หลี่ชิเย่ และราชินีเทพเจ็ดสมุทรคุยกันเป็นเวลานานมาก ขณะที่ท้ายที่สุดแล้ว ราชินีเทพเจ็ดสมุทรไปจากด้วยท่าทีที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเขิง
“เจ้าคนอวดดี” เจ้าคุยอะไรกับราชินีเทพเจ็ดสมุทร?” หลังจากที่ราชินีเทพเจ็ดสมุทรจากไปแล้ว เย่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกแปลกใจ พวกเขาทั้งสองคุยกันทีตั้งหลายวัน นี่มันคงไม่ใช่การพูดคุยธรรมดาแล้วกระมัง
หลี่ชิเย่มองดูท่าทางที่เปี่ยมด้วยความสงสัยของเย่เสี่ยวเสี่ยวแล้ว ทำกะพริบตานิดหนึ่ง ยิ้มกล่าวว่า “ชายโสดหญิงสาว เจ้าคิดว่าควรจะคุยอะไรกัน?”
“ถุย ถุย ถุย…” ใบหน้าของเย่เสี่ยวเสี่ยวแดงขึ้นทันที กระทืบเท้าลงบนหลังเท้าของหลี่ชิเย่เข้าให้อย่างแรง กล่าวว่า “เจ้าคนบ้ากาม จิตวิปริต ดูสิว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร…”
“นังหนูน้อย เจ้าคิดไปถึงไหนกัน” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา เมื่อเห็นลักษณะที่กำลังคลั่งของเย่เสี่ยวเสี่ยว กล่าวเอ้อระเหยว่า “ที่พวกเราคุยกันนั้นเป็นเรื่องที่เป็นงานเป็นการ มีเพียงคนที่มีจิตสกปรกจึงคิดถึงแต่เรื่องที่ไม่เป็นไปตามทำนองครองธรรม”
“เจ้าลองพูดอีกครั้งซิ ลองพูดอีกครั้ง” เย่เสี่ยวเสี่ยวเมื่อถูกหลี่ชิเย่พูดจายั่วเย้าเช่นนี้ จึงของขึ้นทันทีมือทั้งสองเท้าสะเอวและกล่าวด้วยท่าทีขึงขัง
หลี่ชิเย่เห็นท่าทางที่ดั่งเล็กพริกขี้หนูของเย่เสี่ยวเสี่ยวแล้ว ได้แต่ยิ้มๆ เขาถึงกับจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอก แม้ว่าเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จะคึกคักยิ่งนัก แต่ทว่า ในสายตาของเขาแล้ว ท้องฟ้าในเวลานี้ดูเงียบสงัดเหลือเกิน ช่างอ้างว้างวิเวกเหลือเกิน
“พวกเจ้าเก็บของเถอะ ได้เวลาที่พวกเราสมควรออกเดินทางได้แล้ว” สุดท้าย หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ตั้งใจไปจากเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อไปสมทบกับซูหย่งหวง
“ไม่รอคนแล้วรึ?” เย่เสี่ยวเสี่ยวที่มองเห็นท่าทางที่อ้างว้างวิเวกแล้ว ถึงกับพูดขึ้นมาว่า “ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็รออีกสักหน่อย”
เย่เสี่ยวเสี่ยวไม่รู้หรอกว่าคนที่หลี่ชิเย่รอคอยอยู่เป็นใคร แต่ทว่า คนอย่างหลี่ชิเย่ที่ซึ่งไม่หวั่นกับสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไปกลับเผยท่าทีเช่นนี้ออกมาได้ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าคนที่เขารอคอยต้องเป็นคนที่มีความหมายไม่ธรรมดาเลย
“ช่างเถอะ เรื่องราวบางอย่างบนโลกไม่อาจฝืนได้ ชีวิตคนเรามักจะต้องพกพาเอาคำว่าเสียใจจากไป ดวงจันทร์ย่อมมียามอับแสง สุกสว่าง เต็มดวงและแหว่งเว้า ถือเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์เรา”
เย่เสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าเงียบๆ ไม่ถามอีกต่อไป นางและซือหม่ายวี่เจี้ยนได้จัดแจงเก็บข้าวของเพื่อเตรียมติดตามหลี่ชิเย่ไปจากที่นี่
จังหวะที่หลี่ชิเย่กำลังจะจากไปนั้น ทันใดนั้นเขารู้สึกสะกิดในใจขึ้นมาและหนังตากระตุกทีหนึ่ง ลมปราณพลุ่งพล่าน ฉับพลันนั้น ปรากฏประกายตาน่าเกรงขามขึ้นมา
“พวกเราไป…” นัยน์ตาทั้งสองของหลี่ชิเย่พลันดูน่าเกรงขาม เขาขยับตัวออกเดินทางทันที กล่าวว่า “พวกเราไปช่วยคน…”
“ช่วยคน ช่วยใคร?” เย่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกงงงัน และเอ่ยถามขึ้นมา
หลี่ชิเย่ไม่ได้ตอบ หันหลังจากไปทันที เย่เสี่ยวเสี่ยว และซือหม่ายวี่เจี้ยนไม่กล้าชักช้า เร่งรีบติดตามหลี่ชิเย่ ไป
หลี่ชิเย่วิ่งเร็วมาก เกรงว่าเย่เสี่ยวเสี่ยว และซือหม่ายวี่เจี้ยนจะตามไม่ทัน ถือโอกาสดึงตัวซ้ายขวาข้างละคนให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ก้าวข้ามท้องฟ้าไปในทันที
ณ บริเวณส่วนลึกของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่มาผจญภัยอยู่ที่นี่ ทุกคนต่างต้องการค้นหาสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่ร่ำลือกัน แน่นอนที่สุด กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มาผจญภัยอยู่ในบริเวณส่วนลึกของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต่อให้ไม่สามารถค้นหาสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะได้พบ แต่ ถือโอกาสขุดหาสมุนไพรที่ล้ำค่าไปได้บ้างก็เท่ากับมาไม่เสียเที่ยวแล้ว
ยิ่งลึกเข้าไปภายในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มากเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น แต่ทว่า ส่วนที่ลึกเข้าไปภายในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นมันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน ทุกคนไม่เพียงถูกดึงดูดใจด้วยสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่มีการลือกันเดือดปุดๆ เร็วๆ นี้เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ภายในส่วนที่ลึกเข้าไปภายในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ยังเต็มไปด้วยสมุนไพรล้ำค่าที่มีอายุนับล้านปีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ถึงแม้จะไม่มีสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะ ลำพังสมุนไพรล้ำค่ายิ่งเหล่านี้ก็ดึงดูดให้ยอดฝีมือมาผจญภัยได้เหมือนกัน
เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิบสองสุสาน เรื่องอันตรายใช่ว่าจะเป็นชื่อที่ได้มาแบบจอมปลอมเท่านั้น ที่ตรงนี้ไม่เพียงมีอันตรายจากเมล็ดพันธุ์เท่านั้น ยังมีอันตรายที่สร้างความหวาดหวั่นอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นต้นว่าสัตว์ดุร้ายที่สามารถไปมาไร้ร่องรอยได้ ต้นไม้และเถาวัลย์ที่กินคนได้ หรือทำให้ได้รับพิษเป็นต้น
ยอดฝีมือที่มาผจญภัยในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้น นอกจากบางส่วนที่ตายโดยไร้ที่ฝังไม่เหลือแม้แต่ซากแล้ว ยังมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากกว่าที่หลังจากต้องตายอย่างอนาถอยู่ในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็จะถูกเมล็ดพันธุ์ยึดครองร่างกายไป แล้วแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์ต้นไม้
ความจริง กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว พวกเขายากจะยอมรับได้กับการแปรเปลี่ยนสภาพร่างกายเช่นนี้ได้ การที่ร่างกายถูกคนอื่นเขายึดครองเอาไป และต้องกลับกลายเป็นอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผู้คนจำนวนมากรู้สึกว่ามันน่ากลัวจนขนลุกขนพอง ดังนั้น ยอดฝีมือที่มาผจญภัยบางคนเมื่อเห็นพรรคพวกของตนเองถูกเขายึดครองเอาร่างกายไป เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์ต้นไม้ พวกเขาจะจัดการทำลายร่างกายของพรรคพวกคนนั้นโดยตรงเสีย
“ปัง ปัง ปัง…” ในเวลานี้ บริเวณส่วนลึกของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง เกิดการต่อสู้กันขึ้นอย่างดุเดือด
ณ ที่ตรงนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนหยัดต่อสู้อย่างทรหด ทั่วตัวของผู้หญิงคนนี้มีเพลิงแก่นสุริยันปรากฎออกมาอย่างรุนแรง ดวงอาทิตย์แต่ละดวงที่ลอยล่องอยู่รอบๆ ตัวของนาง กายของนางถูกปกคลุมเอาไว้ภายใต้เพลิงแก่นสุริยัน ดูเจิดจรัสแสบตายิ่งนัก เสมือนหนึ่งนางคือเทพสุริยันอย่างนั้น
ลักษณะผู้เหญิงคนนี้ดูสุภาพเยือกเย็นสวยล้ำค่า มีท่าทีที่ข่มขวัญผู้คน จากการที่ทั่วร่างของนางปรากฎเป็นดวงอาทิตย์แต่ละดวงที่ลอยล่องนั้น ยิ่งทำให้นางดูน่าเกรงขามสูงส่ง ด้วยท่าทีที่น่าเกรงขามไม่อาจรุกล้ำได้
“ในเมื่อแม่นางยังคงหลงงมงายเช่นนี้ งั้นก็อย่าโทษข้าที่ลงมือโหดเหี้ยมแล้วล่ะ” นัยน์ตาของโอรสสวรรค์ปกสมุทรส่งประกายน่าเยือกเย็น เผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าออกมา กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “การเป็นศัตรูกับสำนักแตรสังข์ของข้า เป็นการหาเรื่องเจ็บตัว!”
“สำนักแตรสังข์นับเป็นตัวอะไร” ในเวลานี้เอง เสียงเชื่องช้าเสียงหนึ่งดังขึ้น ปรากฏบุรุษคนหนึ่งนำพาผู้หญิงสองคนเหินฟ้ามาถึง
“คนโหดอันดับหนึ่งมาแล้ว” ไม่รู้ว่าเสียงใครที่ร้องตะโกนออกมา เมื่อเห็นบุรุษที่เหินฟ้าเข้ามา หวาดกลัวจนหน้าถอดสี
“คนโหดมาอีกแล้ว” ยอดฝีมือจำนวนมากต่างทยอยกันหลบห่างออกไปใม่กล้าอยู่ใกล้ เมื่อเห็นการมาถึงของหลี่ชิเย่ ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากที่ได้เห็นการมาของคนโหดอันดับหนึ่งแล้วต่างรู้สึกสั่นเทาภายในใจ รู้ว่าเรื่องไม่ดีจะเกิดขึ้นอีกแล้ว
หลังจากที่หลี่ชิเย่มาถึงแล้ว พลันทำให้โอรสสวรรค์ปกสมุทรที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าส่งสายตาที่เยือกเย็นออกมา จ้องมองหลี่ชิเย่อย่างน่าเกรงขาม
ผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นการมาของหลี่ชิเย่ นางไม่ใช่ใครอื่น คือซูหย่งหวงที่มาเสินจื่อโจวก่อนหน้าหลี่ชิเย่ก้าวหนึ่งนั่นเอง
“หลี่ชิเย่…” สายตาเยือกเย็นของโอรสสวรรค์ปกสมุทรจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “บุญคุณความแค้นระหว่างเจ้ากับสำนักแตรสังข์ของเรา ช้าหรือเร็วสำนักแตรสังข์พวกเราจะต้องคิดบัญชีกับเจ้าแน่ แต่ เรื่องในวันนี้ทางที่ดีเจ้าอย่าสอด มิฉะนั้นล่ะก็…”
“มิฉะนั้นพ่องมึงสิ…” ขาดคำ “ปัง” หลี่ชิเย่พลันปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของโอรสสวรรค์ปกสมุทร อาศัยท่วงท่าที่รวดเร็วสุดเปรียบเปรยยกเท้าเหยียบลงไป โดยที่โอรสสวรรค์ปกสมุทรไม่ทันที่จะตอบโต้ ถูกยันตกลงกระแทกกับพื้นจนพื้นตรงนั้นกลายเป็นหลุมขนาดลึกทันที และกระอักเลือดออกมาอย่างแรง
หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าก้มมองโอรสสวรรค์ปกสมุทรและกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “สำนักแตรสังข์นับเป็นตัวอะไร แค่พวกชื่อเสียงจอมปลอมฝูงหนึ่งเท่านั้น บังอาจกล้าอวดบารมีต่อหน้าข้า!”
ท่าที่ที่พาลและไร้เหตุผลเช่นนี้ ท่าทีที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ พลันทำให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ
ความดุร้ายของคนโหดอันดับหนึ่งที่ฮึกเหิมถึงเพียงนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้ มิน่าล่ะ ถึงได้กลายเป็นศัตรูผู้แข็งแกร่งของเมิ่งเจิ้นเทียน ความไร้เทียมทานเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากน้อยเท่าไรที่ต้องรู้สึกสั่นเทาในใจ
สำหรับปีศาจทะเลด้วยแล้วยิ่งมีสีหน้าที่ขาวซีด โอรสสวรรค์ปกสมุทรคือผู้ที่มีโอกาสมากที่สุดของปีศาจทะเลที่จะก้าวไปถึงตำแหน่งเทพเจ้าแห่งทะเล มาวันนี้กลับถูกหลี่ชิเย่ทำร้ายอยู่ข้างเดียว
……………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...