เช้าวันต่อมา พิมกับเตชิน นั่งจดทะเบียนสมรสกันในห้องรับแขก
โดยมีนายทะเบียนสองคนและมีผู้คังอีกหนึ่งคนคอยเป็นสักขีพยานในการจดทะเบียนครั้งนี้
" ขอให้คุณเตชินกับคุณพิมถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร์ มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองนะครับ "
นายทะเบียนอวยพรให้ทั้งสองคน พิมนั่งนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไรกับคำอวยพร เตชินจึงเอ่ยว่า
" ขอบคุณครับ "
แล้วนายทะเบียนอีกคนก็เอ่ยว่า
" หน้าที่ของเราเสร็จสิ้นแล้ว พวกผมสองคนขอตัวกลับก่อนนะครับ "
เตชินพยักหน้าให้เบาๆ แล้วส่งสายตา
ไปให้ผู้ช่วยคัง
เมื่อนายทะเบียนสองคนลุกจากโซฟา ก็เดินออกจากห้องรับแขกไป
โดยมีผู้ช่วยคังเดินตามไปส่งแล้วเอ่ยกับนายทะเบียนว่า
" คุณสองคนช่วยเก็บเรื่องในวันนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะครับ "
เอ่ยจบเขาก็ยื่นซองใส่เงินให้ทั้งสองแล้วเอ่ย
" ค่าน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากคุณชายครับ "
นายทะเบียนสองคน หันกลับไปมองเตชินที่นั่งบนโซฟาสุดหรูในห้องรับแขกอย่างสง่า
ดูองอาจราวกับราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
เตชินยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับพยักหน้าให้พวกเขารับค่าน้ำใจ
นายทะเบียนทั้งสองยิ้มแห้งแล้วค้อมหัวขอบคุณเล็กน้อยแล้วหันหน้ากลับลมา
เดินออกจากบ้านขอเตชินไปขึ้นรถ โดยมีผู้ช่วยคังขับรถไปส่ง
เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว เตชินก็หันไปมองพิมแล้วเอ่ยอย่างเผด็จการ
" ต่อไป ถ้าผมไม่อนุญาต คุณห้ามไปไหนสองต่อสองกับผู้ชายอีก
เพราะตอนนี้คุณคือผู้หญิงของผมแล้ว ผมไม่อนุญาตใครก็ห้ามแตะ "
ได้ยินดังนั้นพิมลุกขึ้นพรึ่บ แล้วเอ่ยอย่างไม่ยอมเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกหลอกเข้าแล้ว
" ใครเป็นผู้หญิงของคุณ เมื่อวานคุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่
ไหนว่าถ้าจดทะเบียนแล้ว จะไม่มีผลกระทบใดๆกับการใช้ชีวิตของฉันไง "
เตชินลุกขึ้นยืนมองพิมด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา
" นั่นมันเรื่องของเมื่อวานแล้ว ส่วนเรื่องวันนี้คือคุณจดทะเบียนสมรสแล้ว
อะไรๆก็เริ่มใหม่หมด แม้เราจะไม่เปิดเผยสถานะ
แต่ผมก็ไม่อาจให้คุณไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนไหนได้ในช่วงนี้ จนกว่าผมจะมั่นใจ "
พิมหรี่ตามองเขา แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
" ทำไม คุณมีเหตุผลอะไร แล้วจนกว่าจะมั่นใจเรื่องอะไร ถึงห้ามไม่ให้ฉันพบเพื่อนผู้ชาย
แล้วเพื่อนผู้ชายที่เป็นสาวสอง ก็พบไม่ได้เหรอ "
เตชินจึงเอ่ยว่า
" ได้ แต่ต้องอยู่ในสายตาของผม หากคุณอยากจะไปไหนขอให้บอกผู้ช่วยคัง
เขาจะทำหน้าที่รับส่งคุณ
และคอยรายงานผม แต่คุณห้ามออกจากกรุงเทพ เว้นแต่ผมจะอนุญาต "
พิมจึงโวยวายขึ้นมาด้วยความโมโหจนสุดจะทน พร้อมกับเอาหมอนโยนใส่เตชิน
" คุณหลอกฉัน คุณมันเจ้าเล่ห์ เชื่อไม่ได้เลยสักนิด คุณจะคอยจับตามองฉันตลอดแบบนี้ไม่ได้
ฉันอยากใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ แบบนี้เขาเรียก
กักบริเวณกันชัดๆ ฉันไม่น่าหลงเชื่อคุณเลย "
โวยวายเสร็จ เธอก็หมุนตัว เดินออกไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
เตชินมองตามร่างระหง ที่เดินออกไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เขาก็แอบขำเบาๆ
จากนั้นก็ปรับสีหน้ากลับมาเคร่งขรึมเป็นปกติ
แล้วเอ่ยถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจือเย็นชา
" คุณจะไปไหน "
พิมเบะปากแล้วนั่งลงบนโซฟานุ่มๆ ที่มีความหรูหราจากแบรนด์ดัง เอาฝ่ามือลูบโซฟาที่เธอนั่งแล้วตบเบาๆ
เหลือบขึ้นไปมองเตชินที่ยืนโด่อยู่ตรงหน้าเธอแล้วเอ่ย
" บ้านคุณออกจะใหญ่ ฉันจะนอนบนโซฟาห้องรับแขก หรือนอนที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ห้องคุณ
ฉันไม่ลืมหรอกนะว่าคุณทำอะไรไว้กับฉัน
และไม่มีวัน ที่ฉันจะนอนห้องเดียวกับคนบ้ากาม
ที่เห็นผู้หญิงไม่ได้อย่างคุณหรอก
ที่ฉันยอมจดทะเบียนกับคุณเพราะฉันต้องการเงินคุณ
เพราะฉันรู้ว่าคนอย่างคุณ ไม่มีทางที่จะมาจริงจังกับแค่ใบทะเบียนสมรสหรอก
หากมันไม่มีประโยชน์ต่อคุณ หรือคุณไม่จำเป็นต้องใช้มัน
คุณคงไม่ยอมจ่ายค่าจ้างฉันมากขนาดนั้นหรอกฉันรู้ว่าคุณคิดวางแผนมาหมดแล้ว
การที่คุณเลือกฉัน เพราะคุณรู้ว่าฉันสลัดทิ้ง
ได้ง่าย และมั่นใจว่าฉันจะไม่ตามตอแยคุณ
เมื่อคุณบรรลุเป้าหมายหรือหลังหย่า
ที่ฉันพูดถูกมั้ย "
เตชินมองพิมและฟังเธออย่างเงียบๆ แล้วเอ่ยด้วยท่าทางสุขุม
" ถูกแต่ไม่ทั้งหมด "
เขารู้สึกว่า เขาคิดไม่ผิดเลยที่เลือกเอายีนส์ DNAจากพิม
เพราะนอกจากเธอจะมียีนส์เด่นแล้วยังฉลาด มองขาดอย่างทะลุปรุโปร่ง
รู้จักวิเคราะห์เรื่องราวและรู้จักหาความน่าจะเป็นได้อย่างแม่นยำ
แต่คนเราแม้จะฉลาดแค่ไหนก็มีจุดที่พลาดและมองข้ามในบางจุดไป พิมก็เช่นกัน
ทำให้เธอลืมนึกถึงคำพูดของคุณหญิงจารวีไปเลย
และลืมนำเรื่องราวมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน เพราะเตชินมัวแต่กวนประสาทเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา