พอพ่อแม่ของรตีรู้ข่าวว่า ลูกสาวของพวกเขา
เข้าโรงพยาบาลเพราะทำร้ายร่างกาย
พวกเขาก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันทีด้วยความเป็นห่วงลูกสาว
แต่เมื่อทั้งสองเข้ามาในห้องผู้ป่วย พวกเขาสองสามีภรรยา ก็ไม่แม้แต่จะมองหน้ากันเลย
เย็นชาใส่กันทำราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
จากนั้นพยาบาลก็มาแจ้งให้เขาทั้งสองไปพบหมอเป็นการส่วนตัว
เมื่อกลับออกมาจากการพบหมอ แม่ของรตีก็เข้าไปนั่งข้างๆลูกสาว
ร้องให้ด้วยความเจ็บปวดใจเมื่อเห็นลูกสาวนอนไร้สติอยู่บนเตียง
" โธ่ รตีทำไมลูกถึงได้ทำแบบนี้ แม่ขอโทษนะลูก "
ส่วนพ่อของรตีก็นั่งอยู่บนโซฟา
นั่งยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมขมับ ก้มหน้านิ่งอย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกเครียดและรู้สึกผิด
สีหน้าดูหม่นหมองไร้รังสี เขาเสียใจอย่างมากที่ไม่ได้ดูแลลูก ไม่ใส่ใจลูกให้ดีกว่านี้
ก่อนหน้านี้พวกเขาเข้าไปพบหมอ หมอก็เล่าอาการของลูกสาวเขาให้ฟังว่า
" จากอาการและพฤติกรรมของผู้ป่วยที่เพื่อนและพี่เลี้ยงของผู้ป่วยเล่ามา
สาเหตุที่ผู้ป่วยลงมือทำร้ายร่างกายนั้นเพราะไม่ได้ดั่งใจและรู้สึกผิดหวังไม่พอใจอย่างรุนแรง
อาการของผู้ป่วยเป็นอาการของโรคฮิสทีเรีย ซึ่งโรคนี้จัดเป็นโรคทางจิตเวช
และผู้ป่วยยังมีโรคซึมเศร้าแทรกซ้อนอีกด้วยแสดงว่าผู้ป่วยมีอาการนานแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว
และไม่มีใครคอยสังเกต
ซึ่งอาการของโรคฮิสทีเรียนี้ มักจะแสดงอาการออกมาเกินจริง ขาดการยับยั้ง อารมณ์แปรปรวน
ผู้ป่วยโรคนี้มักมีความเครียด ความวิตกกังวลใจอยู่ตลอด
บางกลุ่มจะมีอารมณ์อ่อนไหวง่าย ชอบทำตัวโดดเด่นต้องการเป็นที่สนใจตลอดเวลา
ตลอดจนมีการแสดงอาการและแสดงอารมณ์ต่างๆจนดูเกินจริงเพื่อดึงดูดความสนใจครับ "
ได้ยินดังนั้นสองสามีภรรยาก็ยิ่งวิตกกังวลใจ
เป็นห่วงลูกสาวมากขึ้น ผู้เป็นพ่อจึงเอ่ยถามขึ้น
" คุณหมอแล้วสาเหตุของโรสฮิสทีเรียนี้เกิดจากอะไรครับควรจะรักษายังไงให้หายขาด
ผมทำใจรับไม่ได้ถ้าลูกเป็นแบบนี้ ผมมีลูกสาว
แค่คนเดียวคุณหมอต้องช่วยผมนะครับ "
หมอจึงเอ่ยตอบด้วยท่าทีสุขุมว่า
" โรคนี้ยังไม่สามารถอธิบายสาเหตุของการเกิดโรคได้ชัดเจนครับ
แต่มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่นพันธุกรรม การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง
ขาดความรัก ขาดอบอุ่น การลอกเลียนแบบ หรือเกิดจากการเผชิญเหตุการณ์ที่ผิดหวังรุนแรง
และอาจจะเกิดจากตัวผู้ป่วยเองที่จัดการกับอารมณ์และความเครียดสะสมที่ไม่เหมาะสมครับ "
" ส่วนวิธีการรักษาจะรักษาโดยการบำบัดจิตเป็นหลักครับ
เบื้องต้นก็จะต้องพูดคุยหาสาเหตุของปัญหาแล้วมาปรับกระบวนการคิดของผู้ป่วย
รวมถึงพฤติกรรมการเข้าสังคมและการใช้ชีวิตประจำวันให้มีความเหมาะสม
แต่ในกรณีผู้ป่วยมีภาวะซึมเศร้าด้วยจะต้องทำควบคู่ไปกับการใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าครับ "
แม่ของรตีจึงเอ่ยถามขึ้น
" แล้วแบบนี้ต้องใช้เวลานานมั้ยคะคุณหมอ
กว่าลูกสาวฉันจะหายเป็นปกติค่ะ "
หมอจึงเอ่ยตอบว่า
" ขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยและสภาพแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมรอบตัวครับ
หลังจากนี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องมีเวลาให้ลูกมากขึ้น
คอยสังเกตอาการ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจและไม่ทำให้รู้สึกขาดความอบอุ่น
หลีกเลี่ยงสถาณการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียดหรือความวิตกกังวลประมาณนี้ครับ
เมื่อผู้ป่วยเปิดใจยอมรับการรักษา
ผู้ป่วยก็จะมีโอกาสหายเร็วขึ้นครับ "
พ่อของรตีนั่งนิ่งคิดทบทวนคำพูดของหมอ
จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ส่งข้อความไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง
( คุณปอยจากนี้ไปผมไม่สามารถอยู่กับคุณได้แล้วผมขอจบความสัมพันธ์กับคุณเพียงเท่านี้ ผมเลือกครอบครัวของผม อย่าติดต่อมากันอีก )
จากนั้นเขาก็บล็อคเบอร์ บล็อคแชทของคน
ที่ชื่อปอย
แล้วไล่ลบเบอร์ผู้หญิง ลบแชท ลบกลุ่มต่างๆ ออกจากโทรศัพท์ไปจนหมดแล้วเดินไปหาภรรยาลูบหลังภรรยาเบาๆแล้วเอ่ย
" ผมขอโทษนะคุณ หลังจากนี้ผมจะกลับมาอยู่กับคุณและลูก เรามาเริ่มต้นใหม่กันนะ "
ได้ยินสามีพูดดังนั้นแม่ของรตีก็ร้องให้ออกมาแล้วกอดสามีแน่นร้องให้ไม่หยุด
เพราะนี่คือสิ่งที่เขาต้องการมานาน
สามีเขาเปลี่ยนไปตอนเขาท้องและติดผู้หญิงข้างนอกทำให้เขาเครียดมาก
พอหลังจากคลอดรตีออกมา เขาก็ไปเที่ยว ไปดื่ม เล่นพนันคลายเครียดไปวันๆ จนไม่มีเวลาให้ลูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา