เวลา 08:00 น. เด็กนักเรียนต่างพากันมาเข้าแถวเคารพธงชาติ ทำกิจกรรมตอนเช้า
หลังเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จ พิมก็เดินเช็ดชื่อนักเรียนในฐานะครูประจำชั้น ในห้องของตัวเอง
ก่อนที่จะปล่อยให้นักเรียนในห้องของตัวเอง
ไปเรียนตามวิชาเรียนต่างๆ
เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมหน้าเสาธงแล้วเธอก็ปล่อยนักเรียนเข้าห้องเรียน
แล้วเธอก็เข้าสอนตามปกติ เมื่อนักเรียนเข้ามาเธอก็เริ่มสอนทันที โดยวันนี้เธอสอนในเรื่องของรำวงมาตรฐาน
เธอเริ่มนำเข้าสู่บทเรียนด้วยเรื่องเล่าแล้วโยงเข้าสู่เนื้อหาที่จะเรียนในวันนี้
จากนั้นก็สอนนักเรียนร้องเพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ
ซึ่งวิชาที่เธอสอนจะเกี่ยวกับการร้อง เล่น เต้นแสดงควบคู่ไปกับทฤษฎี
ตัวพิมเองนั้นเต้นก็เก่ง บัลเล่ต์ก็ได้ ภาษาเธอก็เยี่ยมพูดได้ถึงสามภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีน
เธอมีโอกาสมากมายในชีวิต แต่เธอเลือกที่จะเป็นครู
เพื่อสร้างเด็กรุ่นใหม่ที่ฐานะยากจนเหมือนเธอได้พัฒนาตนเอง
เธอคอยทำหน้าที่ซัพพอร์ตคอยชี้แนะแนวทางให้กับเด็กด้อยโอกาสคนอื่นๆที่มีความสามารถในด้านต่างๆ
ให้ได้เดินตามความฝันของตัวเองด้วยความมั่นใจอย่างกล้าหาญ
เพื่อไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
พอสอนเสร็จ ถึงเวลาพักเที่ยงป๊อบก็มารับเธออกไปทานข้าวข้างนอก
ระหว่างทางป๊อบก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
" วันนี้เหนื่อยมั้ย "
" ก็เหนื่อยค่ะ แต่ก็มีความสุขดี "
ป๊อบจึงเอ่ยว่า
" งานราชการก็แบบนี้แหละ ดูเหมือนจะสบาย
คนไม่เข้ามาสัมผัสเอง จะไม่มีรู้เลยว่ามันเหนื่อยและหนักแค่ไหน เหมือนที่คุณทำ ไม่ใช่แค่สอนอย่างเดียว แต่มีองค์ประกอบอื่นอีกเยอะ "
พิมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วเอ่ย
" ใช่ค่ะ ต้องคนที่มีใจรักเท่านั้นถึงจะทำไหว
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอยากเห็นเด็กมีอนาคตที่ดี
มีอุดมการณ์ความเป็นครู ฉันก็คงไม่มาสายนี้ค่ะ "
ทั้งสองคุยกันอย่างถูกคอเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน แล้วป๊อบเอ่ยต่อว่า
" ชื่อคณะที่คุณเรียนมาเขาก็บอกอยู่แล้วว่า หนัก "
" ยังไงคะ "
พิมหันไปถามเขา เขายิ้มแล้วเอ่ยตอบว่า
" ก็ ครุ ที่แปลว่า หนัก ไงครับ ครุศาสตร์ ก็จะแปลว่าหนักในวิชาความรู้ "
" จริงด้วยค่ะ ฉันลืมคิดไปเลยค่ะ งั้นก็แสดงว่าคนที่จบสายนี้อย่างฉัน ก็เป็นผู้ที่มากด้วยวิชาความรู้ เก่งรอบด้านใช่มั้ยคะ "
พิมอวยตัวเองเล่นๆ อย่างอารมณ์ดี ลืมความโกรธเมื่อวานที่มีต่อป๊อบไปจนหมด
ป๊อบเห็นดังนั้นก็ตอบรับเธอแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า
" ครับ ว่าแต่คุณหายโกรธผมแล้วใช่มั้ย "
พิมจึงเอ่ยตอบว่า
" ค่ะ ฉันหายโกรธแล้ว ทีหลังคุณอย่าทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นอีกเข้าใจมั้ยคะ "
" ครับ ผมจะเชื่อฟังคุณ "
เมื่อไปถึงร้านอาหารเล็กๆข้างทางพวกเขาก็ลงจากรถแล้วนั่งสั่งอาหารทานกันแบบง่ายๆ
ทางด้านโรงพยาบาล รตีนอนพักฟื้นในห้อง
โดยมีพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่ข้างๆไม่ห่างด้วยสีหน้ากังวล
ณัชชาเดินเข้ามาในห้องเพื่อมาดูอาการของรตี เมื่อเห็นว่ายังไม่ฟื้น
เธอก็เลยหันไปกำชับกับพี่เลี้ยงของรตีว่า
" ถ้าเธอฟื้นให้รีบโทรหาฉัน อย่าโทรไปหาพี่
เตชินเด็ดขาดเข้าใจมั้ย "
" เข้าใจค่ะ "
พี่เลี้ยงรตีเอ่ยตอบแต่ในใจกลับกังวลใจเอามากๆ
แล้วณัชชาก็เดินออกจากห้องผู้ป่วยไป
พี่เลี้ยงของรตีเอง ก็กลัวว่าถ้ารตีฟื้นขึ้นมา
แล้วไม่เจอเตชิน จะโวยวายอาละวาดอีก
เขาไม่รู้ว่าควรจะโทรบอกเตชินหรือไม่บอกดี
แต่สุดท้าย เขาคิดว่ามีเพียงเตชินเท่านั้นที่รตีเชื่อฟัง
เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรออกไปยังเบอร์ขอเตชิน
เตชินนั่งทำงานในห้องที่เชียงใหม่ เมื่อเห็นว่ามีเบอร์แปลกโทรเข้ามา เขาจึงกดรับสายแล้วเอ่ย
" สวัสดีครับ "
ปลายสายก็เอ่ยขึ้นว่า
" คุณเตชินคะ ฉันเป็นพี่เลี้ยงของคุณรตีนะคะ
ที่ฉันโทรมาเพื่อจะบอกคุณว่า คุณรตีเข้าโรงพยาบาลค่ะ "
ได้ยินดังนั้นเตชินก็ตกใจแล้วเอ่ยถามขึ้น
" รตีเป็นอะไร ทำไมถึงเข้าโรงพยาบาลได้ "
ทางปลายสายจึงเอ่ยว่า
" เอ่อ...คือ...คุณรตีทำร้ายตัวเองค่ะ เธอใช้มีดกรีดข้อมือตัวเอง เพราะคิดว่าคุณจะทิ้งเธอไปค่ะ "
เตชินได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที จากนั้นจึงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า
" อืม เดี๋ยวผมจะกลับไปหารตี ถ้าเธอฟื้นคุณก็ช่วยดูแลเธอด้วยแล้วกัน "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา