PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด นิยาย บท 21

Chris Part

.

พิธีการทุกอย่างดำเนินมาถึงช่วงเย็น เราตกลงกันแล้วว่าจะจดทะเบียนสมรสและยกน้ำชาทีหลังเพราะกลัวว่าพรีมจะเหนื่อยเกินไป เพราะฉะนั้นหลังจากรดน้ำสังข์เสร็จพรีมก็ไปเปลี่ยนชุดที่สบายกว่าชุดไทย ก่อนจะลงมารวมตัวกับผมเพื่อพบปะ พูดคุย และถ่ายรูปกับแขกที่มาร่วมงาน ตกเย็นก็มีอาหารเลี้ยงแขกทุกคน และตอนนี้เองที่ทั้งผมและพรีมได้มีเวลาพักบ้างหลังจากเดินมาหลายชั่วโมง แต่ก็ยังไปนอนพักไม่ได้อยู่ดีเพราะต้องรอฤกษ์ส่งตัวตอนสองทุ่ม ทำได้แค่นั่งพักคุยกับเพื่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ

“เนตั้นหายไปไหนวะ” ผมถามเพื่อนเพราะไม่เห็นเนตั้นตั้งแต่ช่วงหกโมงเย็น ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน ไม่ได้มาลาซักคำ

“มันขอกลับก่อน ไม่ค่อยสบาย”

“เหรอ แล้วทำไมไม่บอกกูเลยอะ”

“มันเห็นมึงวุ่นอยู่กับแขก เลยไม่อยากกวน” เหตุผลที่เควิลพูดมาทำให้ผมพอเข้าใจได้ เพราะหลังจากเสร็จสิ้นพิธีการผมก็เดินคุยกับแขกไม่หยุด ไม่แปลกที่เนตั้นจะไม่กล้ามาลา

“มาเฟีย มองเมียกูทำไม” ผมถามเมื่อสังเกตหลายครั้งแล้วว่ามาเฟียมองพรีม ไม่ใช่มองเพราะนับดาวอยู่ตรงนั้น ต่อให้นับดาวไม่อยู่มาเฟียก็มองไม่หยุดจนผมต้องถามออกมา

“ก็แค่มอง”

“แล้วทำไมต้องมองล่ะ” ผมหรี่ตา “อย่าบอกนะว่าเสียดาย ไม่ได้แล้วนะโว้ยพรีมแต่งงานกับกูแล้ว มีลูกให้กูแล้วด้วย ไหนว่าจะไม่แย่งผู้หญิงเพื่อนไง”

“มึงเมาหรือไง โคตรเพ้อเจ้อ” ไอ้มาเฟียทำหน้าเหม็นเบื่อ ก่อนจะลุกและเดินไปหาแฟนตัวเอง ไม่คิดจะตอบคำถามผมด้วยซ้ำ

“อ้าว กูผิดเหรอวะ” ผมหันไปถามเควิล ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยความงุนงงถึงขีดสุด อะไรวะ ไอ้เฟียสิที่ผิดเพราะมันแอบมองเมียเพื่อน ต่อให้เคยเป็นคู่หมั้นกันมาก่อนแต่มันก็ไม่ถูกต้องนะเว้ย

“กูก็สงสัยว่ามึงเมาหรือเปล่า”

“กูยังไม่ได้แตะเหล้าเบียร์ซักหยด แล้วจะเมาได้ยังไง” ผมถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ พวกมันก็เห็นอยู่ว่าผมไม่ได้แตะอะไรเลยนอกจากข้าวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แทบไม่สะกิดกระเพาะด้วยซ้ำ เหล้าเบียร์ไม่ต้องพูดถึงเลย แค่กลิ่นก็ไม่ได้ดม

“มึงรู้ตัวไหมว่าแสดงอาการอะไรไปบ้างวันนี้”

“แสดงอาการอะไร”

“ก็มึงน่ะ มองคุณพรีมเหมือนอยากจับเขากินตลอดเวลา พอมีผู้ชายมองเขาหน่อยก็ทำหน้าดุเหมือนหมาบ้า แล้วอีกอย่าง ไอ้มาเฟียมันมองเมียมึงเพราะอะไรมึงก็น่าจะรู้ดี ยังงี่เง่าไปถามมันอีก” เควิลร่ายออกมายาว ๆ พร้อมกับทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผมอีกคน อะไรวะ นี่งานแต่งของผมแท้ ๆ ทำไมเหมือนผมกำลังถูกรุมอยู่แบบนี้ล่ะ

“กูเป็นแบบนั้นเหรอวะ” ผมถาม จริง ๆ ก็รู้อยู่หรอกว่ามาเฟียมองพรีมทำไม มันอยากมีลูกมาก แต่ยังมีไม่ได้ เพราะนับดาวยื่นคำขาดว่าต้องเรียนจบก่อน พอเห็นพรีมที่กำลังตั้งท้องมันเลยสนใจเป็นพิเศษ ผมไม่ใช่คนโง่ มองออกหรอกน่าว่าสายตาของเพื่อนเป็นแบบไหน แค่อยากจะแหยมันเล่น ๆ เท่านั้นเอง ไม่รู้จะอยากมีลูกอะไรขนาดนั้น ยังเรียนไม่จบแท้ ๆ ทำเหมือนตัวเองอายุห้าสิบไม่มีแรงทำลูกแล้วไปได้

“เออ!” คำตอบที่ดังฟังชัดจากเควิลทำให้ผมเบ้หน้า ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำท่าทางพวกนั้นไปตอนไหน แต่ผมไม่พอใจจริง ๆ ที่ลูกชายของคุณหญฺิงคุณนายเพื่อนของคุณพิมพ์นภามองมาที่พรีมเหมือนเสียดาย ทั้ง ๆ ที่ผมยืนหัวโด่อยู่ยังไม่เว้น นี่เหรอลูกหลานผู้ดี ไร้มารยาทชะมัด

“ถามจริง รักพรีมแล้วเหรอ” พบรักทำท่ากระซิบกระซาบถาม แต่โทษที กระซิบยังไงถึงเสียงดังขนาดนี้

“เห้ย! รักเริกอะไรกัน อย่างฉันนี่นะจะรักใคร”

“จริงร้อออ ไม่รักแล้วหวงทำไม”

“ก็...” ผมนึกคำตอบไม่ออก เพราะผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าหวงทำไม หรือหวง เพราะยังไงพรีมก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา ใช่...ต้องเป็นเพราะเหตุผลนี้แน่ ๆ “ก็พรีมคือเมีย มีเมียก็ต้องหวงเมียสิ”

“แต่ถ้าไม่รักก็ไม่น่าแสดงออกขนาดนี้นี่นา หวงเกินหน้าที่หรือเปล่า”

“มันมีลิมิตด้วยเหรอของแบบนี้ หวงก็คือหวง ไม่เห็นต้องคิดให้วุ่นวายเลยว่าทำไมต้องหวงหรือหวงได้แค่ไหน ไม่คุยกับด้วยแล้ว ไปหาอะไรกินดีกว่า” ผมตัดบทและเดินจากมาทันที ไม่รู้สิ ยิ่งอยู่นานผมก็ยิ่งเหมือนถูกสอบสวน และคำถามมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ

รัก อย่างนั้นเหรอ

ไม่ใช่หรอก

ระหว่างเราไม่ใช่ความรักซักหน่อย เราเริ่มต้นจากความผิดพลาด และถูกคำว่าลูกผูกเราไว้ด้วยกัน แถมเวลาที่เราได้เรียนรู้กันก็น้อยนิด คำว่ารักมันยังห่างไกลเกินไป ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดขึ้นได้หรือเปล่า แต่มั่นใจว่าตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้นแน่ ๆ แต่ถ้าถามว่าหวงไหม ผมตอบได้เลยว่าทั้งหวงและห่วงพรีมกับลูกมาก ตอนแรกผมก็ห่วงทั้งสามคนมากอยู่แล้ว แต่สิ่งที่คุณพิมพ์นภาบอกกับผมเป็นการส่วนตัวเมื่อไม่นานมานี้ทำให้ผมห่วงพรีมและลูกมากขึ้นกว่าเดิม

คุณพิมพ์นภาบอกกับผมว่า...

“เฮียคริส”

“โบตั๋น” เสียงแหลม ๆ ทำให้ความคิดของผมกระเจิดกระเจิง เมื่อหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นโบตั๋น ทุกคนจำโบตั๋นได้หรือเปล่า โบตั๋นคือลูกสาวของกู๋ฮง ญาติไร้สายเลือดของผมเอง เมื่อก่อนผมยังมองเธอและคุยกับเธอได้ปกติ แต่หลังจากวันผมก็ไม่คิดจะไปเจอเธออีกเลย แต่งานวันนี้จะไม่เชิญบ้านนั้นมาก็ไม่ได้ ก็เลยต้องเจอหน้ากันอย่างเลี่ยงไม่ได้แบบนี้

“เฮีย... มาทำอะไรเงียบ ๆ ตรงนี้หรือคะ” และเพราะคำพูดนั้นของโบตั๋นทำให้ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเดินออกจากงานมาค่อนข้างไกล ตรงนี้ไม่มีใครอยู่และค่อนข้างมืด เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลยเดินมาไกลขนาดนี้

“แค่คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ”

“เหรอคะ” โบตั๋นพูดแค่นั้นก่อนจะเงียบไป ผมเลยถือโอกาสนั้นปลีกตัวออกมา

“งั้นขอเข้าไปในงานก่อนนะ”

“เดี๋ยวสิคะ” โบตั๋นคว้าแขนของผมไว้ แม้จะอึดอัดใจแต่ก็ไม่กล้าสะบัดออก ยังไงโบตั๋นก็คือน้องคนหนึ่ง เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย “เฮีย...เกลียดโบตั๋นหรือเปล่าคะ”

“เปล่า”

“แล้วทำไมถึงหลบหน้าโบตั๋น โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ แถมจู่ ๆ ก็แต่งงานฟ้าแล่บแบบนี้”

“เฮียไม่ว่างเพราะเตรียมงานแต่ง” ผมไม่ได้ตอบความจริงออกไปว่าผมตั้งใจไม่รับสายเธอ ผมไม่อยากให้โบตั๋นคิดไปไกลว่าผมรู้สึกอะไรด้วย และอีกอย่าง ผมไม่อยากใกล้ชิดโบตั๋นอีก ผมมีเมียแล้ว และผมไม่คิดจะทำให้พรีมเสียใจเรื่องผู้หญิงเด็ดขาด

“ทำไมถึงแต่งงานล่ะคะ โบตั๋นไม่เคยรู้ว่าเฮียมีแฟนมาก่อน”

“...” ผมนึกคำตอบไม่ทัน ไม่ได้คิดว่าจะถูกจี้ถามแบบนี้ ถ้าคนอื่นผมยังแถได้ แต่โบตั๋นที่รู้เรื่องชีวิตผมเหมือนเป็นเงามันยากที่จะหาข้ออ้างจริง ๆ

“ทำไมไม่ตอบล่ะคะ หรือว่าเฮียแต่งเพราะจะหนีโบตั๋น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด