กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ นิยาย บท 1510

ในเวลานี้ชายหนุ่มที่มีอายุแก่กว่าและใจเย็นกว่าวิลเฮล์มเล็กน้อยได้พูดขึ้นมาว่า “พี่ชาย นี่เป็นเรื่องของครอบครัวโกลดิ้ง ฉะนั้นกรุณาอย่าเข้ามาก้าวก่ายในเรื่องนี้ดีกว่านะครับ”

คนที่พูดก็คือริกลีย์ โกลดิ้ง ลูกชายของเอเดรียนซึ่งเป็นหลานชายคนโตของนายท่านโกลดิ้ง

เนื่องจากควินน์เป็นผู้หญิง ริกลีย์จึงถือเป็นหลานคนโตของตระกูล

ชาร์ลีมองไปที่ริกลีย์แล้วพูดเรียบ ๆ ว่า “ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดดี ๆ อย่าทำเป็นกร่างเข้ามาเห่าหอนในบ้านคนอื่นเหมือนฝูงหมาบ้า ตระกูลโกลดิ้งถือเป็นตระกูลที่น่านับถือในอีสต์คลิฟฟ์ ฉะนั้นก็โปรดควบคุมตัวเองเวลาอยู่ข้างนอกด้วย อย่าปล่อยให้คนอื่นคิดว่าคุณไม่มีการศึกษาป่าเถื่อน!”

“แก…” เมื่อวิลเฮล์มได้ยินดังนั้น เขาก็กัดฟันอย่างโกรธเกรี้ยวและอยากกระโจนเข้าใส่ชาร์ลี

ริกลีย์หยุดเขาไว้ได้ทัน จากนั้นเขาก็มองชาร์ลีด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดกับเอเดรียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ว่า “พ่อครับ เลิกอ้อมค้อมและเข้าประเด็นกันได้แล้ว”

เอเดรียนจ้องมองชาร์ลีอย่างเย็นชา เขาตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าเด็กคนนี้จะเป็นใคร เขาก็ต้องชดใช้ด้วยเลือดหลังจากทำธุระในวันนี้เสร็จแล้ว เขาอยากจะสั่งสอนเด็กคนนี้ให้เรียนรู้ความเจ็บปวดจากการมาสบประมาทตระกูลโกลดิ้งตามใจชอบ!

ดังนั้นเขาจึงระงับความแค้นที่มีต่อชาร์ลีเอาไว้และหันไปหายูล “พี่ชาย ฉันมาที่นี่ในฐานะทายาทของตระกูลโกลดิ้ง เพื่อปกป้องรวมทั้งรักษาสิทธิ์และผลประโยชน์ของตระกูลเรา! ทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งที่เป็นชื่อของพี่ เมื่อพี่จากไปแล้วฉันก็จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ฉันคงทนนั่งดูทรัพย์สินของตระกูลครึ่งหนึ่งตกไปอยู่ในมือคนนอกไม่ได้ หวังว่าพี่จะทำเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลนะ และทำพินัยกรรมเพื่อแจกจ่ายทรัพย์สินของพี่ให้ฉันกับโรแกนอย่างน้อย 80% ด้วย”

เขาแอบมองใบหน้าที่บูดบึ้งของยูลแล้วพูดเสริมว่า “พี่ชาย ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะเห็นแก่ตระกูลโกลดิ้ง ไม่อย่างนั้น ถ้าพี่ตายไปแล้วทรัพย์สมบัติตกไปอยู่กับภรรยาของพี่และนานา ทรัพย์สินพวกนั้นก็จะไม่ใช่ของตระกูลโกลดิ้งอีกต่อไป ตระกูลของเราก็จะไม่ติดอยู่ในรายชื่อสามตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในอีสต์คลิฟฟ์ ให้ตายสิ! เราอาจจะไม่ติดหนึ่งในห้าอันดับแรกด้วยซ้ำไป พี่อยากให้ชื่อเสียงของเราที่โด่งดังมานับร้อยปีต้องมัวหมองลงหลังการตายของพี่เหรอ?”

ยูลพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เอเดรียน ไม่ว่าแกจะประดิษฐ์คำพูดให้ฟังดูสวยหรูขนาดไหน สุดท้ายแล้วสิ่งที่แกต้องการก็คือมรดกของฉันใช่ไหม? จะบอกอะไรให้นะว่าฉันได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้แล้ว และในพินัยกรรมนั้นมรดกจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ภรรยาของฉันจะได้รับมรดกไปครึ่งหนึ่ง และนานาจะได้รับมรดกอีกครึ่งหนึ่ง ตามกฎหมายแล้วแกไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายหรือคัดค้านพินัยกรรมของฉัน เพราะฉันได้ประกาศแจกจ่ายทรัพย์สินของฉันไว้ในพินัยกรรมแล้ว”

เอเดรียนมีสีหน้าที่ดูเย็นชาขึ้นในขณะที่ถามว่า “พี่คิดถึงแต่ครอบครัวเล็ก ๆ ของพี่แค่นั้นเหรอ? แล้วพวกเราล่ะ?”

ยูลถามกลับไปว่า “แล้วจะทำไมล่ะ? แกไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมรดกของฉันนี่!”

โรแกนที่เฝ้าดูการเผชิญหน้ากันอยู่ข้าง ๆ กระทืบเท้าอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วตะโกนว่า “ยูล! โรคมะเร็งของพี่มันแพร่กระจายขึ้นสมองจนทำให้จิตใจของพี่มอดไหม้ไปแล้วหรือไง?​ ทำไมคนที่ฉลาดหลักแหลมอย่างพี่กลับคิดอะไรไม่ออกแล้วล่ะ”

เมื่อราเชลได้ยินดังนี้ เธอก็สวนกลับไปด้วยความเดือดดาล “นี่ โรแกน! ระวังปากของคุณหน่อยนะ!”

โรแกนตวาดกลับด้วยความตกตะลึง “ระวังปากเหรอ? มาดูกัน”

หลังจากนั้นเขาก็หันไปหายูล แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่ว่า “ยูล ถอยออกมาสักหน่อยเถอะ ถ้าพี่ยังดื้อด้านและยืนกรานที่จะแบ่งมรดกให้กับภรรยาและลูกสาวของพี่ พี่คิดเหรอว่าพวก ‘ผู้หญิง’ นั่นจะสามารถจัดการกับทรัพย์สินจำนวนมากได้? วันนี้พวกเรามาช่วยคลี่คลายปัญหานี้อย่างสันติ แบ่งทรัพย์สินของพี่ออกมา 80% แล้วยังเหลืออีกตั้ง 20% ซึ่งพอยิ่งกว่าพอสำหรับภรรยาและลูกของพี่จะได้มีชีวิตสุขสบายหลังจากพี่ตายไปด้วยซ้ำ!”

คำพูดของโรแกนทำให้เลือดในกายยูลเดือดปุด ๆ เขาตะโกนออกไปอย่างเดือดดาลว่า “โรแกน ไอ้สารเลว! แกขู่ฉันเหรอ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ