Pream Part
.
หลังจากที่ไล่คริสออกไป ฉันก็ทิ้งตัวลงนอนด้วยความหงุดหงิด ไม่รู้เหมือนกันว่าหงุดหงิดอะไร แต่มันรู้สึกหงุดหงิดจนไม่อยากเห็นหน้าคริส ไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ ไม่อยากให้แตะเนื้อต้องตัวอีกต่อไป
“พอนับดาวมาเรียกนะ รีบออกไปเหมือนหมาเจอเจ้าของ” ฉันบ่นระบายความหงุดหงิดในใจ เมื่อกี้อุตส่าห์ยอมเขาแล้วแท้ ๆ แต่พอนับดาวมาเรียกคริสก็รีบเดินออกไปทันที ไม่ได้สนเลยว่าฉันจะเป็นยังไง มันน่าโมโหไหมล่ะ บอกเลยว่าฉันไม่ได้หงุดหงิดที่คริสปล่อยให้ฉันค้างคาหรอกนะ ไม่ได้หมกมุ่นขนาดนั้นซะหน่อย แต่ฉันหงุดหงิดที่...
...ที่อะไร...
ช่างเถอะ!
ฉันเลิกสนใจอาการแปลก ๆ ของตัวเอง ก่อนจะปิดไฟที่หัวเตียงลง พยายามข่มตาหลับเพื่อให้ตัวเองเลิกฟุ้งซ่าน และเลิกคิดอะไรที่มันรกสมอง แต่จนแล้วจนรอดผ่านไปสองชั่วโมงแล้วฉันก็ไม่สามารถหลับได้ นับแกะก็แล้ว เปิดเพลงที่ชอบฟังเวลาที่นอนไม่หลับก็แล้ว แต่มันไม่ช่วยอะไรเลย สุดท้ายฉันเลยลุกขึ้นมานั่งท่ามกลางความมืดมิด
“ไปนอนที่ไหนนะ” ฉันค่อย ๆ ย่องลงจากเตียง ลองแง้มประตูดู เมื่อไม่เห็นใครอยู่ระหว่างทางเดิน และห้องทุกห้องปิดเงียบสนิทจึงค่อย ๆ พาตัวเองเดินออกไปด้านนอกเรื่อย ๆ เสียงวงเหล้าเงียบไปแล้ว ที่โต๊ะกินข้าวก็ว่างเปล่า แปลว่าคงแยกย้ายกันไปนอนแล้วสินะ
แต่คริสนอนที่ไหนล่ะ?
ฉันพยายามมองหาร่างสูงใหญ่ของสามีตัวเอง แต่หามองหาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา แปลว่าคริสคงเข้าไปนอนกับเพื่อนซักคนหนึ่ง แอบรู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ไล่เขาออกมาแบบนี้ แต่ตอนนั้นอารมณ์มันอยู่เหนือเหตุผลไปหมด ไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ จนเผลอทำอะไรงี่เง่าแบบนี้ลงไป
“พรีม”
เฮือก!
ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง เสียงนั้น...ไม่ต้องหันกลับไปมองฉันก็รู้ดีว่าเสียงใคร
ทำยังไงดี... ถูกจับได้แบบนี้แล้วฉันจะแก้ตัวยังไงดี
“พรีม ออกมาข้างนอกทำไม มีอะไรหรือเปล่า” คริสไม่รอให้ฉันหันกลับไป เขาเดินอ้อมมาด้านหน้าเพื่อมามองหน้าฉันแทน “หรือมีปัญหาอะไร แพ้ท้องหนักมากเลยเหรอ ไปหาหมอไหม”
“ปะ...เปล่า” ฉันปฏิเสธ พยายามมองหาอะไรที่เป็นข้ออ้างให้ตัวเองได้ “ฉัน...ฉันแค่หิวน้ำน่ะ”
“ฉันก็วางน้ำไว้ที่หัวเตียงไง ไม่เห็นเหรอ”
ฉันชะงักเมื่อคริสพูดออกมาแบบนั้น เห็นสิ ทำไมจะไม่เห็น แต่ไม่รู้จะอ้างอะไรแล้วนี่นา
“ไม่เห็น” สุดท้ายฉันก็โกหกออกไป คริสดูยังสงสัยอยู่ แต่สุดท้ายก็ยอมเชื่อโดยไม่ถามอะไรออกมาอีก
“งั้นรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้”
“อืม” ฉันพยักหน้ารับส่ง ๆ ไป คริสวางของที่ถือมาก่อนจะเดินไปที่ห้องครัว ในตอนนั้นเองที่ฉันสังเกตเห็นว่าเขาถืออะไรมาด้วย มันคือหมอนและผ้าห่ม นี่แปลว่าเขาต้องนอนข้างนอกนี้เหรอ
“นี่น้ำ” เขายื่นน้ำให้ฉันเสร็จก็ถอยออกไปยืนไกล ๆ นี่เขาทำตามที่ฉันบอกทุกอย่างเลยใช่ไหม บอกว่าให้อยู่ห่างสามเมตรเขาก็ทำอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“ขอบใจนะ” ฉันรับน้ำมาจิบแค่นิดเดียวพอเป็นพิธี เพราะไม่ได้รู้สึกหิวน้ำจริง ๆ “นายจะนอนตรงนี้เหรอ”
ตรงนี้ที่ฉันกำลังพูดถึงคือส่วนนั่งเล่น มีโซฟาตัวใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่า และมีโซฟาตัวเล็กอีกสี่ตัว มีเก้าอีกสองตัว เป็นส่วนที่สามารถรองรับคนได้เป็นสิบคน และแน่นอนว่ามันมีขนาดใหญ่มาก นอนอยู่ตรงนี้คนเดียวคงโหวงเหวงน่าดู
“ใช่ พอดีว่าพวกเพื่อนมันไม่ยอมให้นอนด้วยน่ะ จะไปนอนกับคุณนิคก็ไม่กล้าเคาะห้องเขา เลยมานอนตรงนี้ โชคดีที่โซฟาใหญ่” คริสตอบพร้อมรอยยิ้มเหมือนเคย เขาทำทีเป็นนั่งและนอนบนโซฟาตัวยาวให้ฉันดูว่ามันใหญ่แค่ไหน ใช่ มันใหญ่มากจนคนที่สูงร้อยแปดสิบห้าแบบคริสยังนอนเหยียดขาตรงได้สบาย แต่ยิ่งเห็นแบบนั้นฉันก็ยิ่งรู้สึกผิด จะให้คริสนอนตรงนี้ได้ยังไง แอร์ก็ไม่มี ทีแรกฉันคิดว่าเขาคงไปนอนกับเพื่อน ๆ ได้ก็เลยไล่ออกมาแบบนั้น
“นายเข้าไปนอนในห้องเถอะ”
“ว่ายังไงนะ” คริสเด้งตัวขึ้นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น สีหน้าเขาดูเหมือนจะดีใจ แต่ก็แปลกใจด้วยในเวลาเดียวกัน “เธอเหม็นหน้าฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ถ้ายังเหม็นอยู่ฉันคงยืนคุยกับนายไม่ได้” เรื่องเหม็นหน้านี่ฉันไม่ได้แกล้ง ไม่ได้แสดง แต่ตอนนั้นฉันรู้สึกเหม็นหน้าคริสจริง ๆ เห็นหน้าแล้วรู้สึกพะอืดพะอม ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้ว
“จริงเหรอ”
“จริงสิ แต่ถ้านายไม่อยากเข้าไปก็นอนอยู่ตรงนี้แหละ” ฉันพูดจบก็เดินหนีทันที ไม่อยากพูดอะไรซ้ำ ๆ ถ้าไม่เข้าใจเรื่องของเขาแล้ว
“เข้าสิเข้า” คริสรีบก้าวเร็ว ๆ ตามมา เพียงแค่แวบเดียวเขาก็ขึ้นมาเดินเคียงคู่กับฉัน “เอาแก้วมาก่อน เดี๋ยวฉันเอาไปเก็บให้”
ฉันยื่นแก้วให้คริสแต่โดยดี คริสรับไปก่อนจะส่งยิ้มกว้าง ๆ มาให้ฉัน เขาเดินเข้าครัวเพื่อเอาแก้วเข้าไปเก็บแค่ครู่เดียว ก่อนจะเดินยิ้มหน้าบานออกมา
“ปะ เข้าห้องกันเถอะ ดึกมากแล้ว” เขาไม่พูดเพียงอย่างเดียว เพราะจู่ ๆ แขนของเขาก็วางทาบอยู่ที่เอวฉันโดยไม่มีการขออนุญาต แถมยังออกแรงดันเพื่อให้ฉันเดินอีก
“เดี๋ยวสิ มือนายน่ะ”
“ให้ฉันพาเธอเดินเถอะ ทางมันมืด เดี๋ยวล้ม”
ทางมืดที่ไหนกัน เปิดไฟสว่างโร่ทั้งบ้านขนาดนี้
ถึงจะแย้งเขาในใจแบบนั้น แต่ฉันก็ยอมให้คริสโอบเอวแต่โดยดี ช่างเถอะ...แบบนี้ก็รู้สึกดีอยู่เหมือนกัน
.
.
ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ เช้านี้เรามีนัดกินข้าวพร้อมหน้าตอนเจ็ดโมง คริสตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่งและอาบน้ำแต่งตัวออกไปช่วยคนอื่น ๆ เตรียมอาหารแล้ว ส่วนฉันคริสบอกให้ออกไปประมาณหกโมงห้าสิบก็ได้ เพราะข้างนอกวุ่นวาย เดี๋ยวจะทำให้ฉันแพ้ท้องขึ้นมาอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด