Chris Part
.
ผมเดินเป๋ ๆ ตามหลังของพรีม ไม่เคยคิดเลยว่าพรีมจะเป็นคนมือเท้าหนักขนาดนี้ ตอนแรกมันไม่ได้เจ็บมาก แต่พอผ่านไปสักพักกลับเจ็บขึ้นมาหน้าตาเฉย แต่ต่อหน้าพรีมผมไม่กล้าแสดงออกว่าเจ็บปวดเพราะกลัวว่าเขาจะรู้สึกผิด ได้แต่แสดงออกลับหลังแบบนี้
“ลงมากันแล้วเหรอ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ คุณแม่” พรีมเอ่ยทักทายคุณพ่อและคุณพิมพ์นภาที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ผมดึงออกให้ คุณพ่อมองการกระทำของผมด้วยรอยยิ้ม เหมือนว่าผมจะได้คะแนนเพิ่มอีกแล้ว
อันที่จริงแล้วผมไม่ได้ดูแลพรีมเพื่อเอาคะแนนจากใครหรอกนะครับ ผมทำเพราะอยากทำ ไม่ได้ทำเพราะหน้าที่หรือเอาใจคนอื่น แต่ถ้าเอาใจพรีมล่ะก็ใช่ ผมไม่เคยท้องและไม่มีทางท้องได้ แต่จากที่อ่านและฟังมาทำให้ผมรู้ดีว่าคนที่อุ้มท้องต้องเสียสละแค่ไหน ต้องยอมอ้วน ยอมให้เนื้อตัวขยายขนาด บางทีก็มีแตกลายอีก คุณแม่บางคนสิวขึ้น หน้าพัง ผิวพัง เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ไหนจะความเจ็บปวดตอนคลอดอีก ยิ่งผมได้รู้อะไรพวกนี้มาก ๆ ผมยิ่งนับถือผู้หญฺิงที่ต้องตั้งท้องทุกคน และอยากทำอะไรก็ตามที่ทำให้แม่ของลูกมีความสุข เพื่อแบ่งเบาความเสียสละของเธอบ้าง
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณพ่อ คุณน้า”
“นั่ง ๆ กินข้าวเช้าเถอะ เมื่อวานพ่อเห็นนะว่าเราสองคนได้กินข้าวกันไปนิดเดียวเอง” คุณพ่อเอ่ยพร้อมรอยยิ้มประจำตัว ผมนั่งลงข้าง ๆ กับพรีม อาหารเช้าแบบไทยแท้อย่างข้าวต้มถูกยกมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมฉุยของมันทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้สึกหิวเลย
“กินเยอะ ๆ นะคริส เหนื่อยมาเยอะเลยเรา”
“ครับคุณพ่อ” ผมจัดการข้าวต้มตรงหน้าทันที และมันหมดลงภายในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อพวกเราทุกคนจัดการอาหารเช้าเสร็จก็ย้ายมานั่งรวมกันที่ห้องนั่งเล่น เพราะมีหลายเรื่องต้องคุยกันต่อจากนี้
“จะกลับออสเตรเลียเมื่อไหร่”
“ผมแล้วแต่พรีมครับ” ผมหันไปมองพรีม ช่วงที่กลับไปที่ออสเตรเลียผมได้ดูบ้านที่ไม่ไกลจากที่ทำงานของพรีมไว้แล้ว หลังจากกลับไปพรีมก็จะย้ายออกจากบ้านของแซนดี้มาอยู่กับผม เรื่องนั้นพรีมไม่ได้มีปัญหาอะไร ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่าประเภท ฉันแต่งงานกับคุณนะ แต่ฉันจะไม่อยู่กับคุณ จะพยศ จะเอาแต่ใจ พรีมไม่ใช่แบบนั้น พรีมรู้บทบาทและหน้าที่ของตัวเองดี เมื่อแต่งงานกันแล้วเธอก็จะเป็นภรรยาและแม่ของลูกผมเต็มตัว เราจะใช้ชีวิตและปฏิบัติต่อกันเหมือนสามีภรรยาทั่วไป *ทุกเรื่อง*
“พรีมคิดไว้หรือยังว่าจะกลับเมื่อไหร่”
“น่าจะยี่สิบห้าค่ะ บอส...หนูหมายถึงคุณนิโคลัสน่ะค่ะ เขาให้ลาได้ถึงสิ้นเดือน แต่หนูต้องกลับไปย้ายข้าวของไปอยู่บ้านเดียวกับคริส ก็เลยจะกลับไปก่อนซักห้าหกวันค่ะ”
“อืม แบบนั้นก็ดีนะ จะได้ไม่เพลียด้วย แล้วแบบนี้อยู่ที่นี่จะทำอะไรกันดี ฮันนีมูนไหม?” คำพูดของคุณพ่อทำให้ผมฉุกคิดขึ้นได้ มัวแต่ห่วงเรื่องงานแต่ง ผมไม่ได้คิดเรื่องฮันนีมูนไว้เลย
“คงไม่หรอกค่ะ”
“อ้าว...”
“อ้าว...”
ทั้งผมและคุณพ่อร้องอ้าวออกมาพร้อมกันเมื่อพรีมพูดแบบนั้น เรามีเวลาหลังจากนี้กันเกือบครึ่งเดือน แต่ไม่ไปฮันนีมูนงั้นเหรอ ทำไมล่ะ? ทั้งผมและคุณพ่อต่างสงสัย
“ทำไมไม่ไปล่ะแม่พรีม” คุณพิมพ์นภาถามขึ้น เป็นครั้งแรกของวันนี้ที่ผมเห็นเธอพูด “หรือเหนื่อย หรือแพ้ท้อง”
“คือ...” พรีมพูดไม่ออก ได้แต่อึกอักอยู่แบบนั้น "หนู..."
"เป็นอะไร ถามแค่นี้ทำไมต้องอึกอักขนาดนั้น"
“พรีมอาจจะยังอึดอัดน่ะครับ เรายังต้องปรับตัวกันหลายอย่าง” ผมตัดสินใจเอ่ยตอบแทนพรีมออกไป ไม่รู้หรอกว่าเหตุผลที่แท้จริงของเธอคืออะไร แต่ถ้าตอบไปแบบนี้พ่อและแม่ของพรีมอาจะเลิกพูดถึงเรื่องนี้ก็ได้ แม้ใจจริงผมอยากไปฮันนีมูน แต่ก็ไม่อยากให้พรีมต้องมาลำบากใจ ไม่ไปก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไงเราก็คือสามีภรรยากันอยู่ดีต่อให้ไม่ได้ไปฮันนีมูนก็ตาม
“อย่างนั้นไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนสิ แซนดี้ยังไม่กลับไม่ใช่เหรอ พาเพื่อนเที่ยวประเทศไทย ถ้ายังไม่ชินที่ต้องอยู่กับคริสเขาสองต่อสองก็ไปกับเพื่อน ๆ ก็ได้ พ่ออยากให้พวกเราได้เที่ยวที่นี่ก่อนไปอยู่ออสเตรเลียยาว ๆ น่ะลูก” คำพูดของคุณพ่อทำให้พรีมเริ่มลังเล ความคิดนี้ก็ดีเหมือนกัน เพื่อน ๆ ผมต่างส่งงานกับเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เหลือแค่รอรับปริญญา ได้โอกาสรวมกลุ่มไปเที่ยวกันคงสนุกไม่น้อย
“นายว่ายังไง”
“ถามฉันเหรอ” พรีมพยักหน้าให้ผมมั่นใจว่าเข้าใจถูกแล้ว “ฉันตามใจเธอ”
“นายอยากไปหรือเปล่า”
“ก็...อยากนะ”
“งั้นหนูไปเที่ยวก็ได้ค่ะคุณพ่อ”
.
.
ตอนนี้เรามาอยู่กันที่เขต นับดาวและมาเฟียมาถึงก่อนแล้วเพื่อมาเป็นพยานให้เรา วันนี้ค่อนข้างวุ่นวายอยู่เหมือนกันเพราะต้องเข้ามาจดทะเบียนช่วงสาย และไปยกน้ำชาที่บ้านผมต่อช่วงบ่าย
“เที่ยวเหรอ?” มาเฟียทวนสิ่งที่ผมพูดด้วยสีหน้างุนงง ผมใช้เวลาช่วงที่รอคิวเข้าพบนายอำเภอพูดคุยกับมันเรื่องไปเที่ยวที่ได้คุยกับคุณพ่อและคุณพิมพ์นภาเมื่อเช้า
“อืม ปกติคนที่เรียนจบเขามักจะนัดเพื่อน ๆ เที่ยวไม่ใช่เหรอวะ”
“มันก็ใช่นะ” มาเฟียขมวดคิ้ว “แต่มึงแต่งงานแล้วก็ต้องไปฮันนีมูนกับพรีมสองต่อสองดิ จะหอบเพื่อนไปทำไม”
เมื่อมาเฟียพูดแบบนั้นผมก็ถอนหายใจออกมา เหลือบมองคนที่นั่งคุยกับนับดาวอยู่อีกมุม ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบกับเพื่อนสนิท
“ก็ใช่ แต่พรีมไม่ชินที่จะอยู่กับกูสองต่อสองเท่าไหร่ เมื่อเช้าก็ตกใจที่กูนอนอยู่ข้าง ๆ จนถีบตกเตียง”
“ก็ต้องให้เวลาเขาหน่อย มึงไม่ได้แต่งงานกับพรีมเพราะรักกัน คบกัน และแต่งงานกันนี่”
“ก็ใช่น่ะสิ กูเลยชวนพวกมึงไปด้วยไง”
“แล้วฮันนีมูน...”
“อันนี้ไม่นับว่าเป็นฮันนีมูนก็แล้วกัน ไว้ลูกคลอดเมื่อไหร่ก็ค่อยฮันนีมูนก็ไม่สาย” ผมพูดตัดปัญหา แต่รู้ดีว่าถ้ามีลูกคงไม่มีทางได้เที่ยวกับพรีมสองต่อสองแน่นอน ยิ่งลูกแฝดแบบนี้ จะมีเวลานอนหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
“ตามใจมึงแล้วกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด