หนึ่งอาทิตย์ต่อมา พิมกับเตชินก็ต้องกลับกรุงเทพ
ทั้งสองยืนลาแม่มะลิกับพ่อคำ ก่อนออกเดินทาง
พิมกอดพ่อกับแม่แล้วเอ่ย
" หนูไปก่อนนะคะ อยู่บ้านดูแลตัวเองดีๆ
อย่าทำงานหนัก อย่าหักโหมเกินไป ทำเท่าที่ทำไหวนะคะ "
พิมเอ่ยด้วยความเป็นห่วงพ่อกับแม่ แม่มะลิเองก็เอ่ยด้วยความเป็นห่วงลูกสาวเช่นกัน
" ลูกเองก็ดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรก็โทรมาหาพ่อกับแม่นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว เข้าใจมั้ย "
" ค่ะ "
พิมพยักหน้าเอ่ยตอบ
พ่อคำมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนด้วยความอาลัย
จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปมองเตชินที่ยืนข้างๆลูกสาวเขาแล้วเอ่ย
" ผมฝากคุณเตชินดูแลพิมให้ดีๆด้วยนะครับ
เธออาจจะดื้อบ้างเป็นบางครั้ง
ขอให้คุยกับเธออย่างใจเย็น
ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้จูงมือกันไปข้างหน้า
ดูแลกันไปให้ตลอดรอดฝั่งนะ "
เตชินเขาเข้าใจในความหมายแฝงของคำพูดนั้นดี เขาจึงเอ่ยตอบอย่างแน่วแน่ว่า
" ครับ ผมจะดูแลพิมให้ดีที่สุด "
แต่คำพูดเขาก็ไม่ทำให้พ่อของพิม ห่วงลูกสาวน้อยลงเลย พ่อคำก็หันไปเอ่ยกับลูกสาวว่า
" อยู่ไกลบ้านดูแลตัวเองนะลูก แล้วจำคำของพ่อไว้ รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางนะ เข้าใจที่มั้ย "
( หมายถึง : คือการรู้จักเอาตัวรอดในจังหวะหรือสถานการณ์ที่ลำบากไม่ปลอดภัยเข้าขั้นวิกฤติ
รู้จักหลบหลีกจากสิ่งที่ไม่ปลอดภัยให้ได้รับผล
กระทบกับตัวเองน้อยที่สุด )
พิมพยักแล้วเอ่ยตอบ
" ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว หนูจะจำคำของพ่อไว้ให้ขึ้นใจเลยค่ะ "
แล้วสามคนพ่อแม่ลูกก็เข้ามากอดกันอีกครั้ง จากนั้นพ่อคำก็เอ่ยขึ้น
" ไปเถอะ ช้าจะตกเครื่องเอาได้ "
" ค่ะ "
เตชินหันมาไหว้พ่อแม่ของพิมพร้อมกับเอ่ย
" สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณแม่ "
พ่อแม่ของพิมรับไหว้จากเขา แล้วเขาก็เปิดประตูให้พิมเข้าไปนั่งในรถ
จากนั้นเขาก็เข้าไปนั่งใกล้ๆพิมแล้วปิดประตู
คนขับรถ ก็ขับออกไปจากบ้านของพิมทันที
เมื่อถึงสนามบินทั้งสองก็ลงจากรถ
แล้วเดินเข้าไปในสนามบิน
ระหว่างที่นั่งเครื่องกลับกรุงเทพ เตชินก็หันมาเอ่ยถามพิมว่า
" ถ้าง่วงก็นอนเลยนะ ถึงแล้วจะเรียก "
" ไม่ง่วงค่ะ "
พิมเอ่ยตอบ แล้วเตชินก็เอ่ยถามต่อว่า
" จะทานอะไรมั้ย จะสั่งให้ "
" ไม่ค่ะ "
เอ่ยจบ พิมก็หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
คิดอะไรเพลินๆ
สองชั่วโมงผ่านไป เครื่องบินก็ค่อยๆลงจอดบนพื้นดิน
ไม่นานเครื่องบินก็จอดนิ่งสนิท พิมกับเตชินก็ลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไป
ทั้งสองเดินออกจากสนามบิน แล้วเข้าไปนั่งในรถที่ผู้ช่วยคังขับมารับ
จากนั้นผู้ช่วยคังก็ขับรถออกจากสนามบินกลับไปยังบ้านของเตชิน
เมื่อถึงบ้านเตชินกับพิมก็เดินเข้าไปในบ้าน
พิมเดินไปนั่งในห้องนั่งเล่นแล้วเปิดทีวีดู
เธอชินก็มานั่งลงข้างๆเธอแล้วเอ่ย
" พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปตรวจสุขภาพนะ "
พิมมองเขาแบบงงๆ เธอไม่ได้เป็นอะไร เขาจะพาเธอไปตรวจสุขภาพทำไม
เตชินเห็นเธอมองเขาแบบนั้น เขาจึงเอ่ยต่อว่า
" ไปตรวจดูว่าคุณท้องหรือยัง ถ้าท้องทุกคนจะได้ดูแลคุณถูกไงครับ "
พิมได้ยินดังนั้น เธอก็เหลือบมองบนอย่างเบื่อหน่าย พร้อมกับเบะปากเล็กน้อยอย่างเซ็งๆ
[ นี่กะจะไม่ให้เราใช้ชีวิตอย่างสงบสุขสักช่วงเลยหรือไง มาถึงก็พูดถึงเรื่องนี้เลย ]
เธอลอบพึมพำในใจ เตชินเห็นเธอทำหน้าน่าเบื่อเซ็ง เขาก็เอ่ยขึ้น
" พิม ผมอายุสามสิบแล้วนะ ผมก็อยากมีลูกเป็นธรรมดามั้ย
อีกอย่างผมจำเป็นต้องมีทายาทไว้สืบสกุล
เป็นผู้สืบทอดและรับช่วงดูแลธุรกิจต่อจากผม
เหมือนผมรับช่วงต่อจากพ่อของผมไง เข้าใจมั้ย นะ พรุ่งนี้ไปตรวจหน่อยนะ
หากคุณยังไม่ท้อง เราก็จะได้ปรึกษาหมอด้วย
ว่าต้องทำยังไงถึงจะท้องง่ายขึ้น "
พิมนึกในใจ เธอจะไปท้องได้ยังไง ก็เธอใช้ยาคุม ถ้าท้องเธอจะไปวีนใส่คนผลิตและร้องเรียนให้เลิกผลิตเลย
แล้วเธอก็เอ่ยอย่างเชื่อฟังว่า
" ได้ค่ะ ในเมื่อคุณอยากให้ไปตรวจ ฉันก็จะไป แต่ถ้าไม่ท้องคุณจะโทษฉันไม่ได้นะคะ
จะโทษ ก็ต้องโทษที่เชื้อคุณไม่แข็งแรงเอง "
ได้ยินดังนั้นเตชินก็คิดหนัก เขามีอะไรกันกับเธอทุกวัน เธอก็ไม่มีอาการคล้ายกับคนท้องตามที่เขาศึกษามาสักที
เพราะความสงสัย เขาถึงอยากจะไปให้หมอตรวจดูสุขภาพของเธอ แต่เขากลับลืมคิดในส่วนของตัวเองไปสนิท
[ หรือจะเป็นเพราะเรา อย่างที่พิมพูด จะเพราะอะไรพรุ่งนี้ ให้หมอตรวจก็รู้แล้ว ]
เขาเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง นั่งคิดเงียบๆอย่างเหม่อลอย พิมเห็นดังนั้นเธอก็แอบขำเบาๆ
ในเช้าวันต่อมาเตชินก็พาพิมไปตรวจที่
ศูนย์สูติ-นรีเวช
พิมเดินเข้าไปอย่างสบายใจ พกความมั่นใจในตนเองเกินร้อย
แต่เธอลืมคิดไปว่าเตชินที่อยากมีลูกมากขนาดนั้น
จะศึกษาหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อย่างละเอียดมากน้อยแค่ไหน
เธอคิดแค่ว่าเขาอยากมีลูก เธอไม่ท้องก็จบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา