Chris Part
.
“ถามอะไรหน่อยสิแซนดี้” ผมอาศัยจังหวะที่พรีมกำลังคุยกับคุณพิมพ์นภาอยู่ ดึงตัวแซนดี้ที่แวะมาเยี่ยมออกมาคุยเป็นการส่วนตัวที่สวนหลังบ้าน เพราะผมมีเรื่องที่สงสัยและอยากรู้คำตอบมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามเธอ จนตอนนี้อีกสองวันลูกผมก็จะอายุครบหนึ่งเดือนแล้ว และผมไม่อยากปล่อยให้เรื่องมันนานไปมากกว่านี้
“ถามอะไร?"
“เรื่องคุณนัญ” แซนดี้ขมวดคิ้ว เหมือนว่าเธอจะจำชื่อคุณนัญไม่ได้ “ผู้หญิงที่เธอกล่าวหาว่าฉันนอกใจพรีมไง”
“ฉันไม่ได้กล่าวหา”
“แล้วมีหลักฐานหรือไง” เข้าทางผมพอดี เพราะถ้าถามตรง ๆ แซนดี้อาจจะไม่ยอมบอกก็ได้ใครจะไปรู้ ต้องท้าทายแบบนี้แหละ
“มีสิ ไม่มีจะพูดได้ยัง ฉันไม่ใช่คนปากพล่อยนะ”
“แล้วหลักฐานมันคืออะไรล่ะ” ผมต้อนถามไปเรื่อย ๆ
“ก็มีคนส่งคลิปนายกับผู้หญิงคนนั้นมาให้พิมมี่ดูในไอจี ส่งมาแทบจะวันเว้นวันด้วยซ้ำ”
“คลิป?” ผมขมวดคิ้ว ทุกครั้งที่ผมกับคุณนัญออกไปคุยงานกันก็มักจะคุยที่โรงแรมเดิม ตรงส่วนที่เป็นคาเฟ่แต่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวระดับหนึ่ง แถมคุณนัญก็มีบอดี้การ์ดตามประกบตลอด ไม่คิดว่าจะมีคนแอบถ่ายคลิปให้ผมได้ แถมส่งให้พรีมเกือบทุกวันอีก แปลว่าคน ๆ นี้ต้องติดตามผมมาซักพักแล้ว แล้วมันคือใครกัน? เพราะผมจำได้ว่าผมไม่เคยไปนั่งคุยงานกับคุณนัญแล้วเจอคน ๆ เดิมมานั่งในคาเฟ่นั้นเท่าไหร่ ส่วนมากก็เป็นแขกของโรงแรมที่แวะเวียนไปมาหน้าไม่ซ้ำ
“นี่นายยังไม่ได้คุยกับพรีมเรื่องนี้เหรอ”
“ยัง ฉันยังหาโอกาสไม่ได้ พรีมเองก็ไม่ยอมพูดเรื่องนี้เลย แถมไม่ได้มีท่าทีโกรธอะไรฉันด้วย ฉันเลยอยากหาต้นเหตุก่อนจะได้แก้ได้ถูกจุดแบบถอนรากถอนโคน”
“ไม่ได้พูดอะไรเลยเหรอ” แซนดี้ถามย้ำ หน้าตาดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
“ไม่ ปกติดีทุกอย่าง” ผมส่ายหน้า ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาพรีมปกติมาก และบางทีความสัมพันธ์ของเราอาจจะดีกว่าก่อนที่ผมกลับไทยด้วยซ้ำ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม หรือพรีมจะไม่เอาเรื่อง? แต่จากที่แซนดี้บอกว่าพรีมเครียดเรื่องนี้จนเป็นลมขนาดนั้น จะเป็นไปได้เหรอที่พรีมจะไม่รู้สึกอะไรเลย? “ฉันยังไม่เข้าใจ เธอพูดเหมือนพรีมเครียดมาก แต่ทำไมพอฟื้นขึ้นมาพรีมกลับทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันรอดูท่าทีมาเป็นเดือนทุกอย่างก็ยังปกติ ฉันอยากรู้ว่าเพราะอะไร”
“จะเพราะอะไรล่ะ พิมมี่รักนายจนไม่ลืมหูลืมตาเลยน่ะสิ”
“รัก???” ผมทวนคำพูดของแซนดี้ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ยิ่งได้เห็นว่าแซนดี้ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรที่ไม่ควรออกมา ใจผมก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้น “แซนดี้ รักอะไร บอกฉัน”
“ไม่บอก”
“แซนดี้...”
“ไม่เอา เรื่องแบบนี้ต้องให้เจ้าตัวบอกเองสิ”
“หมายความว่า...” ผมยิ้มออกมาเมื่อตีความคำพูดของแซนดี้ได้ ผมไม่รู้มาก่อนว่าพรีมรักผม ผมคิดว่าเธอคงเกลียดผมตั้งแต่ที่ผมทำให้เธอท้องแล้ว และยังมีเรื่องไม่ดี(ที่ผมไม่ได้ผิด)เข้าหูจนเธอเครียดอีก แถมตอนที่เธอท้องผมก็ไม่ได้อยู่ดูแล นี่พรีมรักผู้ชายห่วย ๆ แบบผมจริง ๆ เหรอ? ผมไม่อยากจะเชื่อเลย...
“เพิ่งพูดไปแท้ ๆ ว่าไม่ใช่คนปากพล่อย” แซนดี้เดินหนีพร้อมก่นด่าตัวเองไปด้วย ส่วนผมก็ได้แต่ขอบคุณความปากพล่อยของเธอ เพราะถ้าแซนดี้ไม่พูด พรีมคงไม่มีทางบอก และผมก็คงไม่มีวันได้รู้
ว่าพรีมรักผม...
แต่ตอนนี้ผมคงต้องหาทางสืบหาคนที่ส่งคลิปมาให้พรีมให้ได้ก่อน เพราะถ้าขืนตอนนี้ผมไปพูดเรื่องนี้กับเธอ พรีมก็คงไม่สะดวกใจที่จะยอมรับว่ารักผมแน่ ๆ เพราะผมมั่นใจว่าตอนนี้พรีมไม่มีทางไว้ใจผมได้เต็มร้อย แม้ว่าเธอจะทำเหมือนปล่อยผ่านและไม่พูดถึงอีก แต่หนามที่ไม่ได้บ่งออก ซักวันมันก็จะอักเสบและทำให้เป็นหนองได้ สุดท้ายผมก็จะทำให้พรีมเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จักจบ ตอนนี้ผมต้องเคลียร์เรื่องนี้ก่อน ส่วนเรื่องหัวใจไว้คุยกันหลังจากนี้ก็ไม่สาย
ผมกลับมานั่งคิดทบทวนว่าใครที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นคนส่งวิดีโอให้พรีมตามที่แซนดี้บอก มันมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะเป็นฝีมือของคุณนัญเอง อย่างที่ผมบอกว่าเวลาเราคุยงานกัน ในคาเฟ่ของโรงแรมแทบจะไม่มีคนอื่นอยู่เลยนอกจากลูกน้องของเธอ แถมเรื่องแต่งงานของผมกับพรีมก็ไม่ใช่ความลับอะไรเลย ทุกคนในแวดวงธุรกิจหรือเหล่าเซเลปต่างรู้กันเกือบทั้งหมด ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้จัดงานใหญ่โตก็เถอะ แต่แค่ค้นหาอินสตราแกรมหรือเฟซบุ๊คของผมก็จะได้เห็นรูปแต่งงานหรือรูปพรีมที่ผมอัพโหลดไว้มากมายแล้ว
อันที่จริงผมไม่ควรสงสัยคุณนัญเลย ดูก็รู้ว่าคุณนัญกับผมต่างกันเหมือนฟ้ากับดิน คุณนัญทั้งสวย รวย เป็นทายาทเศรษฐีหมื่นล้าน เธอไม่จำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้เสียศักดิ์ศรีเพื่อผู้ชายที่ด้อยค่ากว่าคนเดียวเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณนัญ...จูบผมแบบนั้น ผมก็คงตัดเธอออกคนแรก แต่นี่เธอทำ... แปลว่าเธออาจจะรู้สึกอะไรบางอย่างกับผม เลยเป็นต้นเหตุให้ทำเรื่องพวกนี้ขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อ จนกว่าจะได้เห็นข้อความนั้น... และที่สำคัญคือผมจะเอามือถือพรีมมาดูยังไงดีไม่ให้เธอจับได้
“คริส”
“เฮ้ย!” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อถูกเรียก พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นเมียผมเอง พรีมมองหน้าผมด้วยความงุนงงกับท่าทีตกใจเกินเรื่องของผม
“ตกใจอะไรขนาดนั้น”
“ปะ...เปล่า” ผมพยายามทำเสียงให้กลับมาเป็นปกติ เมื่อกี้ตกใจมากจริง ๆ ผมกำลังคิดหาวิธีขโมยมือถือพรีมมาเปิดดู แล้วเจ้าตัวก็โผล่มาดื้อ ๆ แบบนี้ เหมือนโจรถูกจับได้ก็ไม่ปาน
“ไปกินข้าวกันเถอะ”
“อืม” พอผมตอบรับพรีมก็เดินนำเข้าบ้านไป ผมกำลังจะเดินตามก็หยุดชะงักเพราะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่พรีมถืออยู่ในมือเสียก่อน
โทรศัพท์มือถือของพรีม
ผมครุ่นคิดอย่างหนักถึงแผนการณ์ที่จะเอามือถือมาจากเธอ ช่วงนี้พรีมติดมือถือมากเพราะชอบยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปลูกเก็บไว้ตามประสาแม่ขี้เห่อ ผมเลยคิดไม่ออกว่าจะหยิบมันมาดูได้ยังไง หรือจะเป็นตอนที่เธอหลับดี?
“คริส” ผมสะดุ้งอีกครั้ง พรีมที่ยืนอยู่ตรงประตูหันกลับมาเรียกผม เธอทำหน้ายุ่งเหยิง “ยืนทำอะไรอยู่ ไม่กินข้าวเหรอ”
“กำลังจะเดินไปครับพ้ม”
“ไม่ต้องมาเล่นเลย ถ้าพอใจตื่นเมื่อไหร่ล่ะจะเล่นไม่ออก” ที่พรีมพูดแบบนั้นเพราะถ้าพอใจตื่นพวกเราจะกินข้าวกันลำบากมาก เพราะฉะนั้นเวลาที่พอใจหลับคือเวลาที่เราจะได้มีเวลาทำส่วนตัวอะไรบ้าง “รีบเข้ามาเร็วเข้า”
“คร้าบบ” ผมตอบรับเสียงยานคางจนพรีมส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะเดินเข้าไปบ้านไป ปล่อยให้ผมเดินตามหลังภรรยาต้อย ๆ อย่างเชื่อฟัง
.
.
“พอใจหลับไปแล้ว...” พอก้าวออกจากห้องน้ำผมก็เหลือบตามองพรีมที่นั่งวิดีโอคอลกับนับดาวอยู่บนเตียง ก่อนจะจด ๆ จ้อง ๆ มือถือที่เธอถืออยู่ไม่วางตา ผมว่าผมหมกมุ่นอยู่กับมือถือของพรีมจนประสาทหลอนไปแล้ว เพราะตอนนี้ผมเหมือนเห็นแสงแวววาวออกมาจากมือถือเครื่องนั้นราวกับมันคือของล้ำค่า และผมจะแย่งชิงมันมาให้ได้
เริ่มเพ้อเจ้อละ...
ผมสะบัดหัวแรง ๆ เพื่อเรียกสติกลับมา พอมองไปที่พรีมอีกทีก็เห็นว่าเธอกำลังมองมาที่ผมเหมือนกัน แต่สายตาเธอดูหวาดระแวงแปลก ๆ
“ทำอะไรของนาย”
“หืม? เปล่านี่” ผมรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว จะให้พรีมรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าผมจ้องที่จะขโมยมือถือเธอ
“แล้วสะบัดผมเปียก ๆ จนน้ำกระจายเต็มห้องทำไม”
“ห้ะ!?” ผมก้มมองพื้นห้องก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้พรีม เพราะตอนนี้พื้นรอบข้างที่ผมยืนอยู่เปียกไปหมดจริง ๆ
“เช็ดเลยนะ” พรีมทำหน้าดุ พอก่อนจะทิ้งตัวลงนอน
“จ้ะ"
สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งเช็ดพื้นที่ตัวเองทำเปียกไว้ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นตามสนองจริง ๆ
เงยหน้าขึ้นอีกทีผมก็เห็นว่าพรีมหลับไปแล้ว ช่วงนี้พรีมเหนื่อยมากเพราะต้องทำหลายอย่าง พอหัวถึงหมอนปุ๊ปก็เลยหลับไปทันทีแบบนี้ อีกไม่ถึงสามชั่วโมงพรีมก็ต้องตื่นมาให้นมพอใจอีก แม้จะดูเหนื่อยแต่พรีมก็ยิ้มได้ทุกวัน
“นั่นมัน...” ผมตาโตเมื่อเห็นว่าพรีมวางมือถือไว้บนโต๊ะหัวนอน ผมเหลือบตามองพรีมอีกครั้ง พรีมกำลังหลับสนิท โอกาสนี้นี่แหละ...
ผมค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ กับพรีม สายตาผมมองสลับไปมาระหว่างพรีมและมือถือเครื่องนั้นอย่างมีพิรุธ และตอนที่ผมกำลังเอื้อมมือไปหยิบนั่นเอง
“ทำอะไร”
“พรีม!?”
“ชู่ว” พรีมยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากตัวเอง ก่อนจะมองไปที่แปลน้องพอใจอย่างหวาดระแวง เธอกลัวว่าลูกจะตื่นเพราะเสียงอุทานของผม “ทำไมต้องเสียงดังด้วย เดี๋ยวพอใจก็ตื่นหรอก”
“ขอโทษครับ” ผมหน้าหงอย รู้สึกว่าวันนี้ตัวเองไร้สติอย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ
“แล้วมาทำไมตรงนี้ ที่นอนนายทางนั้น”
“ฉันมา..เอ่อ” ผมอึกอัก คิดคำตอบไม่ทัน
“มา?”
“มา...” ผมมองหน้าพรีม ก่อนจะก้มลงไปหาเธอ กดจูบลงบนริมฝีปากสีสวยเนิ่นนานแต่ไม่ได้ลึกซึ้ง เราแค่จูบกันภายนอกเท่านั้น “มากู๊ดไนท์คิส”
“บ้า” พรีมเม้มปากแน่นหน้าแดงจัด “ทุกทีไม่เห็นทำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด