Chris Part
.
“ก็มึงไม่ได้รักเขาไง เข้าใจยากตรงไหน”
.
เควิลพูดพร้อมตักเค้กช็อคโกแลตเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหล่าชายไม่โสดแบบพวกเราถึงเปลี่ยนสถานที่นัดเจอจากร้านเหล้ามาเป็นคาเฟ่ของหวานแบบนี้ได้ คนที่หน้าบึ้งที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นไอ้เนตั้น แต่ก็มันเองนั่นแหละที่เลือกสถานที่นัดรวมกลุ่มเป็นร้านนี้ สาเหตุเพราะน้องเหมือนฝัน แฟนของมันทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่นี่ ทั้ง ๆ ที่มีแฟนรวยระดับประเทศ แต่เด็กขยันอย่างเหมือนฝันก็ยังทำงานไม่หยุด ผมเห็นแล้วก็ปวดหัวแทนเนตั้นมัน เพราะถ้าผมมีเงินเป็นหมื่นล้านแบบเนตั้น แต่กลับต้องมานั่งมองแฟนตัวเองเดินเสิร์ฟขนมให้ลูกค้าจนขาแข็งแบบนี้ก็คงหัวเสียไม่น้อย พอมีแฟน ใคร ๆ ก็อยากให้แฟนสบายไม่ต้องลำบากตรากตรำอยู่แล้ว
“มึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับพรีมเลยจริง ๆ เหรอ” เป็นไอ้มาเฟียที่หันกลับมาถาม สีหน้ามันดูเครียดกว่าทุกคน คงเพราะว่าสำหรับมันพรีมก็เป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ไหนจะเป็นเพื่อนกับนับดาวอีก
ที่วันนี้ผมนัดกับเพื่อนมาเจอกัน เป็นเพราะว่าอยากระบายสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจมาซักระยะหนึ่งให้ใครซักคนฟัง แต่เลือกไม่ถูกก็เลยโทรชวนมันมาทั้งสามคนไปเลย ส่วนพบรักผมไม่ได้ชวนมาด้วย เพราะผู้หญิงแบบเธอไม่น่าจะเข้าใจผู้ชายแบบผมเท่าไหร่ เผลอ ๆ คงโดนด่าจนหูชาอีก เลี่ยงได้ก็ขอเลี่ยงดีกว่า
ตั้งแต่วันนั้นที่พรีมบอกว่าคิดถึงแล้วผมไม่รู้สึกอะไรเลย มันเหมือนมีอะไรติดอยู่ในใจผมตลอดเวลา สลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด ผมเลยอยากพูดคุยกับเพื่อนที่มีความแบบรักปกติ เผื่อว่าพวกมันช่วยอะไรได้บ้าง
“กูก็...ห่วงเขา อยากดูแลเขา อยากทำอะไรดี ๆ ให้เขา รู้สึกว่าแค่มีเขาชีวิตนี้กูก็พอและ ไม่ต้องการผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว”
“นี่มันก็อาการเดียวกับกูตอนที่รู้ตัวว่ารักพบรักนี่หว่า” ไอเควิลเกาหัวแกรก ๆ “แต่ตอนที่พบรักบอกคิดถึงกูครั้งแรก กูดีใจจนเนื้อเต้นเลยนะเว้ย”
“กูว่าคริสมันไม่ได้รักพรีม” เนตั้นแย้งขึ้นมา “รัก กับ หน้าที่ มันมีแค่เส้นบาง ๆ กั้นอยู่ มันบางมากจนบางทีก็แยกไม่ออก”
“กูเห็นด้วยกับเนตั้นนะ” มาเฟียเสริม “มึงอาจจะแค่เป็นคนที่รู้หน้าที่ของตัวเอง รู้ว่าตัวเองเป็นพ่อของลูก เป็นสามี ก็เลยทำหน้าที่ตรงนั้นอย่างเต็มที่ ทั้งดูแล เอาใจใส่ และคอยย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าห้ามสนใจใคร ให้หยุดอยู่ที่พรีมเพราะพรีมคือเมียและแม่ของลูก แต่จริง ๆ แล้วมึงไม่ได้คิดแบบนั้น พอวันหนึ่งถ้ามึงเจอคนที่เข้ากับมึงได้ หรือคนที่มึงรักจริง ๆ มึงก็จะรู้ว่ารักกับหน้าที่มันไม่เหมือนกันเลย”
ประโยคยาว ๆ จากมาเฟียทำให้ผมนิ่งคิด แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนกับตัวเองว่ารู้สึกยังไงกับพรีมกันแน่ ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับเธอ ตอนจากมาก็เป็นห่วงและอยากรีบกลับไป ทุกวันนี้ผมก็อยากรีบกลับไปดูแลเธอเหมือนเดิม ผมรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่พอพรีมบอกว่าคิดถึง ผมกลับไม่รู้สึกอะไร ตื่นเต้น? ดีใจ? มันไม่มีเลยจริง ๆ มันเลยทำให้ผมไม่เข้าใจตัวเองว่ากำลังเป็นอะไรกันแน่
“กูไม่เข้าใจอะไรเลยตอนนี้”
“ตอนนี้มึงยังไม่เข้าใจอะไรหรอกคริส” เควิลพูดขึ้นบ้าง สีหน้ามันดูจริงจังกว่าที่เคย “กูไม่เห็นด้วยกับมาเฟียและเนตั้นว่ะ เพราะถ้าเป็นกูนะ ต่อให้เป็นหน้าที่ หรือใครเอามีดมาจ่อคอให้ทำ กูก็ไม่ทำให้ขนาดนั้นหรอก นวดตีนผู้หญิงที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย ให้ตายกูก็ไม่ทำให้ จ้างคนอื่นทำก็ได้ ไม่ต้องไปเสียเวลาเรียนเองให้วุ่นวาย ไม่ต้องเสี่ยงทำผิดด้วย" ที่เควิลพูดแบบนั้น เป็นเพราะเพื่อนทุกคนของผมรู้หลาย ๆ เรื่องที่ผมทำให้พรีม เพราะบางครั้งผมก็จะเอามาปรึกษาในกรุ๊ปแชทบ้าง แต่ปกติพวกเราก็ไม่ได้มีอะไรปิดบังกันอยู่แล้วถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ
"มึงกลับไปทบทวนตัวเองให้ดี ๆ คิดให้เยอะ ๆ ว่าที่ทำแบบนี้กับเขาอะ มึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลยจริง ๆ ใช่ไหม”
“...”
“หรือที่มึงไม่รู้สึกอะไรตอนที่เขาบอกคิดถึง อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้มึงยังมีเขาอยู่ พรีมเลยเป็นเหมือนของตายที่ไม่ว่ามึงจะกลับไปหาเมื่อไหร่เขาก็ยังรอมึงอยู่ที่เดิมเสมอ มึงก็เลยชะล่าใจไง แต่เมื่อไหร่ที่มึงกำลังจะเสียเขาไป วันนั้นแหละ มึงถึงจะรู้สึก”
"จริงเหรอวะ..."
"เชื่อกูเถอะ กูผ่านมันมาแล้ว"
.
.
เมื่อวานเป็นวันสุดท้ายที่งานทุกอย่างในส่วนที่ผมต้องรับผิดชอบจบลง แบบที่ผมเป็นคนออกแบบถูกแก้จนถูกใจทางบริษัทของคุณนัญแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นหน้าที่ของคนอื่นมารับผิดชอบต่อ ซึ่งก็หมายความว่าหน้าที่ของผมจบลงโดยสมบูรณ์ ผมจองตั๋วเครื่องบินกลับออสเตรเลียทันทีเมื่อรู้วันที่จะกลับได้แน่ชัด ตอนนี้พรีมท้องได้สามสิบสองใกล้จะสามสิบสามสัปดาห์แล้ว เธอใกล้คลอดเต็มทน ผมห่วงว่ายิ่งใกล้คลอดพรีมจะยิ่งเครียดถ้าไม่มีผมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นต่อให้งานมันยืดเยื้ออีกผมก็คงไม่อยู่ต่อแล้ว ห่วงพรีมกับลูก แต่ก็โชคดีที่งานเสร็จตามกำหนดการณ์ ผมเลยสามารถกลับได้โดยไม่มีห่วงอะไร
เพราะฉะนั้นวันนี้คุณนัญเลยนัดผมออกมาเลี้ยง ผมไม่อยากปฏิเสธก็เลยรับปากไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราเข้ากันได้ดีเกือบทุกเรื่อง ถ้าไม่ถือว่าเป็นลูกค้ากับคนทำงาน คุณนัญก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง
“เข้าห้องน้ำนานจังค่ะ”
“ขอโทษครับ” ผมเอ่ยขอโทษก่อนจะนั่งลงตรงหน้าคุณนัญ หยิบมือถือที่ลืมไว้ขึ้นมาดู ตั้งใจว่าจะขอตัวออกไปโทรฝันดีพรีมเพราะวันนี้ยังไม่ได้โทรไปถามไถ่อะไรเลย แต่อาหารก็ดันมาเสิร์ฟเสียก่อน
“ทานข้าวก่อนเถอะค่ะ มือถือไว้เล่นเมื่อไหร่ก็ได้ วันนี้เลี้ยงฉลองปิดจ็อบของคุณนะ”
ผมมองมือถือที่ถืออยู่อย่างชั่งใจ นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ซิดนีย์ประมาณห้าทุ่ม พรีมน่าจะนอนไปแล้วเพราะพรุ่งนี้มีนัดกับหมอ สุดท้ายผมเลยตัดสินใจวางมือถือลง ไม่ลืมที่จะปิดเสียงเพื่อไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนได้อีก แม้ว่าวันนี้เราจะไม่ได้มาทำงานกันแต่ผมก็ยังเกรงใจอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย
เรากินข้าวกันอย่างไปเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน คุณนัญยังคงหาเรื่องมาชวนคุยได้ตลอด เธอเป็นคนคุยเก่ง และก็ทำงานเก่งในเวลาเดียวกัน จะว่าไปผมก็ยังไม่ได้บอกเธอเลยว่าจะกลับออสเตรเลียพรุ่งนี้ ยังหาจังหวะดี ๆ ไม่ได้ แต่อันที่จริงผมไม่จำเป็นต้องบอกอะไรพวกนั้นกับเธอเลย และผมคิดว่าคุณนัญก็คงไม่ได้อยากรู้ด้วย ต่อให้สนิทกันแค่ไหนยังไงเราก็ยังเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันอยู่ดี
“นัญกำลังมีโครงการคอนโดใหม่ที่เชียงใหม่ค่ะ และนัญก็ชอบการออกแบบและการทำงานของคุณมาก ไม่แน่ว่านัญอาจจะได้มาใช้บริการบริษัทคุณอีกก็ได้นะ เรา...จะได้ร่วมงานกันอีกครั้ง ดีไหมคะ”
“เอ่อ...” เมื่อคุณนัญพูดออกมาแบบนั้นผมก็พูดไม่ออก ถ้าเป็นตอนที่ผมและพรีมรวมถึงแฝดกลับมาอยู่ที่ไทยแล้วก็คงจะได้ร่วมงานกันอีก แต่ถ้าภายในเร็ว ๆ นี้คงไม่ได้ ผมทำได้แค่ออกแบบให้เธอเท่านั้น
“ไม่เห็นต้องเครียดเลยค่ะ ไม่อยากร่วมงานกับนัญอีกเหรอคะ” ใบหน้าสวยแสร้งหมองลง จากที่รู้จักมาคุณนัญเป็นคนที่มีจริตความเป็นหญิงค่อนข้างเยอะ เธอแสดงสีหน้าเก่ง ไม่ว่าจะออดอ้อน งอน ไม่พอใจ จริงจัง หรืออะไรก็ตาม ต่างจากพรีมที่รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาแบบนั้นไม่ปั้นแต่ง เป็นธรรมชาติจนผมรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ด้วย
เดี๋ยวนะ นี่ผมกำลังเปรียบเทียบผู้หญิงสองคนอยู่เหรอ?
ผมตกใจตัวเองที่จู่ ๆ ก็เอาพรีมมาเทียบกับคุณนัญเสียอย่างนั้น พรีมก็คือพรีม คุณนัญก็คือคุณนัญ เอามาเทียบกันได้ที่ไหน...
“คริสคะ”
“คะ...ครับ” ผมขยับตัวเล็กน้อย ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายที่ทำหน้าไม่พอใจอยู่บาง ๆ นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมค่อนข้างอึดอัดเวลาต้องพบปะกับคุณนัญ เธอเอาแต่ใจมากเกินไป ตอนที่ทำงานผมก็ยอมตามใจเพราะยังไงเธอก็เป็นลูกค้า แต่เสร็จงานแล้วผมก็ต้องมานั่งตามใจอีก มันไม่ใช่หน้าที่เลย “มีอะไรเหรอครับ”
“ทำไมเหม่อล่ะคะ”
“ขอโทษครับ” สุดท้ายผมก็ยอมขอโทษไปเพื่อให้มันจบ ๆ “ผมคิดเรื่องที่คุณนัญบอกแหละครับ คือถ้าเป็นเร็ว ๆ นี้คงไม่ได้ ผมไม่ได้อยู่ประเทศไทยถาวรในเวลานี้น่ะครับ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ผมอยู่ที่ออสเตรเลียน่ะครับ แต่ที่ต้องกลับมาไทยเพราะพ่อผมลื่นล้ม เลยกลับมาช่วยงานท่าน อย่างที่ผมแจ้งไว้ก่อนหน้าที่จะเข้ามารับงานนี้ พอเสร็จก็จะกลับไปที่ออสเตรเลียเหมือนเดิมครับ”
“ไม่เห็นบอกกันเลยค่ะ” เธอหน้าบึ้งสนิท ดวงตาฉายแววไม่พอให้เหมือนตอนที่ลูกน้องของเธอทำอะไรขัดใจ ผมเริ่มนั่งไม่สบาย ไม่ชอบเวลาถูกมองด้วยสายตาแบบนี้เอาเสียเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด