได้กังวลเลยค่ะบอส” ฉันยิ้มออกมาจนได้ นิโคลัสเป็นคนอารมณ์ดี เขารู้วิธีที่จะผ่อนคลายความเครียดของลูกน้องเสมอ
พูดถึงบอส... นิโคลัสเป็นบอสที่วิเศษมาก เขาทำงานเก่งและเป็นมืออาชีพสุด ๆ แต่เขาก็ปฏิบัติตัวกับลูกน้องอย่างเป็นกันเอง เป็นห่วงเป็นใยไม่ใช่แค่กับคนท้องแบบฉัน แต่กับลูกน้องทุกคนเขาก็ปฏิบัติเหมือนกันไม่มีบกพร่อง ฉันรู้สึกโชคดีจริง ๆ ที่ได้ทำงานที่นี่
“หึ ไม่กังวลก็ไม่กังวล อ้าวนีน่า มาพอดี คุณมาดูงานตรงนี้...” ฉันละความสนใจเมื่อนิโคลัสหันไปคุยกับผู้ช่วยส่วนตัว ก่อนจะตั้งใจทำงานตรงหน้าอีกครั้งแม้สมาธิจะไม่ค่อยมีก็ตาม
.
.
“บอสเรียกฉันเข้าพบ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ตรงเวลาดีนะ” ตาสีฟ้าเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะเอ่ยชม “นั่งลงก่อนคุณแม่ เดี๋ยวเป็นลมขึ้นมาผมจะเสียดีไซน์เนอร์มือดีไป”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” ฉันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะนั่งลง เพราะช่วงนี้ยืนนาน ๆ ไม่ค่อยได้ หัวมันชอบหมุนตลอด
“จำโปรเจกต์จบของคุณได้ไหม”
“จำได้ค่ะ” ฉันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อนิโคลัสพูดถึงเรื่องนี้ โปรเจกต์จบของฉันคือการออกแบบเสื้อผ้าฤดูร้อนและหนาวภายใต้คอนเซปต์ สวย สบาย และทันสมัย ซึ่งฉันจำได้ดีเพราะผลงานนั้นทำให้ฉันได้Aมาครอบครอง
“คุณคงไม่รู้ว่าเพราะผมเข้าไปดูผลงานจบของนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยของคุณ แล้วผมสะดุดตากับเสื้อผ้าที่คุณออกแบบมาก ก็เลยส่งอีเมล์ไปเชิญชวนให้คุณมาร่วมงานด้วย... แต่ก็ถูกปฏิเสธ”
“ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะบอส ตอนนั้นอยากกลับไทยก็เลยไม่สนใจงานที่นี่”
“เฮ้ ไม่ต้องจริงจัง” บอสโบกมือพร้อมเอ่ยออกมาขำ ๆ ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ติดใจที่ฉันปฏิเสธเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่รับฉันเข้าทำงานแบบนี้ แต่ฉันก็อดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี “ผมตกหลุมรักผลงานของคุณมาก จะว่าอะไรไหมถ้าผมอยากทำเสื้อผ้าพวกนั้นออกมาขายจริง ๆ”
“บะ...บอส” ฉันอ้าปากค้าง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเสื้อผ้าที่ตัวเองออกแบบจะได้ทำขายกับแบรนด์ชื่อดังในเวลาอันรวดเร็วแบบนี้ “จริงหรือคะ”
“จริง และผมจะให้เครดิตคุณเต็มที่ด้วย”
“แต่ว่างานของฉันยังมีข้อบกพร่อง...”
“ใครบอก” บอสรีบเถียงขึ้นมาทันที “งานชิ้นนั้นของคุณมันเพอร์เฟกต์มาก ไม่แปลกเลยที่มหาวิทยาลัยจะยกให้งานของคุณเป็นงานชิ้นเอกแบบนั้น ผมรักมันมาก รักจนอยากทำให้มันมีชื่อเสียงไปทั่วโลก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด